แฉ!ขอเงินทอนทร. แลกจัดหาเรือฟริเกต1.7หมื่นล้าน/‘สุทิน’งงก.ก.หนุนให้ซื้อ

ซักฟอกรัฐบาล ม.152 วันสุดท้าย จับคู่ซัดเดือด! "วิโรจน์" อัด รบ.ตบตา ปชช. ปฏิรูปกองทัพแบบสมยอมกัน ปูดคนรัฐบาลต่อสายกองทัพเรือขอเงินทอนเรือฟริเกต "สุทิน" งง "ก้าวไกล" กลับลำหนุนซื้อฟริเกต ชี้ต้องแยกให้ออก "ปฏิวัติ" กับ "ปฏิรูป" ย้ำใช้ไม้อ่อนปรับกองทัพแบบร่วมกันทำ "ชวน" ดักคอราคายางพุ่งตามกลไกตลาดไม่เกี่ยว  รบ. กรีดนายกฯ ไปใต้ไม่กี่วันอย่าริทวงบุญคุณ "เศรษฐา" เหน็บคืนเคยมี รมต.คนใต้ก็ไม่เห็นดูแลยาง "หมอวาโย"  ชำแหละป่วยทิพย์ บอกอาการ "เส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย-กระดูกคอทับเส้นประสาท" พักฟื้น 2 อาทิตย์ก็หายไม่ใช่ 4 เดือน "ทวี" โต้ยิบระบุ "ทักษิณ" รักษาตัวตาม กม.-ความเห็นแพทย์

ที่รัฐสภา วันที่ 4 เม.ย. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เป็นวันที่ 2 มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม

อย่างไรก็ตาม ช่วงกลางดึกวันที่ 3  เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการอภิปรายวันแรก มีไฮไลต์สำคัญในช่วงที่ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขึ้นอภิปรายในเวลา 23.30 น. เรื่องการเลือกปฏิบัติในการรักษาตัวนอกเรือนจำ

นพ.วาโยกล่าวว่า หากเราตั้งสมมติฐานว่าผู้ป่วยที่ปรากฏในตัวอย่างต่อไปนี้มีอาการป่วยจริง และแพทย์ที่ทำการรักษาก็ประกอบวิชาชีพตามมาตรฐาน และให้ความเห็นตามหลักวิชาการจริง แล้วทำไมโซ่ตรวนแห่งความเชื่อมั่นมันถึงเป็นสนิม และประชาชนบางส่วนไม่เชื่อในกระบวนการยุติธรรม

นพ.วาโยกล่าวถึงกระบวนการรักษาตัวนอกเรือนจำว่า หากมีนักโทษในเรือนจำป่วย ผู้คุมต้องไปแจ้งกับ ผบ.เรือนจำ ให้มีหน้าที่ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในเรือนจำ และหากเจอแพทย์ในเรือนจำแล้ว การจะส่งตัวมารักษานอกเรือนจำได้นั้นต้องมีเงื่อนไขคือ รักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือโรงพยาบาลในเรือนจำนั้นไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะรักษาอาการ เช่น ไม่มีเครื่องมือเฉพาะทาง หรือแพทย์ต้องให้ความเห็น และโดยหลักการแล้วต้องไปแบบเช้าเย็นกลับ  หรือผู้ป่วยนอก (OPD) แต่ถ้าแพทย์ให้ความเห็นว่าคนไข้ยังกลับไม่ได้ จำเป็นต้องแอดมิต แพทย์ต้องเสนอความเห็นให้ผู้คุม เพื่อนำความเห็นนั้นส่งกลับมาที่ ผบ.เรือนจำ จึงจะอนุญาตให้นักโทษแอดมิตนอกเรือนจำได้

"หากพิจารณาจากกรณีตัวอย่างนักโทษอายุ 74 ปี มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตต่ำ แน่นหน้าอก อดีตเคยมีประวัติติดโควิด-19 ถึง 3 ครั้ง ทำให้การทำงานของปอดไม่ปกติ และความเข้มข้นของออกซิเจนในกระแสเลือดต่ำ  แพทย์วินิจฉัยแล้วว่าเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต จึงจำเป็นต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งการวินิจฉัยแยกโรคเหล่านี้นั้นต้องตรวจสืบค้นเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ช่องอก, ทำ CT ร่างกาย, คลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือตรวจนับเม็ดเลือด ฯลฯ แต่ไม่แน่ใจว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีเครื่องมือเหล่านี้ และมีศักยภาพแค่ไหนในการรักษาอาการแน่นหน้าอก" นพ.วาโยกล่าว

สส.พรรคก้าวไกลระบุว่า จากแถลงการณ์การผ่าตัดครั้งที่ 2 ในระยะเวลาพักรักษาตัวครบ 60 วัน ระหว่างวันที่ 23 ส.ค.2566 ถึง 23 ต.ค.2566 คือ ได้รับการผ่าตัดออร์โธปิดิกส์ และวันถัดไปมีผู้ใกล้ชิดมาระบุว่า นักโทษคนดังกล่าวมีอาการเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ยและกระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาท ซึ่งทั้งสองโรคนี้เกี่ยวข้องกับอาการยกแขนไม่ขึ้นทั้งคู่ เส้นเอ็นเปื่อยยุ่ยเกี่ยวกับความเสื่อมของอายุเยอะ และกระดูกคอที่กดทับเส้นประสาทต้องเข้ารับการผ่าตัดด้วยเช่นกัน แต่ประเด็นของการผ่าตัดนั้น ในหลักทางการแพทย์ต้องมีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัด คือข้อบ่งชี้สมบูรณ์ และเคสทางเลือก คนไข้ที่เป็นผู้ต้องขังมีสิทธิ์ได้รับการผ่าตัดแบบใด และใช้หลักเกณฑ์อะไร หากทำได้จริง จะได้ช่วยกันสื่อสารออกไปเพื่อประโยชน์ของผู้ต้องขังคนอื่นๆ

"ระยะเวลาที่ต้องนอน รพ.หลังผ่าตัดอาการเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ยไม่เกิน 3 วัน และการผ่าตัดบริเวณคอไม่เกิน 7 วัน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน แต่ถ้าหากมีภาวะแทรกซ้อน จะใช้เวลาเต็มที่ไม่เกิน 2 อาทิตย์ แต่กรณีดังกล่าวนี้เหตุใดถึงนอนต่อถึง 4 เดือน เพราะฉะนั้นแพทย์ต้องพิจารณาว่าภาวะแทรกซ้อนคืออะไร" สส.พรรคก้าวไกลกล่าว

นพ.วาโยกล่าวว่า การผ่าไหล่ใส่แขนไม่ใส่คอ การผ่าคออาจใส่คอไม่ใส่แขน  การที่นักโทษคนดังกล่าวผ่าแขนต้องมีการใส่ Shoulder Abduction Support ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใส่ไม่เกิน 2 เดือน เพราะหากเกินกว่านั้นจะทำให้ไหล่ติด และคนไข้ต้องผ่าตัดใหม่ แต่กรณีที่มีการผ่าตัดเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2566 นั้น เกินกว่า 2 เดือนแล้ว รวมถึงต้องมีลูกบอลสีเหลืองเพื่อให้คนไข้ได้บีบเป็นการกายภาพด้วย แต่เหตุใดในภาพที่ปรากฏแก่สาธารณะถึงไม่มี

ปูดจ้องเงินทอนเรือฟริเกต

จากนั้น เวลา 09.30 น. ในการเริ่มอภิปรายวันที่สอง นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายทวงถามถึงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยระบุความสำเร็จหรือล้มเหลวของรัฐบาล ต่อการผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นประชาชนในความจริงใจและรักษาคำพูดและสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชน

เวลา 10.00 น. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า เรื่องกองทัพนายกฯ เคยระบุจะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ลดจำนวนนายพลลง ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธยุทโธปกรณ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ การจะนำพื้นที่ไม่จำเป็นของกองทัพมาให้ประชาชนใช้ประโยชน์  นี่คือการพัฒนาร่วมกัน แต่กลับพบว่าเป็นแค่การสมยอมกับกองทัพในการปรุงแต่งตบตาประชาชน

"การปฏิรูปกองทัพ ไม่ใช่การทำลายกองทัพหรือด้อยค่ากองทัพอย่างที่นายสุทินเคยให้สัมภาษณ์ หากไม่มีการปฏิรูปกองทัพอย่างจริงจัง ทุกการกระทำของกองทัพจะถูกประชาชนตั้งแง่ทันที หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้เรื่อยๆ จะทำให้ภาพลักษณ์กองทัพตกต่ำลง ทำงานยากลำบาก และจะมีคนกลุ่มหนึ่งฉวยโอกาสตบทรัพย์ ต่อรองเอางบประมาณจากกองทัพ หากกองทัพไม่โปร่งใสก็จะถูกนักการเมืองกลุ่มหนึ่งเอาความลึกลับดำมืดมาเป็นชนักปักหลัง ซึ่งตนมีเรื่องที่จะสะท้อนให้นายกฯ และ รมว.กลาโหมให้ทราบดังนี้" นายวิโรจน์กล่าว

สส.พรรคก้าวไกลระบุว่า ประเด็นที่กองทัพเรือถูกตัดงบประมาณในเรือฟริเกต 17,000 ล้านบาท มีสายข่าวจากกองทัพเรือแจ้งว่ามีใครบางคนของรัฐบาลพยายามต่อสายคุย แต่ด้วยศักดิ์ศรีของกองทัพเขาไม่คุยด้วย กองทัพไม่ส่งเงินทอนให้จะตัดงบประมาณ ทั้งที่หลายโครงการมีความจำเป็น แม้ว่ากองทัพจะยอมให้ลดงบประมาณเหลือ 850 ล้านบาท แต่สุดท้ายงบประมาณส่วนดังกล่าวก็ถูกตัด ยกเว้นกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคก้าวไกลที่คืนงบประมาณให้ อย่างไรก็ดี หากประเด็นดังกล่าวกองทัพไม่โปร่งใส จะมีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งนำความดำมืดมาเป็นชนักปักหลัง

"รัฐบาลนี้ไม่ได้ทำอะไรใหม่เลย นี่ไม่ใช่การคิดใหม่ทำเป็น แต่เป็นการทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และถ้านายสุทินกับนายเศรษฐา ยังคงฝืนทำแบบนี้ต่อไป ก็จะยิ่งทำให้ประชาชนที่ถูกหลอกรู้สึกไม่ไว้วางใจกองทัพ และไม่เป็นผลดีต่อการจัดสรรงบประมาณ ตลอดจนการขับเคลื่อนนโยบายด้านความมั่นคงของประเทศ" นายวิโรจน์กล่าว

จากนั้นเวลา 10.45 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง  ลุกขึ้นชี้แจงเรื่องของกองทัพว่า ผิดหวังนิดหน่อย เพราะมีแต่เรื่องเดิมๆ ที่เป็นน้ำ และขอยืนยันว่ากองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่ความมั่งคั่งของใครคนใดคนหนึ่ง ส่วนเรื่องวาทกรรมที่ด้อยค่าภาพลักษณ์ กองทัพใช้ IO ก็ขอให้เวลารัฐบาล 4 ปี เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักในตอนจบว่า คนที่พยายามครอบงำประชาชนให้หน้ามืดตามัวคือใคร

นายเศรษฐากล่าวว่า ในเรื่องเงินทอนจากการจัดหายุทโธปกรณ์ ก็ขอให้มีหลักฐานมาพูดคุยกัน อย่างเรื่องเรือฟริเกต ที่ฝ่ายค้านเชียร์ให้ซื้อ หากตนพูดกลับไปว่าท่านก็คงมีเงินทอน ท่านก็คงไม่พอใจเหมือนกัน ซึ่งเรือฟริเกตที่สนับสนุนให้มีการต่อเรือในประเทศไทยเป็นหลักการที่ถูกต้อง แต่มันยังมีเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหลายมิติที่ต้องพูดคุยกันอยู่ เพื่อให้ทางกองทัพได้ของที่ดีที่สุด และตนฟังการอภิปรายเรื่องนี้มา 40 นาทีแล้ว ก็ยังเป็นฝ่ายค้านที่งงอยู่ เพราะก่อนหน้านี้เคยบอกว่าให้เอาเรือประมงมาแทนเรือรบ  แต่วันนี้กลับสนับสนุนให้ซื้อเรือรบอีก

 “ไม่เป็นไรเรื่องวาทกรรม เรามาคุยเรื่องเนื้องานดีกว่า รัฐบาลพยายามที่จะพัฒนากองทัพต่อไปในเรื่องของการซื้ออาวุธให้โปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์กับภาคธุรกิจอื่นๆ ยืนยันอีกครั้งว่ากองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคง ไม่ได้มีไว้เพื่อความมั่งคั่งของใครคนใดคนหนึ่ง” นายกฯ กล่าว

สุทินมึนก้าวไกลกลับลำ

เวลา 12.05 น. นายสุทินชี้แจงว่า ที่นายวิโรจน์อภิปรายกล่าวหากระทรวงกลาโหมว่ารัฐบาลหลอกลวงตบตาประชาชนนั้น ท่านจั่วหัวว่าเราหลอกลวงประชาชนบ้าง ตบตาประชาชนบ้าง จริงๆ แล้วถ้าฟังวันนี้ คนที่หลอกลวงประชาชน คนตบตาประชาชน คือท่านวิโรจน์ ตบตาอย่างไร ท่านไปโฆษณาไว้ว่าการอภิปรายวันนี้จะคุณภาพคับแก้ว ชวนให้คนติดตามฟังเต็มบ้านเต็มเมือง  แต่เอาเข้าจริงแล้วเป็นเรื่องเก่าๆ มาก เรื่องเดิมที่ท่านเคยพูด ผมเคยต่อ และ 90% เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐบาลเก่า

นายสุทินกล่าวว่า ประเด็นที่นายวิโรจน์ยกมาเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ถ้าจะให้ตอบทั้งหมดคงใช้เวลานานมาก แต่ทุกกรณีที่ยกมาทั้งหมดสะท้อนโครงสร้างที่ล้มเหลวของกองทัพที่มีมายาวนาน ซึ่งถ้ารัฐบาลแก้โครงสร้างได้ดี เรื่องเหล่านี้จะหายไป และขอให้นายวิโรจน์ เสนอแนะทำงานร่วมกับรัฐบาลต่อไปในอนาคต เพียงแต่ต้องยืนยันตามที่นายกฯ กล่าวว่ายังจำเป็นต้องมีกองทัพอยู่ และต้องทำกองทัพให้ดีมีคุณภาพ

รมว.กลาโหมกล่าวว่า เดิมทีต้องการจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปกองทัพ โดยเอาผู้เชี่ยวชาญที่เป็นบุคคลภายนอกเข้าไปจัดการ แต่ก็คิดได้ว่าควรดูข้างในก่อน ว่าในกองทัพได้มีการปฏิรูปหรือตระหนักถึงปัญหา และดำเนินการแล้วหรือไม่ ซึ่งถ้าเขายังไม่ตระหนักเลยอาจต้องใช้ไม้แข็ง คือใช้กระบวนทัศน์จากภายนอก โดยเมื่อเข้าไปดูภายใน ก็พบว่าหลายสิ่งกองทัพได้ทำอยู่แล้ว เหมือนที่วิโรจน์บอก

"ท่านบอกว่าลุงตู่ทำอยู่แล้ว กองทัพทำอยู่แล้ว คุณสุทินไม่เห็นทำอะไร นั่นท่านก็ยอมรับว่าเขาทำอยู่แล้วนะ ซึ่งผมก็เห็นเหมือนกับท่านอยู่ ผมจึงเปลี่ยนใจว่าเอาไม้อ่อนก่อน ให้คนภายในเขาคิดและปฏิรูปเองก่อน ถ้าเขาไม่ทำ หรือทำไม่ได้ดั่งใจเรา ค่อยกลับมาว่ากันที่กรรมการปฏิรูปจากภายนอก ปฏิรูปกับปฏิวัติท่านต้องคิดให้ต่างกันนะ นโยบายของท่านคือปฏิวัติกองทัพ ไม่ใช่ปฏิรูปกองทัพ ถ้าปฏิวัติก็คือฉับพลันทันด่วน ทำเองเปรี้ยงเลย ไม่ต้องให้มีส่วนร่วมทำงาน ปฏิรูปต้องค่อยเป็นค่อยไป ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ ดังนั้น ท่านไปดูว่าที่ท่านเขียนไว้คือปฏิวัติหรือปฏิรูป ของผมเนี่ยปฏิรูป" รมว.กลาโหมกล่าว

นายสุทินชี้แจงกรณีเรือฟริเกตว่า ในการตั้งงบอาวุธจัดซื้อเรือฟริเกตของรัฐบาลนั้น รัฐบาลหนักใจที่สุด เพราะกลัวพรรคก้าวไกลที่ด่ามาทุกปี จึงตัดงบประมาณดังกล่าว และในปีต่อไปจะมียุทธศาสตร์การจัดซื้อไม่ให้ซ้ำซ้อน และไม่ให้เงินค้างท่อ แต่กลายเป็นว่ารัฐบาลแทงม้าผิดตัว หลงมุม เพราะพรรคก้าวไกลกลับสนับสนุน ดังนั้น หากพรรคก้าวไกลสับขาหลอกได้ ตนก็สับขาหลอกเป็นเช่นกัน ในปีหน้าหากรัฐบาล ให้งบประมาณแก่กองทัพเรือจัดซื้อเรือฟริเกต

 “ก็ขอฝ่ายค้านอย่าบ่นหรือตำหนิรัฐบาลอีก ขอให้ฝ่ายค้านจำคำของผมไว้ให้ดี ที่เชียร์ให้ซื้อเรือฟริเกต หรือหากรัฐบาลอนุมัติให้ 2 ลำ ก็ขอฝ่ายค้านอย่าบ่นอีก และหากซื้ออาวุธอย่างอื่นอีก ก็ขออย่ามาด่ากัน” นายสุทินกล่าว

'ชวน-เศรษฐา' เลือดซิบ

ต่อมาเวลา 14.46 น. นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายประเด็นราคายางพาราว่า ขณะนี้ราคายางพาราขึ้นเป็นเรื่องน่าดีใจ เป็นไปตามหลักอุปสงค์อุปทาน แต่การที่นายเศรษฐาและ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ระบุไม่ใช่เหตุบังเอิญที่ราคายางขึ้น เป็นเพราะการปราบยางเถื่อนนั้น

นายชวนกล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดนภาคใต้และภูเก็ตว่า ขอฝากถึงนายกฯ ด้วยความเคารพ เมื่อเป็นนายกฯ อย่าไปคิดว่ามี สส.เพื่อไทยอยู่หรือไม่ หน้าที่นายกฯ ต้องไป ไปนิดเดียวอย่าทวงบุญคุณ ก่อนหน้านี้ที่นายกฯ ไปภูเก็ตเพราะมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของนายกฯ อยู่ที่นั่น สิ่งที่อยากบอกคือภูเก็ตเป็นเมืองทำรายได้ท่องเที่ยวอันดับ 1 รองจาก กทม. ต้องช่วยพัฒนา เพราะรายได้คือภาษีที่มาเลี้ยงพวกเรา

นายชวนยังกล่าวว่า กราบเรียนนายกฯ เศรษฐาที่ไม่ใช่นายกฯ อีแอบว่า คำพูดที่ท่านว่าผู้นำบางคนพูดว่าเพื่อไทยไม่เคยให้ความสำคัญภาคใต้นั้น เอามาจากไหน ตนไม่เคยพูด แต่เคยพูดในวันแถลงนโยบายว่า ภาคใต้ถูกเลือกปฏิบัติ และคนเลือกปฏิบัติก็พูดตรงไปมาว่า เมื่อเราได้รับเลือกมาจากประชาชน ก็ต้องพัฒนาจังหวัดที่เลือกพรรคไทยรักไทยก่อน คนที่พูดคือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการเลือกปฏิบัติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายชวนพูดถึงตรงนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ประท้วงทันทีเพราะพูดพาดพิงถึงคนนอกที่ไม่มีสิทธิ์มาชี้แจง เพราะพูดถึงนายทักษิณในทางเสียหายเรื่องการเลือกปฏิบัติในภาคใต้ ซึ่งไม่เป็นความจริง ขอให้อภิปรายอยู่ในกรอบด้วย ทำให้นายชวนโต้กลับทันทีว่า “ไม่มีใครอยู่ในกรอบเท่าผม”

นายชวนกล่าวว่า อีกเรื่องที่อยากพูดถึงคือนโยบายรัฐบาลที่ระบุจะสร้างความชอบธรรมการบริหารราชการแผ่นดิน โดยฟื้นฟูหลักนิติรัฐ นิติธรรมที่เข้มแข็ง แต่ในทางปฏิบัติจริงๆ 6 เดือนกว่า สิ่งที่รัฐบาลปฏิบัติได้ โดยไม่ต้องรอเวลาคือการยึดหลักนิติธรรม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากกรณีนักโทษที่ไม่ขอเอ่ยชื่อ  การที่คนป่วยหายป่วยเป็นเรื่องดีไม่ว่าใครก็ตาม มีโอกาสที่จะมาชื่นชมผลงาน และรับกรรมกับสิ่งไม่ดีที่ทำไว้

"ประเด็นที่อยากเตือนคือ กฎกระทรวงที่ออกเกี่ยวกับนักโทษเป็นเรื่องดี ไม่ว่าออกสมัยใด ปัญหามีเพียงว่าแต่ละข้อได้มีการปฏิบัติหรือไม่ เป็นเรื่องที่รัฐบาลปล่อยปละละเลยไม่ให้กฎเกณฑ์กติกา ความถูกต้อง เสมอภาค การไม่เลือกปฏิบัติเกิดขึ้น กลับละเลยอ้างว่าเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ จึงต้องมีคำถามว่า รัฐบาลจะดำเนินการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร ไม่เกี่ยวข้องกับคนป่วย แต่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่" นายชวนกล่าว

ต่อมานายเศรษฐาชี้แจงเรื่องราคายางพาราว่า อยากแสดงความเห็นใจกับฝ่ายค้าน ไม่นึกว่าจะต้องลำบากหาเหตุผลว่าทำไมราคายางดีถึงไม่ใช่ผลงานของรัฐบาล เพราะจริงๆ ท่านทราบดีอยู่แล้วว่าตั้งแต่เราเข้ามาทำงานราคายางก็ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการอธิบายไปแล้ว ก็ยังวกไปเวียนมาอีกตลอดเวลา เพราะวิธีคิดและวิธีการบริหารงานของเราทั้ง 2 พรรคไม่เหมือนกัน แต่เอาเรื่องผลงานเป็นหลักแล้วกัน

"เราทำอย่างจริงจังก็ทำได้ แต่ในอดีตกลับไม่มีการทำมาเลย อดีต รมว.เกษตรฯ และอดีต รมว.พาณิชย์ ในช่วงรัฐบาลที่แล้วก็เป็นคนใต้ เป็นคนที่มีกินมีใช้มาจากยาง แต่ก็ไม่ได้ดูแลอะไรเกินกว่าที่ตัวเองควรจะทำ รัฐบาลนี้มีใจทำงานอย่างแท้จริง เพื่อประชาชน และเราจะทำงานเพื่อรักษาราคายางให้สูงต่อไป แต่ราคาของผู้อภิปรายเรื่องนี้ ในสายตาประชาชนจะเป็นอย่างไร ผมรับผิดชอบไม่ได้ เรื่องของราคายางผมรับผิดชอบ”นายเศรษฐากล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ที่ตนลงไปในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายหน คิดว่าเป็นเครื่องประจักษ์ที่ดีอยู่แล้ว มุกด้อยค่าพรรคที่อยู่ตรงข้ามกับท่าน เป็นมุกเดิมๆ จริงๆ ลองใช้มุกใหม่ดูบ้างเหอะ เพราะทุกวันนี้ สส.เองก็ไหลไปอยู่พรรคอื่น คะแนนเสียงพรรคท่านเองก็น้อยลงไปทุกวัน ลองอะไรใหม่ๆ บ้างดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยววันหลังก็จะไม่เหลือพื้นที่ในสภาเลย น่าเสียดาย เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์มาโดยตลอด ก็เป็นห่วง ขอให้มันท้าทายหน่อย ไม่ใช่เอามุกเดิมๆ  มาพูดกันตลอดเวลา

นายเศรษฐากล่าวว่า ยืนยันตนเป็นนายกฯ ของคนไทยทั้งประเทศ ไม่เคยแบ่งแยกพื้นที่ตามคะแนนเสียงที่ได้รับ ตนเชื่อว่าการกระทำของตนเป็นเครื่องประจักษ์ที่ดีอยู่แล้ว ไม่เคยเลือกปฏิบัติ แต่เกรงว่าท่านจะเลือกอธิบายหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของท่านแล้วกัน 

"ผมขอให้ความเชื่อมั่นต่อพี่น้องประชาชนว่า นายกฯ คนนี้ จะไปทุกพื้นที่ จะมองเห็นทุกภูมิภาค และจะทำงานทุกวัน เพื่อคนไทยทุกคน ประชาชนเลือกนักการเมืองได้ แต่นักการเมืองเลือกประชาชนไม่ได้ ทุกภารกิจของผม จะพิสูจน์คำพูดในวันนี้ เพื่อประชาชนทุกคน" นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้าย

ทำให้นายชวนลุกขึ้นยืนยันว่า ที่ท่านได้พูดกับนักธุรกิจ ตนไม่เคยพูดในสิ่งที่ท่านไปอ้าง การเลือกปฏิบัตินั้นตนชัดเจนว่าตนพูดว่าพรรคไทยรักไทย เลือกปฏิบัติกับประชาชน โดยตอนนั้นประกาศชัดเจนว่าจะพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกไทยรักไทยก่อน จังหวัดอื่นไว้ทีหลัง ไม่ใช่เป็นมุกเดิมมุกเก่า หรืออะไร แต่เป็นความจริงที่ปรากฏตลอดไป คำตลบตะแลงไม่ยั่งยืน แต่ความจริงจะยืนหยัดอยู่ ฉะนั้นยืนยันว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดกระแนะกระแหนตนข้างนอกนั้นไม่จริง

"ผมไม่กล่าวหาใครที่ไม่เป็นความจริง ผมรู้ว่าคนที่ไม่พูดจริง คนที่พูดโกหกกับพวกโกงบ้านเมืองคือพวกเดียวกัน ส่วนเรื่องยางพารานั้น ภาวนาให้เป็นอย่างที่นายเศรษฐาพูด คือให้ราคาดีตลอดไป และไม่ควรไปพาดพิงถึงพรรค อย่างน้อยพรรคประชาธิปัตย์ก็อยู่มานาน ไม่รับใช้พวกโกงบ้านเมือง ไม่ใช่อีแอบเข้ามามีอำนาจโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการการเลือกตั้ง” นายชวนกล่าว

ทวีแจงพักโทษตาม กม.

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า การอภิปรายเสียดสีของนายชวนทำให้พรรคเพื่อไทยเกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารงานในอดีตก็ตาม จากนั้นนายชวนลุกขึ้นใช้สิทธิ์พาดพิง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายชวนและนายจุลพันธ์กำลังประท้วงกัน เสียงสัญญาณเตือนภัยไฟไหม้ได้ดังขึ้นอยู่ระยะหนึ่ง ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นขอให้ประธานในที่ประชุมจัดการเรื่องสัญญาณเตือนภัยไฟไหม้ นายพิเชษฐ์ จึงกล่าวว่า เดี๋ยวให้เจ้าหน้าที่มารายงานผล

เวลา 16.45 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ชี้แจงประเด็นการพักโทษเป็นกรณีพิเศษว่า ถ้ามองสถานที่ซึ่งนายทักษิณไปรักษาตัวเป็นที่เลวร้าย เลือกปฏิบัติ ตนเองก็ไม่รู้จะใช้คำพูดอะไร เพราะการไปพักรักษาตัวก็มีเกณฑ์ตามกฎกระทรวง ตั้งแต่การจัดสถานที่ควบคุมพิเศษ ซึ่งตรงกับนิยามตามกฎหมายนายทักษิณจึงอยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว และตนเองไม่ได้เป็นผู้ออกกฎกระทรวง

พ.ต.อ.ทวีอธิบายว่า การเข้ามาของนายทักษิณในวันที่ 22 ส.ค.2566 เข้ามาในรัฐบาลที่ยึดอำนาจจากท่านไป ถือว่าท่านมีสปิริตสูงมาก ห่างมาเกือบเดือนที่รัฐบาลใหม่เข้ามา นายทักษิณก็ไปอยู่โรงพยาบาลแล้ว เมื่อมีผู้อภิปรายว่า การไปอยู่โรงพยาบาลเป็นการทำลายล้างกระบวนการยุติธรรม จะทำลายล้างได้อย่างไร เพราะในเมื่อทั้งกฎหมาย กฎกระทรวง ระบุว่านี่คือเรือนจำ การกล่าวหาว่าเป็นที่คุมขังทิพย์ จึงไม่เป็นธรรม

พ.ต.อ.ทวีชี้แจงเรื่องความเห็นของแพทย์ว่า มีแพทย์ 2 คน ที่จะรายงานมายังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นผู้มีความรอบคอบมาก จึงส่งเรื่องกลับไปยังโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ว่าอาการลักษณะนี้สามารถนำตัวกลับมาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้หรือไม่ ซึ่งได้คำตอบว่าอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา อธิบดีกรมราชทัณฑ์จึงได้ทำหนังสือถามกลับไปที่แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมส่งไปให้แพทย์อีกหลายคนมีความเห็นกลับมาอีก กระทั่งเสนอเรื่องมายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเห็นชอบ และส่วนตัวก็เชื่อว่าเรื่องอาการเจ็บป่วยไม่มีใครรู้ดีกว่าแพทย์

"ผมมาเป็นรัฐมนตรี ผมก็สงสัย มาถึงยังไม่ทันได้นอนเลย ทำไมต้องมาอยู่ในชั้น 14 ผมก็มาดูว่ามันเป็นความเห็นของแพทย์" พ.ต.อ.ทวีกล่าว

ต่อมา นายวาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ใช้สิทธิ์พาดพิง พร้อมตั้งคำถามว่า ต่อไปผู้สูงอายุและผู้ป่วยทุกคนในเรือนจำจะได้รับการพิจารณาและสิทธิในการรักษาตัวเช่นเดียวกันหรือไม่ โดย พ.ต.อ.ทวีตอบว่า จะนำไปปฏิบัติ และขอให้สมาชิกช่วยตรวจสอบด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง