นิดโปรยยาหอมชาวสมุย ดันขึ้นท็อปเทนเกาะโลก!

ตามสูตร “เศรษฐา” โปรยยาหอมชาวสมุย รับปากเข็นบิ๊กโปรเจกต์ท่าเทียบเรือสำราญ Cruise  Terminal ตั้งเป็น KPI เข้า ครม.สิ้นปีนี้แน่เป็นของขวัญให้ประชาชน พร้อมดันทั้งเรื่องประปา แก้ปัญหาขยะ และเพิ่มเที่ยวเดือนเรือ หวังดันเกาะสมุยขึ้นท็อปเทนของโลก

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย.2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะเดินทางตรวจราชการอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 6-8 เม.ย.นั้น โดยช่วงเช้านายกฯ เดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน ขง 4 สุราษฎร์ธานี มาติดตามโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ ณ แหลมนิคม ต.ตลิ่งงาม อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

เมื่อมาถึงนายกฯ รับฟังบรรยายสรุปโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ จากนายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ซึ่งระหว่างรับฟังบรรยายสรุป นายกฯ แนะนำให้เปิดดิวตี้ฟรีหลังจากที่ท่าเทียบเรือเสร็จเรียบร้อย เพื่อบริการนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่เกาะสมุย พร้อมระบุว่าอยากให้โครงการดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในสิ้นปี 2567 และตั้งเป็น KPI เพื่อเป็นของขวัญให้กับชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะที่นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม กล่าวตอบรับทันทีว่า รับดำเนินการ

จากนั้นนายกฯ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกริ่นมาแล้วอยากให้มีเรื่องของมารีน่า (ท่าเทียบเรือสำราญ) ตรงนี้น่าจะทำได้ คิดว่าควรมี เพราะมีเกาะหลายเกาะ เหมาะกับการให้นักท่องเที่ยวมาเหมือนภูเก็ต สิมิลัน และอยากให้ทำเกี่ยวกับเรื่องเครื่องบินน้ำด้วย เพื่อบินจากเกาะต่างๆ มาจุดนี้ได้ เพราะแถวนี้มีเกาะท่องเที่ยวหลายเกาะ ต้องทำให้ครบวงจร บริการนักท่อง เที่ยวเป็นท็อปเทนของโลก ต้องทำให้ได้

ภายหลังรับฟังบรรยายสรุป นายกฯ ได้เดินดูพื้นที่จริงในการก่อสร้างท่าเทียบเรือ และได้ถ่ายภาพร่วมกัน พร้อมกล่าวว่า การดำเนินโครงการอะไรก็ตาม ขอให้ฟังเสียงประชาชนก่อนทุกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ก่อนพูดคุยกับ สส.ในพื้นที่ และเรียกผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเข้ามาสั่งการ ว่าการเดินทางมาครั้งนี้ไม่ใช่พูดลอยๆ ต้องมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน และขอให้ สส.ช่วยกันโปรโมตเกาะสมุย หลังการสร้างท่าเรือแล้วควรเชื่อมโยงการท่องเที่ยว ทั้งเรื่องของวัด แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ โดยร่วมมือกับ ททท.

ต่อมาเวลา 11.16 น. นายเศรษฐาเดินทางเยี่ยมชมแปลงทุเรียนสาธิต ที่สวนทุเรียนนายชัยณรงค์ ทองสุข ต.หน้าเมือง อ.เกาะสมุย โดยตัวเกษตรกรสวนทุเรียนได้สะท้อนปัญหาเรื่องการสร้างถนน เรื่องไฟฟ้า สะพาน และอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะการสร้างถนนให้มีการเชื่อมโยง ซึ่งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับว่าเดี๋ยวจะจัดการให้ ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า ให้สร้างถนนเส้นที่ได้ประโยชน์สูงสุดก่อน นอกจากนี้ตัวเกษตรกรสวนทุเรียนยังสะท้อนปัญหาเรื่องเรือ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการขนส่ง ทำให้นายกฯ ได้หันไปเรียกหาอธิบดีกรมเจ้าท่า เพื่อขอให้เพิ่มเที่ยวการเดินเรือ ก่อนที่นายกฯ จะกล่าวว่า อธิบดีกรมเจ้าท่าไม่อยู่ แต่ต้องขยายเที่ยวการเดินเรือให้มากขึ้น และเรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไร ขอให้กระทรวงคมนาคมรับไป

นายเศรษฐายังกล่าวกับเกษตรกรว่า ขอเรียนว่าการเลือกตั้งจบไปแล้ว ไม่ได้มาหาเสียง แต่อยากมาช่วยแก้ปัญหาจริง ตัวเลข 1 ล้านล้านบาทเป็น 1 ใน 3 ของงบประมาณ ฉะนั้นถ้าช่วยได้ก็จะช่วย ยืนยันตรงนี้ไม่ต้องห่วง ทั้งนี้ ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนทุเรียนตั้งเป้าในปีนี้ให้ได้ผลผลิตทั้งทุเรียนและมังคุด 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า 1 หมื่นล้านบาท แค่ 1%  เป้าหมายของเราที่ตั้งไว้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเฉพาะสมุย 5% ก็ 5 หมื่นล้านบาท จึงไม่อยากให้มองแค่ 1 หมื่นล้านบาท ขอให้มองไกลกว่า ซึ่งถ้าหากท่านมองตัวเลข 5 หมื่นล้านบาท ถนนก็ต้องขยาย ไฟฟ้าก็ต้องมา และการขนส่งทางเรือเราก็จะไม่หยุดยั้ง ซึ่งเกษตรกรสวนทุเรียนกล่าวว่ารอมา 13 ปีแล้ว นายเศรษฐาจึงกล่าว ท่านรอมา 13 ปีแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็น่าจะจบได้ ให้โอกาสเราบ้าง จากนั้นนายกฯ ได้เดินชมสวนทุเรียน

ในเวลา 12.05 น. ที่ร้านเสบียงเล อ.เกาะสมุย นายเศรษฐาได้รับประทานอาหารกลางวัน โดยหนึ่งในเมนูที่ร้านจัดให้คือแกงไตปลา โดยนายกฯ ได้นั่งร่วมโต๊ะกับบรรดารัฐมนตรีพร้อมชิมแกงไตปลา และกล่าวว่า อร่อยมากครับ ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้

ต่อมานายเศรษฐาได้ไปตรวจติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาขยะใน อ.เกาะสมุย ณ เตาเผาขยะสมุย ต.มะเร็ต ซึ่งเทศบาลนครเกาะสมุยจัดทำโครงการจัดการมูลฝอยตกค้างในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวหลักพื้นที่เกาะสมุย พร้อมของบประมาณ 239,767,000 บาท เพื่อเคลียร์ขยะที่ตกค้างอยู่ 143,800 ตัน โดยนายกฯ  กล่าวว่า รับทราบปัญหา หากเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้นในส่วนของขยะที่ตกค้าง ที่ต้องใช้งบประมาณกว่า 239 ล้านบาท ซึ่งต้องทำคู่ขนานกันไประหว่างมาตรการระยะสั้นและยาว และต้องดูในระยะยาวเราจะแก้ปัญหาอย่างไรจากขยะที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเข้าใจว่าโรงเผาแห่งนี้สร้างมากว่า 20 ปีแล้ว ดังนั้นขีดความสามารถในการเผาก็จะลดน้อยลงไป ซึ่งต้องมีการทำใหม่ ดังนั้นในระยะยาวต้องปรับปรุงโรงขยะแห่งนี้

ในเวลา 13.45 น. ที่เทศบาลนครเกาะสมุย นายเศรษฐาเยี่ยมชมนิทรรศการสินค้า OTOP โดยมีประชาชนอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน (อสม.) มารอต้อนรับ พร้อมกับถือป้ายให้กำลังใจ จากนั้นได้ชิมน้ำที่ทำมาจากผักคอส ซึ่งนายกฯ บอกว่าอร่อยดี พร้อมกวนกะละแม ก่อนเซ็นชื่อบนลายผ้าเกาะสมุย

ต่อมานายกฯ ประชุมหารือบูรณาการจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่เข้าร่วม ซึ่งการหารือมีประเด็นน้ำประปาส่วนภูมิภาค ปัญหาขยะ เรื่องการท่องเที่ยว ความเป็นไปได้ในการขยายพื้นที่สนามบินนานาชาติสมุย และการขยายถนนรอบเกาะ

จากนั้นนายกฯ กล่าวมอบนโยบายว่า  ตั้งแต่รับตำแหน่งมามีความใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น ซึ่งเกาะสมุยมีศักยภาพสูงมาก ก่อนนี้ได้รับการจัดลำดับที่มีความป๊อปปูลาร์หรือความนิยมสูงในท็อปเทนทุกครั้งที่มีการจัดระดับเมืองน่าท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ จึงได้ให้ KPI ไปกับ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ว่าเกาะสมุยต้องขยับไปจุดท็อปเทนเป็นเกาะที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก

นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องน้ำประปา ต้องบอกข่าวดี เพราะน้ำที่จะทำเข้ามาอยู่ในงบปี 2568 แล้ว ฉะนั้นเดือน ต.ค.ปีนี้ สามารถที่จะเดินท่อที่ 2 ส่งน้ำประปามาได้ สำหรับการสร้างถนนได้สั่งการกรมทางหลวงไปแล้ว ต้องทำด้วยความละเอียดออกและระมัดระวัง สิ่งที่จะกระทบต่อพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเรื่องพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งจะต้องมีการประสานกับหลายหน่วยงาน แต่ขอให้มั่นใจเราตระหนักดี อาจจะยกระดับสมุยเป็นเกาะระดับโลก ก็ต้องดูแลเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี อย่างไรก็ตาม การขนส่งสินค้าเข้าเมืองมีปัญหา คนที่จะมาเกาะก็ยากลำบาก เพราะเรือมีน้อย ดังนั้นจะต้องขยายเวลาเรือในการรับขนส่งให้มีมากขึ้น ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาระยะยาวในการสร้างสะพานต้องศึกษากันต่อไป ต้องดูให้รอบคอบคำนึงถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อม

“เกาะสมุยเชื่อว่ายังมีสิ่งดีงามที่ซ่อนเร้นอยู่ในเกาะสมุยอีกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเชิงวัฒนธรรม ศาสนา จึงได้ขอร้องไปยัง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และผู้ว่าฯ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ช่วยกันทำงานให้หนักขึ้น โฆษณาให้เยอะขึ้น ให้นักท่องเที่ยวอยู่ยาวขึ้น เพื่อซึมซับวัฒนธรรมสิ่งดีๆ บนเกาะสมุย”

ด้านนายพิพิธ รัตนรักษ์ สส.สุราษฎร์ธานี เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวขอบคุณนายกฯ ว่า วันนี้เป็นวันที่ดีใจของชาวสมุย ที่นายกฯ ให้ความสำคัญลงพื้นที่ด้วยตัวเอง มาดูปัญหาด้วยตนเอง เพราะต้องยอมรับว่าปัญหาของเรารอคอยการแก้ปัญหามาหลายปี วันนี้ดีใจและอิ่มเอมใจที่นายกฯ ให้สิ่งดีๆ ให้ขวัญและกำลังใจและเตรียมจะมอบของขวัญปีใหม่ให้ชาวสมุย วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับสมุย เพื่อยกระดับสมุยสู่สากล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง