ไร้เงาผู้ป่วยวิกฤต ‘นช.แม้ว’เดินสาย!

ฉะเชิงเทรา ๐ ฟิตปั๋ง! “ทักษิณ” เดินสายร่วมเป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิง  "อนันต์ ฉายแสง" แกนนำ "เพื่อไทย-ครม."   เพียบ สงกรานต์กลับไปเชียงใหม่อีกรอบ  ส่วนประชาธิปัตย์สัมมนากรรมการบริหารพรรคและ สส.พรรค "เฉลิมชัย" โวเลือดเก่าไหลกลับ

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 30 มีนาคม   2567  ที่วัดเทพนิมิตร ต.หน้าเมือง อ.เมืองฯ จ.ฉะเชิงเทรา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงนายอนันต์ ฉายแสง บิดาของนายจาตุรนต์  ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

โดยมีครอบครัวฉายแสงเข้าร่วมพิธี ประกอบด้วย นายกลยุทธ ฉายแสง นายกเทศมนตรีเมืองฉะเชิงเทรา, นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง อดีตผู้สมัคร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย และนางฐิติมา ฉายแสง สส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

โดยคำไว้อาลัยของนายทักษิณ ในหนังสืออนุสรณ์พิธีพระราชทานเพลิงศพนายอนันต์ ฉายแสง ระบุว่า "ผมเรียกคุณอนันต์ ฉายแสง ว่าอา เพราะเป็น สส.รุ่นเดียวกับคุณพ่อของผมในปี 2512 และการจากไปของอาอนันต์ ทำให้ผมคิดถึงบุคลิกที่น่ารัก อัธยาศัยที่น่าเคารพที่ผมพบเห็นเป็นประจำ อาอนันต์รับใช้บ้านเมืองมานานต่อเนื่องมาหลายสิบปี ขอคุณงามความดีความเสียสละแก่บ้านเมืองของท่าน จงส่งดวงวิญญาณของอาอนันต์ไปสู่สัมปรายภพตลอดนิรันดร์เทอญ" 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธีพระราชทานเพลิงศพของนายอนันต์ มีบุคคลในแวดวงการเมืองเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นายสนธยา คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา ฯลฯ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกำหนดการเดินทางไป จ.เชียงใหม่ ของนายทักษิณในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า คอนเฟิร์มว่านายทักษิณจะไปแน่นอน แต่ยังไม่กำหนดวันที่ชัดเจน และการไปครั้งนี้ตนไม่ได้เดินทางไปด้วยเหมือนครั้งที่ผ่านมา

ขณะที่นายทักษิณได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวสั้นๆ ถึงแพลนในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะเดินทางกลับจังหวัดเชียงใหม่ว่า "ไปทำบุญครับ" ก่อนเดินขึ้นรถและเดินทางกลับทันที

ที่โรงแรมเคป ดารา รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี วันเดียวกันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ จัดสัมมนากรรมการบริหารพรรคและ สส.พรรค โดยมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค, นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรค พร้อมด้วยรองหัวหน้าพรรค รองเลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค สส. เข้าร่วมสัมมนาอย่างพร้อมเพรียง ขาดเพียงนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรค ที่ไม่ได้เข้าร่วมสัมมนา เนื่องจากติดภารกิจบรรยายทางวิชาการ

ทั้งนี้ นายเฉลิมชัยกล่าวกับสมาชิกพรรคว่า ที่พรรคกำหนดสัมมนาวันนี้เพราะใกล้จะปิดสมัยประชุมแล้ว ส่วนในวันที่ 6 เม.ย.นี้ จะมีการทำบุญวันเกิดพรรคครบรอบ 79 ปี จึงอยากให้ทุกคนมาร่วมกัน และจะมีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีในปลายเดือน เม.ย. ดังนั้น วันนี้เหมาะสมที่จะมาพูดคุยกันในรายละเอียดต่างๆ ทั้งแนวทางในการประชุมใหญ่ การจัดงาน และความคืบหน้าในการขับเคลื่อนพรรค รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน พร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกๆ ฝ่าย และผู้บริหารก็จะมาชี้แจงว่าเราได้ขับเคลื่อนอะไรบ้าง และเป้าหมายจะเป็นอย่างไร ดังนั้น ในช่วงเย็นวันนี้อยากให้ทุกคนมารับประทานอาหารด้วยกัน พูดคุยแบบพี่แบบน้อง แบบคนในครอบครัว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า  การสัมมนาวันนี้นอกจากจะมาคุยเรื่องอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 แล้ว ก็ต้องการให้คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และ สส.มาพักผ่อนและรับประทานอาหารร่วมกันเหมือนคนในครอบครัว  เพราะต่างคนต่างแยกกันทำงาน ถึงเวลาวันหนึ่งที่ว่างก็มารับประทานอาหารและพูดคุยปัญหากัน แต่ความขัดแย้งภายในพรรคไม่มีอะไรทั้งสิ้น ซึ่งตนมั่นใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว

นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า ส่วนการเพิ่มสมาชิกเข้าพรรคกำลังดำเนินการอยู่ ​โดยการให้สมัครเป็นสมาชิกทางออนไลน์ ซึ่งภายในปีนี้น่าจะบรรลุเป้าหมาย แต่สิ่งหนึ่งที่กำลังจะเกิดคือตนกำลังประสานคนใหม่ๆ ประสานคนที่เป็นสมาชิกเดิมให้กลับมาช่วยพรรค ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ ส่วนจะเป็นใครกลับเข้ามาบ้างนั้น ขอรอให้ถึงเวลาก่อน ถ้าบอกตอนนี้ก็ไม่ตื่นเต้นอะไร

“ยืนยันว่าส่วนหนึ่งเป็นเลือดไหลกลับเข้ามาพรรค เพราะเลือดเก่าอีกส่วนหนึ่งเขาก็ไปมีสถานะที่พรรคการเมืองอื่นแล้ว  อีกส่วนก็ประกาศหยุดเล่นการเมืองแล้ว  อย่างไรก็ตาม การเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองต้องเป็นทั้งอุดมการณ์ ​ ความศรัทธา ไม่มีใครบังคับกันได้ คนที่เขาจะกลับมา ซึ่งคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว ก็กลับมาช่วยกัน” นายเฉลิมชัยกล่าว 

นายเฉลิมชัยยังกล่าวถึงกิจกรรมของพรรคประชาธิปัตย์หลังปิดสมัยประชุมว่า  ในช่วงปิดสมัยประชุมจะมีกิจกรรมฝ่ายค้านสัญจร ซึ่งจะต้องหารือและกำหนดพื้นที่ร่วมกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าจะลงพื้นที่ภาคใดบ้าง โดยอาจจะเป็นภาคละหนึ่งจังหวัด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ หลังเสร็จสิ้นการประชุมใหญ่สามัญประจำปีในเดือน เม.ย.แล้ว จะมีโครงการผู้บริหารพรรคพบสาขาพรรค สาขาพรรคสมาชิกและประชาชน  โดยมอบให้รองหัวหน้าพรรคภาคต่างๆ ประสานเลขาธิการพรรคเพื่อลงพื้นที่

จากนั้นนายเดชอิศม์กล่าวว่า หลักของพรรคการเมืองมีส่วนสำคัญอยู่ 4 ส่วนคือ 1.กรรมการบริหารพรรค 2.สส. 3.อดีต สส.สาขาพรรค และตัวแทนพรรค 4.พี่น้องประชาชนที่สนับสนุนมาเป็นผู้แทนฯ  เพราะฉะนั้นการสัมมนาในวันนี้ สส.และกก.บห.ต้องมาร่วมกันคิด มาร่วมกันกำหนดแนวทาง ที่สำคัญเราต้องมาเป็นหนึ่งเดียว และต้องมีเอกภาพ เพื่อขับเคลื่อนพรรคเดินไปข้างหน้า สิ่งสำคัญเราต้องละลายพฤติกรรม ใครมีอะไรในใจก็มาพูดคุยกัน โดยเฉพาะคืนนี้ไม่อยากให้คนขาด อยากให้ไปดูบรรยากาศแบบรีแลกซ์ ใครพอใจ ใครจะแนะนำเรื่องอะไรก็สามารถพูดได้เลย ตนคิดว่านี่คือก้าวแรกในฐานะ กก.บห.พรรคชุดใหม่ที่จะนำพาพรรคไปข้างหน้า

นายชัยชนะ​ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคใต้​ กล่าวว่า​ การสัมมนาวันนี้เป็นการกำหนดยุทธศาสตร์พรรคว่าหลังจากที่ได้ กก.บห.ชุดใหม่มาแล้ว ในอนาคตพรรคจะมีนโยบายเรื่องอะไร​ และกำหนดการลงพื้นที่อย่างไร​ หลังจากนี้จะนำไปชี้แจงให้กับที่ประชุมใหญ่ในเดือนเม.ย. ขณะเดียวกัน กก.บห.และ สส.จะได้แลกเปลี่ยนการทำงานร่วมกัน และรับฟังปัญหาในแต่ละพื้นที่ เพื่อมาวิเคราะห์และคิดเป็นนโยบายของพรรค.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อิ๊งค์' แค่พยักหน้า ปม รพ.ตร. ไม่ยอมส่งเวชระเบียน 'พ่อนายกฯ' ให้ ป.ป.ช.

'นายกฯอิ๊งค์' ปฏิเสธตอบคำถาม ปม รพ.ตำรวจ ไม่ส่งเวชระเบียนรักษาตัว 'ทักษิณ' หลัง ‘ป.ป.ช.’ ทวงแล้ว 3 ครั้ง ทำแค่พยักหน้ารับทราบ

ชี้ช่อง ‘รังสิมันต์’ เอาผิดนักโทษเทวดา สมุดบันทึกสีน้ำเงินเล่มใหญ่ หลักฐานมัดความผิดปกติ

ข้อมูลจากเอกสารสมุดบันทึก และรายงานจากแอพพลิเคชั่นไลน์แทน ถ้าไม่มีหลักฐานชิ้นนี้ สามารถสันนิษฐานได้เลยว่ามีเหตุผิดปกติเกิดขึ้น

เอาแล้ว 'ไพศาล' ปูด ปปช. เตรียมจับผู้บริหารรพ.ตำรวจ ปมชั้น 14

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว Paisal Puechmongkol มีใจความว่า ปปช.เตรียมแจ้งความจับ ผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจ