สว.สอย‘วิษณุ’วืด ปธ.ศาลปค.สูงสุด ติดใจพฤติกรรม!

สว.ถกลับ 4 ชม. ร้อนระอุ! สอยร่วง "วิษณุ"  วืดนั่งเก้าอี้ประธานศาลปกครองสูงสุดคนแรกในประวัติศาสตร์ ไม่ให้ความเห็นชอบ 158 คะแนน เห็นชอบ 45 คะแนน พบสภาสูงติดใจปมโพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงป๋าเปรม-ประวัติการทำงาน ยกเคสแจ้งความปิดปากไทยโพสต์-ดร.อานนท์ ถกกลางที่ประชุมก่อนเสียงท่วมท้นตีตก   

ที่รัฐสภา วันที่ 1 เมษายน ในการประชุมวุฒิสภาที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ตำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดพิจารณาเสร็จแล้ว คือ นายวิษณุ วรัญญู อดีตรองประธานศาลปกครองสูงสุด โดยเป็นการประชุมลับและลงคะแนนลับ

จากนั้นนายพรเพชรได้ประกาศผลการลงคะแนนว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบนายวิษณุ ด้วยคะแนน 45 คะแนน ไม่ให้ความเห็นชอบ 158 คะแนน ไม่ออกเสียง 6 คะแนน ดังนั้นจากผลการออกเสียงลงคะแนนปรากฏว่า นายวิษณุไม่ได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงข้างมากจากที่ประชุมวุฒิสภา จึงถือว่านายวิษณุไม่ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการลงคะแนนเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ลงมติไม่เห็นชอบให้นายวิษณุ วรัญญู ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ที่ถือเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ฝ่ายนิติบัญญัติตีตก ไม่ให้ความเห็นชอบครั้งนี้นั้น มีรายงานว่า การประชุมของ สว.ในช่วงการประชุมลับที่ใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมงเพื่อพิจารณาเรื่องการให้ความเห็นชอบนั้น

หลังจากที่คณะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรม ที่มี พล.อ.อู้ด เบื้องบน เป็นประธาน ได้เสนอเอกสารรายงานลับ ผลการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติทางจริยธรรมของนายวิษณุแล้ว

ปรากฏว่ามี สว.ลุกขึ้นอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ถึงที่มาที่ไปและประวัติของนายวิษณุ โดยเฉพาะเรื่องแนวคิด ทัศนคติบางอย่าง โดย สว.บางส่วนได้มีการอภิปรายกันถึงเรื่องที่มีการเสนอข่าว รวมถึงเสียงวิจารณ์จากโซเชียลมีเดีย กรณีที่นายวิษณุถูกวิจารณ์ว่ามีทัศนคติทางลบกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี กรณีนายวิษณุเคยโพสต์แสดงความเห็นเรื่อง ข่าวการทุบบ้านสี่เสาเทเวศร์ของกลุ่มเสื้อแดง รวมถึงการโพสต์แสดงความคิดเห็นต่อข่าวเรื่อง หมุดของกลุ่มม็อบสามนิ้วที่ท้องสนามหลวง ในช่วงการชุมนุมของม็อบสามนิ้วก่อนหน้านี้ ตลอดจน สว.หลายคนได้มีการอภิปรายแสดงความคิดเห็นถึงเอกสารที่ปรากฏในเอกสารลับ เรื่อง เอกสารแบบสอบถามที่คณะกรรมาธิการฯ ส่งแบบสอบถามไปถึงอดีตผู้บังคับบัญชา อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของนายวิษณุ เช่น อดีตประธานศาลปกครองสูงสุดบางคน  จนทำให้บรรยากาศการประชุมบางช่วงร้อนแรงพอสมควร

โดย สว.หลายคนลุกขึ้นอภิปรายว่า คำชี้แจงในเอกสารที่นายวิษณุส่งถึง สว.แต่ละคนนั้นยังฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องการโพสต์แสดงความคิดเห็นในเรื่องข่าวทุบบ้านพลเอกเปรม และข่าวเรื่องหมุดสามนิ้วที่ท้องสนามหลวง เพราะจากหลักฐานดิจิทัลฟุตพรินต์แสดงให้เห็นว่า โพสต์ดังกล่าวเป็นของนายวิษณุจริง ซึ่ง สว.หลายคนอภิปรายว่า การแสดงความคิดเห็นถือเป็นสิทธิส่วนตัวและเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่เนื่องจากนายวิษณุกำลังจะเข้าไปรับตำแหน่งประมุขศาลปกครอง ที่ถือเป็นตำแหน่งใหญ่  ซึ่งเรื่องวุฒิภาวะก็เป็นเรื่องสำคัญ การแสดงความคิดเห็นบางครั้งจึงต้องถูกตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าเหมาะสมหรือไม่

นอกจากนี้ สว.หลายคนได้อภิปรายเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของนายวิษณุ ทั้งในฐานะตุลาการศาลปกครองและผู้บริหารศาลปกครอง ตั้งแต่สมัยศาลปกครองกลางจนถึงศาลปกครองสูงสุด เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา

โดยรายงานข่าวระบุว่า ในที่ประชุมลับได้มี สว.ลุกขึ้นอภิปราย โดยยกตัวอย่างบางคดี เช่น คดีที่กลุ่มองค์กรผู้บริโภคที่นำโดย น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต สว.กทม. เคยฟ้องหน่วยงานรัฐบางแห่ง โดยมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย และมีการนำคำชี้แจงของนายวิษณุที่ชี้แจงเรื่องคดีของ น.ส.รสนามาอภิปรายด้วยว่า ชี้แจงขึ้นหรือไม่ รับฟังได้หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมคุยกันประเด็นคดีของ น.ส.รสนามากพอสมควร

 นอกจากนี้ ในที่ประชุม สว.บางคนได้หยิบยกจริยธรรมตุลาการศาลปกครองปี 2546 ขึ้นมาอภิปราย พร้อมกับยกเหตุการณ์บางกรณีขึ้นมาอภิปราย เช่น กรณี มีบุคคลไปแจ้งความดำเนินคดีกับสื่อมวลชน (ไทยโพสต์) นักวิชาการ (ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์) และผู้ดำเนินรายการสื่อบางคน เมื่อ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ สน.ทุ่งสองห้อง โดยอภิปรายว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าการแจ้งความดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการประชุม สว.ในวันนี้เพียงไม่กี่วัน  เหมือนกับต้องการไม่ให้มีการนำเสนอข่าวของนายวิษณุอีก แต่พบว่าการแจ้งความดังกล่าวเป็นการย้อนแย้งตัวเอง เพราะแทนที่จะแจ้งความกับตำรวจ หรือตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีว่ามีการปลอมเพจของตัวเอง แต่กลับแจ้งความเอาผิดสื่อ นักวิชาการ ที่นำเสนอข่าวการที่ สว.จะเห็นชอบบุคคลเป็นประธานศาลปกครองสูงสุด จึงเท่ากับเป็นการยอมรับว่าเป็นเจ้าของเพจดังกล่าวจริง เป็นคนโพสต์จริงใช่หรือไม่ และจากการตรวจสอบก็พบว่า เพจดังกล่าวเป็นเพจของนายวิษณุจริง แต่มีการลบโพสต์ออกไปแล้ว

"การที่มติออกมาแบบนี้ ก็เพื่อเป็นการคัดกรองบุคคลที่จะไปทำหน้าที่เป็นประมุขศาลปกครอง ที่ต้องได้คนที่เหมาะสมจริงๆ ไม่มีประเด็นที่ทำให้สังคมติดใจหรือวิพากษ์วิจารณ์ได้ถึงความเหมาะสมหรือไม่ หลังจากนี้ก็ต้องรอดูว่า คณะกรรมการตุลาการศาลปกครองจะมีความเห็นอย่างไรต่อไป” แหล่งข่าว สว.ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง