ครม.ไฟเขียว ขึ้นค่าแรง400 เริ่ม13เม.ย.67

ครม.เคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ  400 บาท นำร่อง 10 จังหวัดท่องเที่ยว   "พิพัฒน์" เร่งประกาศมีผลบังคับใช้ 13  เม.ย. เป็นของขวัญปีใหม่ไทย ไฟเขียวขึ้นมอเตอร์เวย์ฟรี 7 วันช่วงสงกรานต์ อนุมัติปรับเพิ่มเบี้ยหวัดบำนาญ ให้ชนเพดาน 11,000 บาทต่อเดือน นายกฯ  รอพลังงานหามาตรการช่วยราคาดีเซล

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 2   เมษายน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า  ครม.มีมติปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 10 จังหวัดท่องเที่ยว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ แต่จะต้องมีการประชุมอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูว่าประเภทธุรกิจไหน เขตไหน อำเภอไหน ที่จะต้องได้รับการสนับสนุนต่อไป

ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบมติของที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 22 เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ประเภทกิจการโรงแรม นำร่องในพื้นที่ 10 จังหวัดท่องเที่ยว ในอัตราวันละ 400 บาท ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ขั้นตอนต่อไปจะประกาศให้มีผลบังคับใช้ได้ทันวันที่ 13 เมษายนนี้ เป็นของขวัญต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ได้ทันพอดี

สำหรับมติที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2567 ได้มีมติเห็นชอบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน ในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ประเภทกิจการโรงแรม สำหรับนายจ้างและลูกจ้างที่ทำงานในสถานประกอบการประเภทกิจการโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป โดยนำร่องในพื้นที่ 10 จังหวัด ดังนี้ 1.กรุงเทพมหานคร เฉพาะเขตปทุมวัน และเขตวัฒนา 2.กระบี่ เฉพาะเขตองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง 3.ชลบุรี เฉพาะเขตเมืองพัทยา 4.เชียงใหม่ เฉพาะเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ 5.ประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะเขตเทศบาลหัวหิน 6.พังงา เฉพาะเขตเทศบาลตำบลคึกคัก 7.ภูเก็ต 8.ระยอง เฉพาะเขตตำบลบ้านเพ 9.สงขลา เฉพาะเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ 10.สุราษฎร์ธานี เฉพาะเขตอำเภอเกาะสมุย

ด้านนางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อให้ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญดำรงชีพอยู่ได้ในสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน โดยกำหนดให้ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญ เมื่อรวมกับเงินช่วยค่าครองชีพ ต่ำกว่าเดือนละ 11,000 บาท ให้ปรับเพิ่มเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญเพิ่มขึ้นจนครบเดือนละ 11,000 บาท มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 พ.ค.2567 เป็นต้นไป

โดยต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น   2.33 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณ 27.96 ล้านบาทต่อปี โดยใช้งบกลาง รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ  เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุและการปรับเงินเดือนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ ผู้มีสิทธิจะได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ มี 5 ประเภท ได้แก่ ผู้รับเบี้ยหวัดตามข้อบังคับของกระทรวงกลาโหม ผู้รับบำนาญปกติ ผู้รับบำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพ บำนาญพิเศษ และบำนาญตกทอดในฐานทายาทหรือผู้อุปการะหรือผู้อยู่ในอุปการะ

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 11 เม.ย.นี้ ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 17 เม.ย.นี้ เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเดินทางบนทางหลวงพิเศษในช่วงเทศกาลสงกรานต์

วันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่จะปรับราคาขึ้นหรือไม่ หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ประเภทน้ำมันดีเซล เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศเกิน 30 บาท/ลิตรได้ ตั้งแต่เดือน เม.ย.ว่า  กระทรวงพลังงานรายงานว่าในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้จะมีการประชุมเพื่อหาในเรื่องมาตรการที่จะออกมารองรับ ขอให้รอผลการประชุม เดี๋ยวมีหลายๆ มาตรการออกมาที่จะต้องใช้เป็นมาตรการร่วม แล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' บอกลงทะเบียนดิจิทัลฯ วันแรกขรุขระบ้างเป็นเรื่องธรรมดา!

นายกฯ ขอบคุณสภาผ่านงบดิจิทัล 1.22 แสนล้าน กำชับ “พิชัย” ดูระบบลงทะเบียนให้ดี ขอ ปปช.ใจเย็น ชี้เป็นธรรมดาวันแรกมีขรุขระบ้าง ลั่นย้ายทะเบียนบ้านได้ แต่อยากให้ใช้ในพื้นที่บ้านเกิด ช่วยกระจายรายได้

นายกฯ ปลื้มส่งออกข้าวครึ่งปีเพิ่มขึ้น 25.12%

นายกฯ ยินดีผลส่งออกข้าวไทย ครึ่งปีแรกส่งออกข้าวแล้วกว่า 5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นถึง 25.12% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว เร่งจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกข้าว ตั้งเป้าปี 2567 ส่งออกข้าวมากกว่า 8 ล้านตัน