ศาลรับร้องยุบก.ก.แจง15วัน

ก้าวไกลคอพาดเขียง ศาล รธน.สั่งรับคำร้องยุบพรรค ขีดเส้นทำคำชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน “ชัยธวัช” สู้เต็มที่ พร้อมลุยทำงานมวลต่อสู้คดีต่อสาธารณะด้วย ไม่ใช่แค่ในชั้นศาลอย่างเดียว จ่อสุมหัวชาวสีส้มประชุมใหญ่สามัญ ขณะที่ "ไผ่ ลิกค์" ม้วนเสื่อกลับบ้านชวดเก้าอี้ รมต. หลังศาลมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง  

เมื่อวันพุธ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรค ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567

จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้อง และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคตามพระราชบัญญัติประกอบและธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า เป็นกรณีที่ผู้ร้องมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคผู้ถูกร้องกระทำการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบและธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (13) ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง แจ้งให้ผู้ร้องทราบ และส่งสำเนาคำร้องให้พรรคผู้ถูกร้อง ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณา พ.ศ.2561 มาตรา 54

ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล   ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญก็ให้เวลา 15 วัน ในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นกระบวนการปกติ ที่เริ่มต้นหลังจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ก็เปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้ยื่นชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา

นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า จริงๆ เราได้เตรียมการมาพอสมควรก่อนหน้านี้แล้ว ในเรื่องของการเตรียมชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา  ดังนั้น เมื่อเราได้รับเรื่องอย่างเป็นทางการจากศาลธรรมนูญแล้ว ทางฝ่ายกฎหมายของพรรค รวมถึงแกนนำพรรคที่เกี่ยวข้อง จะต้องทำเอกสารให้ดีที่สุด หากดูจากระยะเวลา คงเป็นช่วงหลังสงกรานต์ เราคงจะถือโอกาสนี้ในระยะเวลาใกล้เคียงกันแถลงต่อสู้คดีต่อสาธารณะด้วย  ไม่ใช่แค่ยื่นต่อสู้ในศาลอย่างเดียว

 “ส่วนในการชี้แจงนั้น ขอรอแถลงทีเดียว เนื่องจากเป็นเรื่องของกฎหมาย แง่มุมของกฎหมายที่ต้องต่อสู้กัน ซึ่งไม่ได้กระทบต่อการทำงานของพรรคก้าวไกล ทุกอย่างต้องเดินหน้า โดยหลังจากที่อภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เสร็จ เราจะมีประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งคงจะเป็นโอกาสที่เราจะได้พูดคุยกับสมาชิกพรรค ทั้งที่เป็น สส.และเป็นตัวแทนของสมาชิกพรรคทั่วประเทศ” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุ

นายชัยธวัชกล่าวด้วยว่า ตอนนี้เดินหน้าสู้คดีอย่างเต็มที่ อย่าเพิ่งไปสรุปว่าคดีนี้ผลจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ถึงศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 สั่งให้การกระทำที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า พวกเรากระทำการล้มล้างการปกครอง พร้อมสั่งยุติการกระทำนั้น และแม้ว่าจะสั่งไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า เมื่อมีการร้องให้มีการยุบพรรคตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 จะต้องดำเนินการตัดสินว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแล้ว และตัดสินยุบพรรคโดยอัตโนมัติ มันยังมีแง่มุมทางกฎหมายและข้อเท็จจริงที่จะต้องต่อสู้กันอยู่ ซึ่งเราเห็นว่าศาลมีดุลยพินิจที่จะพิจารณา

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาหารือในคดีที่นายไผ่ ลิกค์ (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่าการที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 1) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (ผู้ถูกร้องที่ 2) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ถูกร้องที่ 3) และผู้ตรวจการแผ่นดิน (ผู้ถูกร้องที่ 4) ให้ความเห็นทางกฎหมายเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (7) ทำให้ผู้ร้องไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหลักนิติธรรม จำกัดสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้อง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 25

โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องไม่ปรากฏว่าผู้ร้องเป็นบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญโดยตรงจากการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสี่ เนื่องจากการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสี่เป็นเพียงการให้คำปรึกษาและความเห็นทางกฎหมายโดยปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น และการทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อบุคคลเพื่อมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน เป็นหน้าที่และอำนาจของนายกรัฐมนตรี กรณีไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 46 วรรคหนึ่ง ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

วันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง โพสต์ข้อความผ่าน x ระบุว่า “ผมเชิญทางผู้บัญชาการทหารบก, รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มาติดตามการแก้ปัญหายาเสพติดครับ

 “โดยผมเร่งให้ดำเนินการ 3 ส่วน คือ 1. การปราบปรามในพื้นที่ชายแดน 2.การเพิ่มความเด็ดขาดในการกวาดล้างในพื้นที่ที่มีปัญหา และ 3.การกำหนดแนวทางในการจัดการกับผู้เสพที่ถือยาบ้าต่ำกว่า 5 เม็ด ซึ่งทุกภาคส่วนรับปากที่จะบูรณาการการทำงานและเร่งดำเนินการทุกมาตรการในทุกพื้นที่ เพื่อลดจำนวนทั้งผู้ขาย ผู้เสพ และผู้ใช้ในสังคมให้น้อยลง เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และเพื่อสร้างความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชนครับ” นายกรัฐมนตรีระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหว ของนายกรัฐมนตรีด้วยว่า มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช  ระหว่างวันที่ 6-8 เม.ย. โดยมีภารกิจ อาทิ ติดตามโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal)  จากนั้นเดินทางไปยังสถานีจ่ายน้ำแหลมสอ ต.หน้าเมือง อ.เกาะสมุย เพื่อติดตามการดำเนินงานของการประปาส่วนภูมิภาค อ.เกาะสมุย เดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติสมุย อ.เกาะสมุย เพื่อหารือเรื่องโอกาสการขยายพื้นที่สนามบินรองรับนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับเดินทางไปยังวัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) ต.ฉลอง อ.สิชล เพื่อสักการะไอ้ไข่ และหารือประเด็นการท่องเที่ยวสายมู ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง