เยือนจีนเคลียร์‘เรือดำน้ำ’ รมว.กห.ฟุ้งดีลใหม่ต้องจบ

“สุทิน” นำทีม "บิ๊กกองทัพ" ยกขบวนเยือนถิ่นมังกร เคลียร์ปม "เรือดำน้ำ" จับตาดีลใหม่เรือผิวน้ำมาแทน เผย "เศรษฐา" ทุบโต๊ะต้องให้จบ ฟุ้งหนักไทยมีแต่ได้ประโยชน์เงินไม่สูญเปล่า ยันไม่กระทบความสัมพันธ์จีน “รมว.กลาโหม” ตรวจเยี่ยมการคัดเลือกทหารกองเกินวันแรก ฮึ่ม! พวกจงใจปล่อยข่าวด้อยค่าทหารให้เลิกพฤติกรรม พร้อมล้อมคอกไม่มีลงโทษนอกรูปแบบ จ่อเปิดศูนย์ออนไลน์ร้องทุกข์

เมื่อวันจันทร์ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงการเดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ไปเจรจาเรื่องเรือดำน้ำเพราะอยากให้จบ จะดำเนินการให้เสร็จสิ้น แต่ยังมีความกำกวมเรื่องข้อกฎหมาย จึงส่งให้หลายหน่วยงานตีความ ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อรับฟังข้อมูล หลังจากคณะทำงานดำเนินการจบแล้วก็พอจะรู้แนวโน้ม ก็เลยรีบหาทางออกไว้หลายทาง เพื่อให้สอดคล้องการตีความและผลของคณะทำงานจึงได้เดินทางไปจีน ซึ่งได้หารือกันหลายแนวทางว่า แนวทางใดบ้างที่จีนจะร่วมมือกับเราและไปได้ในข้อกฎหมายและคณะทำงานของเรา

 “แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดต้องฟังความเห็น ครม. เพราะการจะเป็นมติใดๆ ทุกคนต้องรับผิดชอบว่าเขาสบายใจหรือไม่ สบายใจที่จะต้องเลือกแต่ละแนวทาง การไปจีนผมได้เสนอหลายแบบ ถ้าเดินหน้าเรือดำน้ำจะเป็นอย่างไร โดยจะทำอย่างไรให้ ครม.สบายใจ สังคมเข้าใจ แนวทางที่ 2 คือการยกเลิกได้ไหม ถ้ายกเลิกเงินงวดที่จ่ายไปก่อนจะทำอย่างไร  ซึ่งเรากับจีนมีความเห็นตรงกันหลายเรื่องที่มีประโยชน์ โดยหลักที่ผมนึกก็คือ กองทัพเรือได้ประโยชน์และตรงใจเขามากที่สุด อาจจะไม่ใช่ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือเฟิสต์ชอยซ์ แต่อาจเป็นเซกันด์ชอยซ์” นายสุทินระบุ

นายสุทินกล่าวว่า ซึ่งข้อแรกต้องเป็นไปตามแผนกองทัพเรือที่วางไว้ ข้อที่สองเงินที่จ่ายไปต้องไม่สูญหาย และข้อที่สามประเทศต้องได้ประโยชน์ ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีว่าเราจะได้ทั้งสามอย่าง โดยเฉพาะเรื่องเงินที่เราจ่ายไปก่อน ไม่ว่าออกทางไหนเงินก็ไม่สูญเปล่า เมื่อได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้วก็ให้กองทัพเรือไปทำการบ้าน ซึ่งทางฝั่งจีนก็กลับไปทำการบ้านเช่นกัน

เมื่อถามถึงกระแสข่าว ที่จะมีการยกเลิกโครงการเรือดำน้ำแล้วไปซื้อเรือฟริเกตแทนนั้น นายสุทินกล่าวว่า เรือดำน้ำก็เป็นทางเลือกหนึ่งว่าเป็นเรือจีน แต่ทำให้เราสบายใจได้หรือไม่ว่า คุณภาพเครื่องยนต์ได้รับการรับรอง และมีข้อมูลอ้างอิง

"ส่วนประเด็นที่สอง ถ้าเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกตหรือเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง (OPV) ก็ต้องถามกองทัพเรือว่ารับทางเลือกนี้ได้หรือไม่ ถ้าไม่เอาเรือดำน้ำ ก็เป็นการเรียงลำดับกันอยู่ ดังนั้นถ้าไม่ได้เรือดำน้ำก็เป็นเรือฟริเกตหรือเรือ OPV จึงยังไม่สรุปว่าเป็นแนวทางใด แต่ทุกแนวทางเป็นประโยชน์กับประเทศ ซึ่งเชื่อว่าจะจบภายในเดือน เม.ย. 67 แล้วนำเข้า ครม.เดือน เม.ย. 67 ด้วยเช่นกัน" นายสุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า การเดินทางไปเยือนจีนได้พูดคุยกับคณะทางจีนระดับใด นายสุทินกล่าวว่า คณะของตนไปพูดคุยกับคณะทำงานของประเทศจีน ต่างฝ่ายต่างได้ข้อเสนอต่างๆ ก็นำไปคุยกับรัฐบาลของตัวเอง เมื่อรัฐบาลสองฝ่ายเห็นว่าเดินไปได้ก็จะมาคุยกันเอง ขั้นตอนจะจบต่อเมื่อตนเองคุยกับคณะทางการของจีนอีกครั้ง

เมื่อถามว่า ข้อเสนอยกเลิกโครงการเรือดำน้ำมาจากฝั่งรัฐบาล หรือคณะกรรมการศึกษาแนวทางที่เหมาะสมโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ระยะที่ 1 ของกระทรวงกลาโหม  นายสุทินกล่าวว่า คณะกรรมการฯ เสนอ 2-3 แนวทาง โด ยเสนอทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อใดปฏิบัติได้หรือไม่ได้ และสิ่งที่ตนต้องฟังอย่างไม่เป็นทางการจาก ครม. โดยจะต้องดูมติที่เขาด้วย อะไรที่ ครม.และพรรคร่วมไม่สบายใจเราก็ไม่อยากทำ

เมื่อถามถึงท่าทีของจีนหากมีการยกเลิกโครงการเรือดำน้ำ นายสุทินกล่าวว่า เขาไม่ได้แข็งกร้าว เขามีท่าทีรับพิจารณา แต่มีเงื่อนไขว่า ถ้าเป็นเรือฟริเกตหรือเรือ OPV  ต้องมาคุยกันเรื่องราคา โดยเป็นเงินที่เราจ่ายไปแล้ว และเงื่อนไขอื่นๆ ประกอบด้วย เขาไม่ได้ปิดแนวทางนี้

เมื่อถามว่า จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างไทยกับจีนหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ไม่มีปัญหา ดูท่าทีแล้วน่าจะพูดแล้วเข้าใจกัน ต่างฝ่ายต่างเห็นใจกัน ไม่น่ากระทบความสัมพันธ์มาก เว้นแต่ว่าเราอยากได้หรือเอามากเกินไปก็อาจกระทบกระเทือนอยู่ แต่ ณ วันนี้ที่พูดตามแนวทางที่เสนอยังไม่กระทบความสัมพันธ์”

เมื่อถามว่า การยกเลิกโครงการเรือดำน้ำกังวลในข้อกฎหมายที่จะมีการร้อง ป.ป.ช.ตามมาหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อตีความตามข้อกฎหมายแล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นมติ ครม. สามารถทำได้ แต่มติ ครม. ก็ต้องยืนอยู่บนกฎหมายและผลประโยชน์ประเทศ

เมื่อถามว่า ส่วนการจัดหาเรือฟริเกตจะเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อบรรจุในงบประมาณปี 2568 หรือไม่นั้น นายสุทิน กล่าวว่าอยู่ที่นายกฯ พิจารณา กระทรวงกลาโหมไม่ขัดข้อง  เป็นดุลพินิจนายกฯ เพราะเกี่ยวข้องกับตารางงบประมาณ  ถ้ามีเรือฟริเกตและมีเรือดำน้ำ จะจัดงบอย่างไรเพื่อไม่ให้งบฯ พอกมากเกินไปในแต่ละปี อาจจะเรียกว่าเป็นเทคนิคการบริหารเงินว่าสิ่งใดก่อนหรือหลัง

เมื่อถามถึงการเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับการไปดูเรือฟริเกตหรือเรือดำน้ำ กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ได้เชิญไปดูเครื่องบินรบ T-50  ที่ไทยจัดหา และรอส่งมอบอีก 2 เครื่อง และไปดูโรงการผลิตด้วย

ทั้งนี้ นายสุทินระบุเพิ่มเติมหลังวิดีโอคอลกับคณะทำงานของจีน เพื่อหารือแนวทางแก้ปัญหาโครงการเรือดำน้ำ ว่า ในการเดินทางไปจีนมี พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. นายทหารฝ่ายเสนาธิการ วิศวกรสเปกของเรือ นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.การต่างประเทศ เป็นเพียงระดับการประสานงานตรงไปก่อน ยังไม่ถึงระดับตัดสินใจ ซึ่งได้แจ้งนายกฯ ซึ่งนายกฯ ก็ให้นโยบายว่าทำให้จบ เรื่องนี้ก็ดำเนินมาตลอด

เมื่อถามว่า เช่นนี้เอกชนจีนจะขาดทุนหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า บางครั้งประเทศใหญ่ไม่คิดเรื่องเงิน ประเทศเศรษฐีระดับขนาดนั้น แต่คิดเรื่องความสัมพันธ์ ส่วนในฝั่งประเทศจีนใครที่มาพูดคุย นายสุทินกล่าวว่า มีหลายตำแหน่ง ตนจำได้ไม่หมด

วันเดียวกัน ที่กองพันทหารสื่อสารที่ 1 เขตสาทร  กทม. นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ไปตรวจเยี่ยมการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2567 โดยมีทหารกองเกินที่สมัครรายงานตัววันนี้ 85 คน ผ่อนผัน 38 คน หลีกเลี่ยง 1 คน อายุครบเกณฑ์ 21 ปี มี 15 คน ส่วนคนที่อายุ 22-29 ปี มี 26 คน  คนขาดของปีที่แล้ว 5 คน และมีคนแจ้งสมัครใจ 1 คน ยอดความต้องการ กองทัพบก 4 นาย / กองทัพเรือ 4 นาย

นายสุทินกล่าวช่วงหนึ่งว่า ลูกผู้ชายต้องมีประสบการณ์ที่เบาบ้างเข้มบ้าง เบาอย่างเดียวก็จะอ่อนแอ ผู้ชายต้องเป็นมนุษย์หินบ้างในบางโอกาส เพราะฉะนั้นการฝึกทหารก็จะมีด่านที่ทำให้แข็งแกร่ง เข้มแข็ง อดทน อึด บึก เพราะฉะนั้นระบบฝึกก็จะมีทั้งเข้มแข็ง เบาหนัก แต่ถ้านอกลู่นอกรอย บังคับขู่เข็ญทำร้ายมีน้อยมาก ส่วนที่เป็นข่าวคือมีคนจงใจ แต่ยอมรับบางส่วนอาจจะมีจริงบ้าง ซึ่งต่อไปนี้จะกวดขันอย่างเด็ดขาด กำชับไม่ให้มีการลงโทษนอกรูปแบบ แต่ให้เป็นไปตามระเบียบเท่านั้น

 “ต่อไปจะมีศูนย์ออนไลน์ให้ร้องทุกข์ ใครถูกกลั่นแกล้ง  ถูกลงโทษนอกระเบียบ ก็ให้ออนไลน์ร้องทุกข์ได้ ขอให้ไม่ต้องกังวล พร้อมยืนยันการตรวจเลือกโปร่งใสทุกขั้นตอน  ใครเห็นกระบวนการที่ไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม ให้เรียกร้องได้ทันที”

นายสุทินกล่าวต่อว่า ในโอกาสที่วันนี้เป็นวันแรกของการตรวจเลือกทหารกองเกิน จึงถือโอกาสมาดูความเรียบร้อย เพื่อให้ความมั่นใจแก่เยาวชนและผู้ปกครอง จึงขอให้ทุกคนสบายใจได้ว่ากระบวนการตรวจเลือกทหารไว้ใจได้ เชื่อถือได้ ซึ่งหลายคนคงได้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนขึ้น และน่าจะมีผู้สมัครใจมากขึ้นด้วย ส่วนเรื่องที่ยังคงห่วงใย คือความรู้สึกของเด็กที่ยังสับสนอยู่ เพราะว่าในขณะที่ตนพยายามชี้แจง ทำความเข้าใจถึงคุณค่าของการเป็นทหาร  ก็ยังมีอีกฝ่ายหรือหลายฝ่ายที่พยายามด้อยคุณค่าของการเป็นทหาร ซึ่งข้อมูลมีทั้งกระแสบวกและกระแสลบ อาจทำให้เด็กสับสน

 “ผมขอร้องและขอฝากไปยังกระบวนการที่ทำให้เด็กไขว้เขว หรือพยายามทำให้เด็กไม่สมัคร ไม่อยากเป็นทหาร ผมมองว่าเป็นความคิดที่ไม่มีประโยชน์ต่อประเทศ ถึงแม้จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ก็ไม่ได้เป็นประโยชน์ในระยะยาว จึงอยากจะขอให้เบาลงหรือเลิกพฤติกรรมเหล่านี้” นายสุทินกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง