ขึงขังตั้งกก.คุ้ย‘แคดเมียม’

“รมว.อุตสาหกรรม” สั่งปลัดตั้ง คกก.สอบปมกากแคดเมียม ล่าตัวการมาลงโทษ เผยพบอีกพันตันในพื้นที่สมุทรสาคร สรุปเจอสารอันตรายแล้วหมื่นตัน คิดเป็น 70% บี้ปูพรมค้นหาต่อให้ครบ ตร.เร่งขยายผลหลังจับหนุ่มจีนเจ้าของโกดังชลบุรีเก็บแคดเมียม 7 พันตัน ตากสั่งปิดพื้นที่โรงงาน-บ่อกักเก็บ ห้ามเข้า-ออก 90 วัน

เมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่เทศบาลนครเกาะสมุย ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง  กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการขนย้ายกากแคดเมียมจำนวน 15,000 ตัน จาก จ.ตาก มาไว้ที่โรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งพบเพียง 2,440 ตัน หายไปกว่า 1 หมื่นตัน โดยล่าสุดพบที่จังหวัดชลบุรีด้วยว่า ขณะนี้ได้พบเจอสารดังกล่าวที่จังหวัดสมุทรสาครแล้ว และสั่งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่ามีอะไรบ้าง ที่ไหนบ้าง ใครเอาไปดำเนินการอย่างไรบ้าง รวมถึงตรวจสอบสภาพอากาศในพื้นที่แล้ว ซึ่งใช้อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ และพบว่าไม่มีอะไร ในส่วนที่สามารถดำเนินการติดตามสารที่กลับมาได้นั้น ต้องดำเนินการนำไปฝังกลบภายใน 15 วัน

ส่วนที่มีข่าวว่าสารดังกล่าวหลุดไปที่จังหวัดชลบุรีนั้น ต้องนำกลับมาให้หมด โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบทราบความจริงแล้ว อย่างไรก็ตาม น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ได้ลงพื้นที่ดูแลด้วยตัวเองทุกวันแล้ว

เมื่อถามว่า ประชาชนมีความกังวลว่าสารดังกล่าวเป็นอันตรายหรือไม่ นายกฯ  ยอมรับว่า เป็นสารอันตราย แต่ได้ดำเนินการตรวจสอบที่หลุดกระจายออกไปแล้ว  ยังไม่มีอันตราย

ด้าน น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า   ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งรัดกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) แก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุด โดยให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการอนุญาตขนกากแคดเมียมจากโรงงานแห่งหนึ่งที่ จ.ตาก ไปยังบริษัทที่อยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร แล้ว รวมทั้งให้ กรอ.และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งตรวจสอบหากากแคดเมียมที่หายไปกว่า 10,000 ตัน ว่าอยู่ที่ไหน มีการซุกซ่อน หรือปลายทางอยู่ที่ไหน ต้องตามหาให้เจอโดยเร็ว เพื่อขนย้ายกลับคืนสู่ต้นทางที่ จ.ตาก ทำการฝังกลบให้ถูกต้องตามขั้นตอน ซึ่งกระบวนการทั้งหมด ทั้งการขนย้ายกลับ และการฝังกลบ ได้กำชับอย่างเข้มข้นว่า ห้ามส่งผลกระทบต่อชุมชนพื้นที่และสิ่งแวดล้อมโดยเด็ดขาด

 “เรื่องนี้ซีเรียสมาก ทุกขั้นตอนต้องทำให้ถูกวิธี ถูกต้อง ห้ามกระทบต่อประชาชน ชุมชนพื้นที่และสิ่งแวดล้อม ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม ตอนนี้คำสั่งย้ายอุตสาหกรรมจังหวัดตากมีผลแล้ว และได้สั่งการให้ขนย้ายกากแคดเมียมจาก จ.สมุทรสาคร ไปยัง จ.ตาก และต้องฝังกลบให้ถูกต้องตามขั้นตอนภายใน 15 วัน และในส่วนของผู้กระทำผิด เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมตรวจสอบกระบวนการทั้งหมด หากพบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องผิด ก็ต้องถูกลงโทษตามกระบวนการด้วย เราต้องทำทุกอย่างคู่ขนานกันไป” รมว.อุตสาหกรรมระบุ

น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าวว่า วันเดียวกันนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้สนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เข้าตรวจสอบโรงงานแห่งหนึ่งในตำบลบางน้ำจืด สมุทรสาคร ซึ่งประกอบกิจการหล่อหลอมทองแดงและตะกอนทองแดง พบกองกากแคดเมียมกระจายอยู่ทั้งในและนอกอาคารจำนวนกว่า 1,000 ตัน ซึ่งได้ทำการยึดอายัด และแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับโรงงานดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ ยังได้สั่งให้โรงงานเคลื่อนย้ายกองกากเข้าไปในอาคารทั้งหมด เพื่อไม่ให้มีการฟุ้งกระจายของกากแคดเมียม

พบแคดเมียมแล้วหมื่นตัน

น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าวว่า จากการตรวจสอบและยึดอายัดกากแคดเมียมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นับจำนวนได้เกือบ 10,000 ตัน คิดเป็น 70% ของจำนวนกากแคดเมียมทั้งหมดที่ขนมาจากที่ตากมาไว้ในสมุทรสาคร โดยได้สั่งการเร่งตรวจสอบในพื้นที่อื่นๆ ทั้งในสมุทรสาครและจังหวัดใกล้เคียงที่คาดว่าจะมีการจัดเก็บ เพื่อรอการแปรสภาพหรือขนส่งไปที่อื่น และเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมที่ยึดอายัดทั้งหมดกลับไปฝังกลบที่เดิมโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนคลายความวิตกกังวล

ผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรสาครรายงานถึงกรณีที่ตรวจพบบิ๊กแบ็กในโรงงานตำบลบางน้ำจืดว่า จากการเข้าตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ พบบิ๊กแบ็กบรรจุกากแคดเมียม/ กากสังกะสี จำนวน 1,034 ตัน จึงได้เข้าเก็บตัวอย่างและอายัด ปิดป้ายห้ามเข้า ห้ามเคลื่อนย้ายก่อนได้รับอนุญาตไว้แล้ว อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังได้สอบปากคำนาย “จ”  เป็นชาวไต้หวัน และเป็นกรรมการบริษัท ดังกล่าว ซึ่งนาย “จ” นำเอกสารที่ไปลงบันทึกประจำวันกับตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 7 เม.ย. เวลา 02.15 น. มาแสดงให้เจ้าหน้าที่ได้ดู โดยระบุว่า บริษัทของตัวเองแค่ทำหน้าที่รับฝากของจากบริษัทแรกในสมุทรสาคร ที่ตรวจพบบิ๊กแบ็กบรรจุกากแคดเมียมเท่านั้น อ้างไม่ทราบว่าเป็นแร่ที่มีสารเคมีปนเปื้อนอันตรายหรือไม่ จึงอยากให้ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้

ที่ จ.ชลบุรี มีความคืบหน้าภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. ประสานกรมโรงงานฯ เข้าตรวจสอบโกดังในพื้นที่ ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และพบกากแคดเมียมบรรจุอยู่ในถุงบิ๊กแบ็ก น้ำหนักรวมกว่า 7,000 ตัน เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายหลิวลู่ ชาวจีน อายุ 38 ปี เจ้าของโกดังเก็บแคดเมียมกว่า 7,000 ตันดังกล่าวไปดำเนินคดีที่ สภ.คลองกิ่ว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ายังไม่มีการเอากากแคดเมียมออกมาหลอมละลาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหากับนายหลิวลู่ ในข้อหาครอบครองวัตถุสารอันตราย พร้อมทั้งสั่งอายัดโกดังดังกล่าว ห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้า-ออก เพื่อรอการจัดการสารแคดเมียมทั้งหมด ทั้งนี้ จากการสอบปากคำเบื้องต้น นายหลิวลู่รับสารภาพว่ารับซื้อมาจากมิสเตอร์จางเพื่อรอการจำหน่าย

ขณะที่รายงานจาก บก.ปทส.ซึ่งร่วมตรวจค้นเผยว่า พื้นที่บริเวณที่ตั้งโรงงานดังกล่าวมีอาคารลักษณะเป็นโกดัง ไม่ต่ำกว่า 20 อาคาร ก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรีระบุว่า โกดังของโรงงานบริเวณนี้มีใบอนุญาต 4 โรงงาน แต่ยังไม่ได้แจ้งประกอบกิจการ คือยังไม่สามารถประกอบกิจการได้ นอกจากนี้ยังระบุว่าโกดังอื่นๆ ภายในพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีใบอนุญาต

นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า มี 3 บริษัทเป็นเจ้าของ ในจำนวนนี้มีใบอนุญาต 1 ใบ ระบุเป็นโรงงานลำดับที่ 53 บดอัด หล่อหลอมพลาสติก โรงงานที่ 2 มีใบอนุญาต 1 ใบ ระบุเป็นโรงงานลำดับที่ 53 บดอัด หล่อหลอมพลาสติก และโรงงานที่ 3 มีใบอนุญาต 5 ใบ ระบุเป็นโรงงานลำดับที่ 53 จำนวน 4 ใบ อีกใบเป็นโรงงานลำดับ

บี้กวาดล้างทุนจีนสีเทา

ส่วนที่ จ.ตาก นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตาก มีคำสั่งประกาศกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตาก ลงวันที่ 6 เม.ย.2567 ห้ามมิให้บุคคลใดๆ เข้าไปอยู่อาศัยหรือดำเนินกิจการใดๆ ในพื้นที่โรงงาน บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ในรัศมี 100 เมตร จากบริเวณโดยรอบบ่อเก็บกากอุตสาหกรรมทั้ง 7 บ่อ และอาคารโรงงานเก็บพัสดุ ที่มีกากแคดเมียมบรรจุในถุงบิ๊กแบ็กภายในอาคาร เป็นระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันประกาศนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ หากผู้ใดมีความจำเป็นต้องเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ ตามสิทธิหรือตามกฎหมายที่ให้อำนาจหรือการดำเนินเพื่อการบำบัดปัดป้องภัยพิบัติสาธารณะ หรือการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้แจ้งต่อนายอำเภอเมืองตาก ในฐานะผู้อำนวยการอำเภอ ก่อนเข้าดำเนินการให้ผู้อำนวยการอำเภอใช้ดุลพินิจพิจารณาผ่อนปรนให้บุคคลใดเข้าพื้นที่ไปดำเนินการใดๆ ได้ โดยให้พิจารณาจากสิทธิหรืออำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ความจำเป็น  มาตรการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากสารเคมีและวัตถุอันตราย และมาตรการป้องกันไม่ให้กากอุตสาหกรรมอันตรายส่งผลกระทบต่อประชาชน

วันเดียวกัน นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเครือข่ายทุนจีนสีเทาในธุรกิจอุตสาหกรรม ที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมต้องเร่งสอบสวนถึงความเชื่อมโยง และเร่งดำเนินการนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด ดังนั้นจึงขอเรียกร้องไปยังนายกฯ สั่งการให้ตำรวจได้สอบสวนและดำเนินคดีกับเครือข่ายนี้แบบถอนรากถอนโคน และขับออกนอกประเทศ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างให้คนต่างชาติที่เป็นนายทุนมากระทำความผิดกับคนไทยและประเทศไทยอีกต่อไป

ขณะที่ สส.ก้าวไกล ประกอบด้วย นายคริษฐ์ ปานเนียม สส.ตาก, นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม สส.สมุทรสาคร, นายชวาล พลเมืองดี สส.ชลบุรี จัดเฟซบุ๊กไลฟ์ตั้งวงคุยฉุกเฉินเตือนประชาชน และตั้งคำถามต่อรัฐบาลกรณีกากแคดเมียมหาย 15,000 ตัน โดยมีข้อเสนอ อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรมต้องตรวจสอบข้อมูลและเปิดเผยข้อมูลอย่างเร่งด่วน และทบทวนระบบกำกับการจัดการของเสียและน้ำเสียอุตสาหกรรมทั้งระบบ, ประชาชนได้เข้าร่วมในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นต่อการอนุญาตให้ขุดกากแร่หรือไม่, ฝ่ายนิติบัญญัติและนายกรัฐมนตรีต้องเร่งรัดการออกกฎหมาย PRTR (พ.ร.บ.ควบคุมการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายสารพิษหรือมลพิษ) เพื่อเปิดเผยข้อมูลมลพิษให้ประชาชนได้ทราบความเสี่ยงของพื้นที่โดยเร็วที่สุด โดยพรรคก้าวไกลได้ยื่นร่างกฎหมาย PRTR เข้าสภาแล้ว หวังว่าในการเปิดสมัยประชุมสภาครั้งหน้าจะหยิบยกกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาพิจารณาโดยเร็ว ไม่ปล่อยให้วัวหายแล้วล้อมคอกเหมือนที่ผ่านมา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ปลุกทุกภาคส่วน ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านวีดิทัศน์ว่า เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2567

ความจริง 'ชั้น 14' ชี้ชะตา 'รัฐบาลอิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อายุรัฐบาลขึ้นกับความจริงบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.)