“เศรษฐา” ผวาถูกติงผลประโยชน์ทับซ้อน สั่ง “กฤษฎา” ที่ดูแลธนาคารอาคารสงเคราะห์ผุดมาตรการเข้าร่วมแพ็กเกจอุ้มอสังหาฯ ธอส.สนองทันควัน ปัดฝุ่นโครงการที่ใช้อยู่แต่งตัวใหม่ชื่อ Happy Home พร้อมพ่วง Happy Life ที่ทำตั้งแต่ ก.พ. แบงก์ป้องกันตัวเองขอแยกบัญชี พร้อมห้ามรับรวมเอ็นพีแอล
เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2567 มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารที่ 9 เม.ย.2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศสู่ศูนย์กลางเมืองอุตสาหกรรมระดับโลก (ไทยแลนด์วิชัน) นั้น มาตรการที่สำคัญคือการขยายเพดานมูลค่าที่อยู่อาศัยให้ได้รับค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ซื้อซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และผู้ขายที่ต้องการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์และห้องชุด ในราคาซื้อขายและค่าประเมินทุนทรัพย์จากเดิมไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 7 ล้านบาท โดยลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จากปกติ 2% เหลือ 0.01% และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน จากปกติ 1% เหลือ 0.01% แล้ว
นอกจากนั้นยังมีมาตรการที่เสนอในส่วนมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ บุคคลธรรมดาที่มีการสร้างบ้านในช่วงเวลาที่มีการดำเนินมาตรการ โดยมีการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าก่อสร้างบ้านเมื่อได้ทำสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านกับผู้รับเหมาทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล และต้องเริ่มก่อสร้างบ้านในหรือหลังวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค.2568 ซึ่งมูลค่าการหักลดหย่อนให้เป็นไปตามมูลค่าการก่อสร้างบ้าน 1 ล้านบาท จะหักลดหย่อนภาษีได้ 10,000 บาท ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท ตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านที่เสียอากรแสตมป์ด้วยวิธีการชำระอากรเป็นเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตกับกรมสรรพากร
รายงานจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า นายเศรษฐากลัวว่ามาตรการดังกล่าวอาจทำให้ถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และอาจถูกครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน จึงได้สั่งให้นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.การคลัง ซึ่งกำกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) หากมาตรการมาเสริมในแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมด้วย ทำให้ในการเสนอมาตรการสู่ ครม.ในวันที่ 9 เม.ย.นี้ จะมีมาตรการของ ธอส.เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและปานกลางในโครงการ Happy Home วงเงิน 20,000 ล้านบาท และโครงการ Happy Life วงเงิน 10,000 ล้านบาท ที่ธนาคารได้เปิดโครงการให้ยื่นขอตั้งแต่ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เข้ามาเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้ถูกเพ่งเล็งด้วย
รายงานแจ้งอีกว่า โครงการ Happy Home ของ ธอส. จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่โครงการใหม่แต่ประการใด แต่เป็นการปรับเปลี่ยนโครงการบ้าน ธอส.เพื่อคุณปี 2567 ที่กำหนดระยะเวลายื่นคำขอกู้ และกำหนดเวลาอนุมัติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธ.ค.2567 ในวงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 3,000,000 บาทต่อรายต่อหลักประกัน เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด, เพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร, เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด จากสถาบันการเงินอื่น, เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินเปล่าจากสถาบันการเงินอื่น พร้อมปลูกสร้างอาคาร, เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมอาคารจากสถาบันการเงินอื่น และปลูกสร้างอาคาร หรือต่อเติม หรือขยาย หรือซ่อมแซมอาคาร และเพื่อชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะมีระยะเวลากู้ไม่น้อยกว่า 3 ปี และไม่เกิน 40 ปี อายุผู้กู้รวมกับจำนวนปีที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี ยกเว้นข้าราชการตุลาการ อัยการ หรืออื่นๆ ที่มีอายุเกษียณมากกว่า 60 ปี ให้ใช้อายุของผู้กู้เมื่อรวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 75 ปี โดยการคิดดอกเบี้ยปีที่ 1 คิด 3.75% ต่อปี, ปีที่ 2 คิด 4.35% ต่อปี, ปีที่ 3-ปีที่ 5 คิด 4.85% ต่อปี, ปีที่ 6-ปีที่ 9 คิดลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR)-1.70% ต่อปี และปีที่ 10 จนถึงตลอดอายุสัญญาหากเป็นกรณีลูกค้าสวัสดิการ คิด MRR-1.50% ต่อปี และกรณีลูกค้ารายย่อย คิด MRR-0.75% ต่อปี ซึ่งคุณสมบัติผู้กู้นั้นต้องเป็นประชาชนทั่วไปที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อเดือน และไม่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัย
ในขณะที่โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home นั้น จะสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาไม่เกิน 3,000,000 บาท เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ปลูกสร้างอาคารหรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร และเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัยพร้อมกับวัตถุประสงค์ซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ระยะเวลาการกู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี วงเงินสูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 3,000,000 บาท โดยดอกเบี้ยที่คิดนั้นจะถูกกว่าโครงการเดิมของ ธอส. โดยปีที่ 3-5 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี, ปีที่ 6-7 อัตราดอกเบี้ย MRR- 2% ต่อปี, ปีที่ 8-9 ดอกเบี้ย MRR-3.50% ต่อปี, ปีที่ 10 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้เงิน กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไปอัตราดอกเบี้ย MRR-0.35% ต่อปี กรณีลูกค้าสวัสดิการ ดอกเบี้ยร้อยละ MRR-1% ต่อปี โดย ธอส.จะรับภาระค่าประเมินหลักประกันไม่เกิน 2,300 บาท โดยจะเริ่มให้ยื่นขอกู้ในโครงการได้ตั้งแต่วันที่ ครม.มีมติเห็นชอบจนถึงวันที่ 30 ธ.ค.2568 หรือจนสินเชื่อเต็มตามกรอบวงเงินของโครงการ
รายงานแจ้งว่า ธอส.เองก็กลัวปัญหาเช่นกัน โดยได้ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลในเรื่องโครงการดังกล่าว โดยได้ขอแยกบัญชีโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home เป็นบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (PSA) และขอนำผลกระทบรายได้และค่าใช้จ่ายจากการจัดทำโครงการมาปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งขอนำผลกระทบรายได้และค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการบวกกลับกำไรเพื่อการจัดสรรโบนัสประจำปี ที่สำคัญคือขอไม่นับรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ที่เกิดจากการดำเนินโครงการในการคำนวณตัวชี้วัดด้านความสามารถในการบริหาร NPLs ตามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ
สำหรับโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Life ที่ ธอส.ทำไปแล้ว และเปิดให้ยื่นขอตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.มีวัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาตั้งแต่ 2,500,000 บาทขึ้นไป เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ปลูกสร้างอาคารหรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร เพื่อต่อเติม ขยาย หรือซ่อมแซมอาคาร หรือไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น ระยะเวลาการกู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี โดยดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.98% ต่อปี, ปีที่ 1 ดอกเบี้ยคงที่ 1.95%, ปีที่ 2-3 ดอกเบี้ยคงที่ 3.50% ต่อปี, ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้เงิน กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป ดอกเบี้ย MRR-0.50% ต่อปี กรณีลูกค้าสวัสดิการ ดอกเบี้ย MRR-1% ต่อปี
ด้านกระทรวงการคลัง ได้แจงหมายข่าวว่าในวันอังคารที่ 9 เม.ย.2567 เวลา 15.30 น. นายกฤษฎา และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง พร้อมด้วยปลัดกระทรวงการคลัง, ผอ.สศค., รอง ผอ.สศค. และกรรมการผู้จัดการ ธอส. จะร่วมแถลงข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ณ ห้องประชุมป๋วยฯ ชั้น 7 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นายกฯ อิ๊งค์' เตรียมบินไปเปรูประชุมเอเปก
นายกฯเสร็จภารกิจแอลเอเตรียมบินต่อเปรูร่วมประชุมผู้นำเอเปก
นายกฯ พบค่ายหนังยักษ์มะกันหวังดันไทยเป็นฮับถ่ายทำภาพยนตร์
นายกฯ พบค่ายหนังยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ดันไทยเป็นฮับถ่ายทำภาพยนตร์ โชว์ซอฟพาวเวอร์ทำรายได้เข้าประเทศ
ครม.ตั้ง‘โต้ง’19พ.ย. ดี๊ด๊าคุมธปท.ฝ่าเสียงต้าน สถิตย์การันตีล้วงลูกไม่ได้
"กิตติรัตน์" ดี๊ด๊า! แชร์ข่าวได้นั่ง "ปธ.บอร์ด ธปท." ระบุทุกเสียงสนับสนุนคือกำลังใจ
นัดถกบอร์ดศก. ปล่อยกู้7หมื่นล. สางหนี้-ซื้อบ้าน
นายกฯ นัดถก "บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ" ครั้งแรก 19 พ.ย.นี้
เรียก‘พื้นที่อ้างสิทธิ’เลิกใช้‘ทับซ้อน’
เลขาฯ กฤษฎีกาชี้ชัดยกเลิก "เอ็มโอยู" ฝ่ายเดียวได้แต่ไม่ควร
รบ.โต้ขัดแย้งเขากระโดง คลอดพรฎ.แก้พิพาทที่ดิน
แกนนำรัฐบาลประสานเสียงปมที่ดินเขากระโดง ไม่สร้างขัดแย้ง "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย"