วันแรกดุสังเวย25ศพ แห่กลับภูมิลำเนาคึกคัก

ศปถ.เผยยอดเดินทางฉลองสงกรานต์ วันที่ 11 เม.ย. พบอุบัติเหตุ 234 ครั้ง บาดเจ็บ 248 คน เสียชีวิต 25 ราย กรุงเทพฯ ตายมากสุด 3 ราย พร้อมประสานจังหวัดคุมเข้มขับรถเร็ว-ดื่มแล้วขับ ส่วนการเดินทางกลับบ้านรถขึ้นเหนือและอีสานแน่นติดหนึบ คาด ปชช.ใช้ทางหลวง 7 ล้านคัน ส่วนหมอชิต-กรุงเทพอภิวัฒน์คึกคัก

วันที่ 12 เมษายน ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2567 สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 11 เมษายน 2567 เกิดอุบัติเหตุ 234 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 248 คน ผู้เสียชีวิต 25 ราย ศปถ.ได้ประสานจังหวัดดูแลความปลอดภัยในเส้นทางสายหลักและสายรอง รวมถึงพื้นที่จัดกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์ (โซนนิง) พร้อมคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะการขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ รวมถึงกวดขันการใช้อุปกรณ์นิรภัย คุมเข้มการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้อยู่ในเวลาที่กำหนด และไม่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อีกทั้งเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจรถโดยสารสาธารณะ ตลอดจนร่วมกันส่งเสริมการเล่นน้ำสงกรานต์ตามประเพณีวิถีไทย เพื่อสืบสานประเพณีสงกรานต์ให้เป็นเทศกาลแห่งความสุขและความปลอดภัย

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 44.02, ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 20.94, ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 16.67 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 86.07 ส่วนใหญ่ เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 85.90, ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 47.01, ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 23.50 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 16.01-17.00 น. ร้อยละ 8.55 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี ร้อยละ 16.48 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,729 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,203 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สงขลา (11 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สงขลา (13 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (3 ราย) สำหรับประชาชนที่ประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และไลน์ ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784 โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ขณะที่ นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงได้คาดการณ์ปริมาณจราจรบนทางหลวงสายหลักและมอเตอร์เวย์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ตั้งวันที่ 11-17 เมษายน 2567 รวม 7 วัน ทั้งสิ้น 6,985,530 คัน แบ่งเป็นฝั่งขาเข้า 3,543,452 คัน โดยกรมทางหลวงคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาสูงสุดในวันที่ 12 เม.ย.67 ปริมาณจราจรกว่า 663,152 คัน และคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ สูงสุดในวันที่ 17 เม.ย.67 ปริมาณจราจรกว่า 599,058 คัน ขอความร่วมมือผู้ใช้ทางขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจร สามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติม หรือแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายระหว่างเดินทาง ได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586

'เหนือ-อีสาน' รถแน่น

ขณะที่ภาพรวมการเดินทางกลับภูมิลำเนาของพี่น้องประชาชน เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 เม.ย. รายงานการจราจรสายเอเชียผ่านจังหวัดอ่างทอง ตั้งแต่ อ.เมืองอ่างทอง รอยต่อ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ถึงอำเภอไชโย รอยต่อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พบว่ามีการจราจรหนาแน่น หลังประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวภาคเหนือในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลวันสงกรานต์ ตลอดเส้นทางมีรถยนต์หนาแน่นเต็มช่องจราจร ใช้ความเร็วได้ประมาณ 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง   สลับหยุดนิ่ง มีการชะลอตัวเป็นระยะตามทางแยก ทางโค้ง และตามคอสะพาน    นอกจากนี้ เส้นทางเลี่ยงการจราจรช่วงเทศกาลยังพบว่ารถยนต์หนาแน่น หลังประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวภาคเหนือในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลวันสงกรานต์

ส่วนบรรยากาศการเดินทางกลับภูมิลำเนาของพี่น้องประชาชนภาคอีสานตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมาจรดเช้าและสายของวันที่ 12 เม.ย. การจราจรบนถนนมิตรภาพขาล่องมุ่งหน้าไปยังภาคอีสานตอนบนและตอนล่าง สภาพการจราจรบนถนนมิตรภาพช่วงผ่านจังหวัดนครราชสีมา มีปริมาณรถยนต์จำนวนมากเต็มพื้นที่ถนนมิตรภาพ ที่ต่างทยอยเดินทางมากขึ้น ทำให้มีความหนาแน่นของรถยนต์ ส่งผลให้การจราจรหนาแน่นสะสมชะลอตัวสลับหยุดนิ่งช่วงทางขึ้นเขา ทางขึ้นมอสูง บางจุดมีการชะลอตัวสะสม ตั้งแต่ ต.กลางดง-อ.ปากช่อง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงและเจ้าหน้าที่แขวงการทางนครราชสีมาต้องมีการเปิดช่องทางพิเศษระยะทาง 17 กม. ต.กลางดง-หน้าฟาร์มโชคชัย และปริมาณรถมากช่วงทางเลี่ยงเมือง อ.ปากช่อง ต่อเนื่องถึงจุดทางขึ้น M6 มอเตอร์เวย์ โดยบนถนนมอเตอร์เวย์ปริมาณรถมาก แต่เคลื่อนตัวไหลได้เรื่อยๆ ใช้ความเร็วได้ 70-80 กม./ชม.

 ขณะที่บรรยากาศการเดินทางที่สถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมาแห่งที่ 2 อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา พี่น้องประชาชนหอบหิ้วสัมภาระต่างๆ ทยอยเดินทางมาซื้อตั๋วรถทัวร์โดยสารเพื่อที่จะเดินทางกลับจังหวัดทางภาคอีสานและอำเภอต่างๆ  อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจุดบริการจำหน่ายตั๋วที่จะเดินทางไปยังจังหวัดขอนแก่น จ.เลย, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุดรธานี รวมไปถึงจังหวัดชัยภูมิ, หนองบัวลำภู มีผู้โดยสารจำนวนมากนั่งรอเพื่อที่จะขึ้นรถ ซึ่งคาดว่าจะยังคงมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาทางภาคอีสานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

หมอชิต-บางซื่อคนแน่น

นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยข้อมูลการเดินทางของประชาชนเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ผ่านมาว่า มีประชาชนเดินทางรวมเที่ยวไป-กลับจำนวน 147,871 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส., รถร่วม, รถตู้) จำนวน 7,622 เที่ยว แบ่งเป็นเดินทางกลับภูมิลำเนา (เที่ยวไป) จำนวน 80,460 คน ใช้รถโดยสาร จำนวน 4,174 เที่ยว ส่วนการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ (เที่ยวกลับ) มีผู้ใช้บริการจำนวน 67,411 คน ใช้รถโดยสาร จำนวน 3,475 เที่ยว โดยการอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางออกจากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง

ส่วนการเดินทางวันที่ 12 เม.ย.67  คาดการณ์ว่าประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนากว่า 80,000 คน ได้จัดรถโดยสารรองรับกว่า 4,000 เที่ยว รวมทั้งประสานผู้ประกอบการนำรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถ 30) มาวิ่งเสริมให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันที่ 12 เมษายน 2567 บรรยากาศประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์โดยรถไฟของพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เป็นไปอย่างคึกคัก

สำหรับยอดผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟเดินทางเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา มีทั้งสิ้น 84,303 คน เป็นผู้โดยสารขบวนรถปกติ 82,393 คน และเป็นผู้โดยสารขบวนรถเสริม 1,910 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารขาออก 46,216 คน ผู้โดยสารขาเข้า 38,087 คน สำหรับเส้นทางที่มีผู้โดยสารเดินทางหนาแน่นที่สุด คือ สายใต้ 28,192 คน รองลงมาคือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ 23,619 คน, สายเหนือ 16,447 คน, สายตะวันออก 10,597 คน, สายมหาชัย 4,646 และสายแม่กลอง 802 คน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชน.ขนทัพใหญ่ หาเสียงทิ้งทวน! หวังปักธง‘สีส้ม’

“ปชน.” ปูพรมโค้งสุดท้าย ขนทัพใหญ่ดาวกระจาย 6 สายทั่วพื้นที่ “ปิยบุตร” ขอโอกาสปักธงสีส้ม “พิธา” เชื่อคะแนนยังสูสี พรรคประชาชนมีโอกาสพลิกชนะ