บึ้ม!หน้าบิ๊กซี ตอบโต้จนท. ต่อฉุกเฉิน3ด.

บึ้มสนั่น! "มินิบิ๊กซี" คาดตอบโต้เจ้าหน้าที่จับกุม 6 ผู้ต้องสงสัยคดีปล้นรถหาดทิพย์-ร้านวัสดุก่อสร้าง "กบฉ." ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 เดือน ไม่มีปรับลดพื้นที่เพิ่มเหตุ ยังมีความรุนแรงอยู่ "สมศักดิ์" ให้เฝ้าระวัง 10 วันสุดท้ายรอมฎอน-ฮารีรายอ
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 เวลา 02.18 น. เกิดเหตุระเบิดหน้าร้านสะดวกซื้อ มินิบิ๊กซี สาขาดุซงญอ หมู่ที่ 1 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ซึ่งขณะเกิดเหตุไม่มีประชาชนหรือเจ้าหน้าที่อยู่ในพื้นที่ จึงทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบที่บริเวณโคนเสาไฟฟ้าต้นแรกที่ติดตั้งคู่ไว้สำหรับติดหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิด มีหลุมเป็นรัศมีกว้าง 1 ฟุต และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิคนิค หนัก 25 กก. จุดชนวนด้วยด้วยการตั้งเวลาไม่ทราบภาชนะ ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนในรัศมีกว้างประมาณ 50 เมตร
โดยเฉพาะที่บริเวณซุ้มขายชานครซึ่งตั้งอยู่ติดกับเสาไฟฟ้า ถูกอานุภาพของระเบิดได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด และห่างไปที่บริเวณตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย ซึ่งตั้งอยู่มุมด้านซ้ายมือของมินิบิ๊กซี เจ้าหน้าที่พบแกลลอนใส่น้ำมันขนาดบรรจุ 10 ลิตร ตั้งวางอยู่ด้านขวามือของตู้เอทีเอ็ม ซึ่งคาดว่าคนร้ายนำมาเตรียมลอบวางเพลิง นอกจากนี้ที่บริเวณกระจกด้านหน้าของมินิบิ๊กซี ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายทั้งแถบ รวมไปถึงซุ้มขายชาชงริมทางซึ่งตั้งอยู่ริมถนนด้านขวามือของมินิบิ๊กซี ยังถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายไปด้วย เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.นราวี บินแวอารง ผกก.สภ.จะแนะ ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดรอบบริเวณเพื่อติดตามพฤติกรรมของคนร้าย และพบว่าในช่วงเวลา 01.46 น. ได้มีคนร้ายจำนวน 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันตามกันมา โดยคันแรกคนร้ายสวมชุดสีดำและใช้หน้ากากอนามัยอำพรางใบหน้าไปจอดหน้าตู้เอทีเอ็ม คนนั่งซ้อนท้ายนำแกลลอนน้ำมันไปวางไว้ ส่วนคันที่ 2 มาจอดที่บริเวณเสาไฟฟ้า โดยคนขับสวมใส่ชุดสีดำ ส่วนคนนั่งซ้อนท้ายซึ่งสวมใส่ชุดสีขาว ทั้งคู่ใส่หน้ากากอนามัยอำพรางใบหน้า แล้วคนนั่งซ้อนท้ายได้ลงจากเบาะอุ้มถังแก๊สปิคนิคไปวางไว้บริเวณโคนเสาไฟฟ้า จากนั้นทั้ง 2 คันได้ขี่ออกจากลานจอดรถของมินิบิ๊กซีไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 1.12 นาที ก็ได้เกิดระเบิดขึ้นในเวลา 02.18 น. ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้จุดเกิดเหตุต่างได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว และได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบจุดเกิดเหตุดังกล่าว
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นฝีมือการกระทำของสมาชิกแนวร่วมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ทางการ หลังจากในช่วงที่ผ่านมาได้ใช้ข้อบังคับกฎหมายบุกจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวน 6 คน ในพื้นที่ อ.จะแนะ จากคดีปล้นรถยนต์กระบะของ บ.หาดทิพย์ แล้วนำไปปล้นทรัพย์ร้านวัสดุก่อสร้างในพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 11 มี.ค.67 ที่ผ่านมา
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 2/2567 โดยมีนายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า ที่ประชุม กบฉ.พิจารณาความเหมาะสมการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งยังคงมีความสำคัญต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จากการรายงานสถานการณ์พบว่าในพื้นที่ยังคงมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น และยังปรากฏภาพข่าวการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัจจุบันอยู่ในห้วงเดือนรอมฎอน ซึ่งพบการก่อเหตุพร้อมกันหลายจุด เพื่อเป็นการสร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชน
“ที่ประชุม กบฉ.จึงมีมติขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้น อ.ยี่งอ อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง อ.สุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้น อ.ยะหริ่ง อ.ปะนาเระ อ.มายอ อ.ไม้แก่น อ.ทุ่งยางแดง อ.กะพ้อ อ.แม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้น อ.เบตง อ.รามัน อ.กาบัง และ อ.กรงปินัง ออกไปอีก 3 ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.67-วันที่ 19 ก.ค.67 โดยยังไม่มีการปรับลดพื้นที่เพิ่ม เพราะหลายพื้นที่ยังมีเหตุอยู่ เช่น อ.ธารโต จังหวัดยะลา ถึงแม้จะผ่านผลการประเมินในภาพรวมตามตัวชี้วัดเกินกว่าร้อยละ 80 แต่ยังคงมีสถิติการก่อเหตุความรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 67 ซึ่งมติขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 เดือนนั้น จะเสนอคณะรัฐมนตรี วันที่ 9 เมษายน 2567” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ฝ่ายความมั่นคงยังได้รายงานว่าช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอนจะมีการก่อเหตุมากขึ้น เพราะมีการบิดเบือนว่าหากก่อเหตุช่วงนี้จะได้บุญที่สูงมาก ดังนั้น ตนจึงขอให้ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ในการเฝ้าระวังอย่างเคร่งครัด ในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน และระหว่างวันที่ 12-13 เม.ย.2567 ในวันฮารีรายอ รวมถึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาศึกษากฎหมายด้านความมั่นคงอื่น ที่จะมาใช้แทนกฎหมายพิเศษในพื้นที่ด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง