อิหร่านขู่ยิวอย่าเอาคืนหลังเจอถล่ม

ตะวันออกกลางระอุ! อิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอลด้วยโดรนและขีปนาวุธสางแค้นสถานทูตในซีเรียถูกถล่ม “เนทันยาฮู” โวสกัดโดรนและขีปนาวุธได้กว่า 99% นานาชาติร่วมประณาม แต่มะกันเตือนอย่าทวงแค้นเดี๋ยวจะลุกลาม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า  เมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 เมษายน ต่อเนื่องถึงช่วงเช้าวันที่ 14 เมษายน กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านได้ส่งโดรนติดอาวุธและขีปนาวุธรวมกันกว่า 300 ลูก เข้าไปโจมตีอิสราเอลโดยตรงเป็นครั้งแรก เพื่อแก้แค้นเหตุโดรนอิสราเอลโจมตีทิ้งระเบิดใส่สถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัสของซีเรียเมื่อวันที่  1 เม.ย.

ภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังการโจมตี   บัญชีบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ของอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่าน รีโพสต์คำประกาศกร้าวของตนเองก่อนหน้านี้ ที่เขียนว่า “รัฐบาลปีศาจ (อิสราเอล) จะถูกกำจัด”

เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศคำมั่นว่า อิสราเอลจะได้รับชัยชนะ หลังกองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ประกาศว่าได้ยิงโดรนและขีปนาวุธเกือบ 300 ลูกของอิหร่านตก โดยเนทันยาฮูโพสต์บน X ว่า “เราสกัดกั้น เราขับไล่ และเราจะชนะไปด้วยกัน” ไอดีเอฟระบุว่า ได้ยิงโดรนและขีปนาวุธของอิหร่านตกมากกว่า 99% และกำลังหารือกันเกี่ยวกับมาตรการต่อเนื่อง

พล.ร.ต.ดาเนียล ฮาการี โฆษกไอดีเอฟ กล่าวว่า การกระทำของอิหร่านถือเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างมาก และจะผลักให้ภูมิภาคนี้ไปสู่ความรุนแรง โดยอิหร่านได้ยิงขีปนาวุธภาคพื้นดินหลายสิบลูก และขีปนาวุธร่อนมากกว่า 10 ลูก แต่ส่วนใหญ่ถูกสกัดนอกพรมแดนอิสราเอล โดยทำให้เกิดความเสียหายเพียงเล็กน้อยต่อสถานที่ทางทหารแห่งหนึ่งเท่านั้น

นอกจากนั้นพันธมิตรของอิหร่านในตะวันออกกลางยังได้เข้าร่วมการโจมตีครั้งนี้เช่นกัน โดยกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนยิงโดรนใส่อิสราเอลและกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอนยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพอิสราเอลในบริเวณที่ราบสูงโกลัน

ด้านอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ประณามการโจมตีว่าเป็นการยกระดับความรุนแรง และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแสดงความยับยั้งชั่งใจเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่อาจนำไปสู่การเผชิญหน้าทางทหารครั้งใหญ่ในหลายแนวรบในตะวันออกกลาง

ส่วนทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ระบุว่า การโจมตีดังกล่าวเกี่ยวพันกับความขัดแย้งต่อเนื่องระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันจะยืนหยัดร่วมสู้และเคียงข้างประชาชนอิสราเอล

ในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา ได้ขอบคุณกองกำลังของทุกประเทศที่สนับสนุนอิสราเอล จากความสำเร็จในการร่วมกันสกัดการโจมตีของอิหร่าน ซึ่งไบเดนกล่าวกับเนทันยาฮูทางโทรศัพท์ว่า สหรัฐไม่เห็นด้วยหากอิสราเอลคิดตอบโต้อิหร่าน โดยสหรัฐจะไม่ขอมีส่วนร่วมและไม่ขอสนับสนุนปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งนายเนทันยาฮูตอบว่าเขาเข้าใจดี

นายกรัฐมนตรีริชี ซูนัค ประณามการกระทำของอิหร่าน และให้คำมั่นว่ารัฐบาลของเขาจะยืนหยัดเพื่อความมั่นคงของอิสราเอลต่อไป

ขณะที่ สเตฟาน เซจูเน รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ตำหนิกองกำลังของอิหร่านที่กระทำการอันอาจสร้างความขัดแย้งในวงกว้างซึ่งไม่เป็นผลดีต่อภูมิภาคตะวันออกกลาง

โมฮัมหมัด บาเกรี ประธานคณะเสนาธิการกองทัพอิหร่าน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติยืนยันว่า  “การตอบโต้ของเราจะหนักหน่วงยิ่งกว่าปฏิบัติการทางทหารเมื่อคืนนี้ หากอิสราเอลลงมือแก้แค้นอิหร่าน” พร้อมระบุว่า ได้เตือนวอชิงตันผ่านทางสวิตเซอร์แลนด์ไปแล้วว่า หากสนับสนุนปฏิบัติการแก้แค้นของอิสราเอลก็ให้ระวังว่าฐานทัพสหรัฐในภูมิภาคอาจตกเป็นเป้าหมายด้วย

บาเกรียังอ้างด้วยว่า อิหร่านยิงโจมตีฐานทัพอิสราเอลได้สำเร็จถึง 2 แห่ง และภารกิจแก้แค้นครั้งนี้จบลงแล้ว

ด้านความเคลื่อนไหวในไทยนั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า กต.ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่าปัจจุบันมีคนไทยพำนักอยู่ในอิสราเอลประมาณ 28,000 คน และในอิหร่านประมาณ 300 คน โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน ได้ติดต่อกับชุมชนไทยเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพัฒนาการของสถานการณ์เป็นระยะเสมอมา โดยขณะนี้ยังไม่มีรายงานคนไทยในอิสราเอลและอิหร่านได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว

 “ประเทศไทยมีความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง และขอให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจเพื่อมิให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่กรณีจำเป็น”

กต.ขอให้พี่น้องคนไทยทุกคนปลอดภัย โดยขอให้คนไทยทั้งในอิสราเอลและพื้นที่ใกล้เคียงเฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข่าวสารของทางการท้องถิ่น และจากสถานเอกอัครราชทูตไทยทุกแห่ง โดยเฉพาะสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ในกรณีฉุกเฉินพี่น้องคนไทยสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือเร่งด่วนได้ ดังนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ : หมายเลขฉุกเฉิน : +972 546 368 150 และ +972 503 673 195

เฟซบุ๊ก : www.facebook.com/thaiembassytelaviv (ทุกเรื่องเมืองยิว) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน : หมายเลขฉุกเฉิน : +98 912 500 7933 และ +98 912 159 8699 เฟซบุ๊ก : www.facebook.com/ThailandinIran หรือ Call Center กรมการกงสุล 0-2572-8442

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ แจ้งแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.2567  เวลา 23.00 น. จนถึงวันที่ 15  เม.ย.2567 เวลา 23.00 น. ดังนี้ 1.ห้ามมีการชุมนุมมากกว่า 1,000 คนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และปิดสถาบันการศึกษา 2.ในพื้นที่สู้รบห้ามชุมนุมมากกว่า 30 คน และ 3.สถานที่ทำงานเปิดได้เฉพาะที่มีห้องหลบภัย ทั้งนี้ รัฐบาลได้ประกาศปิดน่านฟ้าและงดเที่ยวบินทั้งหมดตั้งแต่เวลา 00.30 น. ของวันที่ 14 เม.ย.2567 จนกว่าจะเปลี่ยนแปลง ขอให้ทุกท่านติดตามประกาศของแต่ละท้องที่ หากต้องการติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ โปรดติดต่อ +972546368150 +972503673195

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ได้สั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เร่งตรวจสอบและดูแลแรงงานไทยอย่างใกล้ชิดทันที ซึ่งจากรายงานของนายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ทราบว่าขณะนี้ยังไม่มีแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากสถานการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์สงครามอิหร่าน-อิสราเอลอย่างใกล้ชิด และสั่งการให้ปลัดและหน่วยงานทุกหน่วยของกระทรวงติดตามรายงานสถานการณ์ คาดการณ์ผลกระทบ และแนวทางในการรับมือด้านพลังงานตลอดเวลาเช่นกัน พวกเราพร้อมทำงานเพื่อประเทศทุกสถานการณ์ แม้อยู่ในช่วงวันหยุดสงกรานต์

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลควรเร่งประชุม ครม.เศรษฐกิจและพลังงานกำหนดแผนรับมือวิกฤตเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาวโดยด่วน หากสงครามกระจายวงกว้างขึ้น เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบมากขึ้นจากราคาน้ำมันดิบโลกที่เพิ่มขึ้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความผันผวนในตลาดการเงินโลก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ล่า ‘หมอบุญ’ เมียแค้นเอาคืน

ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวก 9 คน ร่วมหลอกลวงประชาชนร่วมลงทุนธุรกิจ รพ.ขนาดใหญ่หลายโครงการ เสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท