"ประธาน ป.ป.ช." ยันสำนวนคดี "บิ๊กโจ๊ก" ไม่ปล่อยให้เงียบ ชี้สังคมสนใจต้องทำให้ชัดเจน-โปร่งใส "บิ๊กต่อ" เอาจริงยื่นฟ้องศาลเอาผิด "ทนายตั้ม" หมิ่นประมาทโยงเส้นทางเงินเว็บพนัน พร้อมเรียกค่าเสียหาย 5 ล้าน ศาลนัดไต่สวน 10 มิ.ย. "อัจฉริยะ" แฉมีขบวนการล้วงข้อมูลส่วนตัว "ผบ.ตร.-ครอบครัว" มิชอบ "สังศิต" แนะปฏิรูปครั้งใหญ่ให้เป็นตำรวจท้องถิ่น เชื่อแก้ปัญหาส่วยหวย-บ่อน-ซ่องได้แน่
เมื่อวันที่ 29 มี.ค. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการนำสำนวนคดีตรวจสอบเอาผิด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เข้าในคณะกรรมการป.ป.ช.สอบสวนว่า ป.ป.ช.มีมติให้นำเข้าแล้ว เพราะเข้าเงื่อนไขของกฎหมายเป็นเรื่องร้ายแรง ถือเป็นอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 66 พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งระยะเวลาการพิจารณาอยู่ที่กระบวนการ เมื่อรับเรื่องมาก็ต้องตรวจสอบ เนื่องจากเรายังไม่ได้รับเอกสาร ทุกอย่างจึงเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ในส่วนข้อมูลที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ออกมาเปิดโปงข้อมูลบิ๊กตำรวจเชื่อมโยงเงินพนันออนไลน์นั้น ถ้าเรื่องส่งมาถึง ป.ป.ช.ก็จะพิจารณา แต่ที่ปรากฏเป็นข่าวยังไม่มี
"เราไม่หนักใจเรื่องนี้ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน สำคัญคือต้องให้ความเป็นธรรมและตรวจสอบตามหลักฐาน" พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว
ถามว่าจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพิ่มหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า จะต้องมีการตรวจสอบเบื้องต้นก่อน หากมีหลักฐานเพียงพอต้องไต่สวน ซึ่งทำได้ 2 กรณี เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานไต่สวนดำเนินการ เมื่อมีมติแล้วก็ต้องส่งเอกสารมาให้คณะกรรมการฯ ดูว่ามีข้อเท็จจริงหรือหลักฐานอะไรบ้าง เป็นไปตามกระบวนการของ ป.ป.ช. หากเราเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบก็จะมีกรรมการ 2 คนทำการไต่สวน แต่หากเป็นเรื่องที่ใหญ่มากคณะกรรมการฯ ทุกคนก็จะมาไต่สวน
ซักว่าเรื่องนี้จะไม่เงียบใช่หรือไม่ ประธาน ป.ป.ช.ยืนยันว่า เงียบไม่ได้หรอก เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนสนใจ ป.ป.ช.จะทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนและโปร่งใส
ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในฐานะผู้ได้รับอำนาจจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พร้อมนายศิริพงษ์ พงศ์พันธุ์สุข อดีตอัยการอาวุโส สำนักงานคดีศาลสูงสุดภาค 1 ยื่นฟ้องนายษิทรา หรือทนายตั้ม ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา รวมทั้งฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท เนื่องจากมีการกล่าวหาว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ไปเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าหรือรับเงินส่วย โดยศาลได้รับสำนวนคำฟ้องนัดหมายไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 10 มิ.ย. เวลา 13.30 น.
นายอัจฉริยะกล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และครอบครัวพร้อมรับการตรวจสอบทุกเรื่อง ไม่เฉพาะในกรณีของทนายตั้ม ทั้งกรณีที่มีการไปร้อง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. หรือคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่นายกฯ ตั้งขึ้น เพื่อให้มีการนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการของศาล ซึ่งหากหลักฐานทั้งหมดเป็นความจริง หรือได้รับการพิสูจน์เอกสารว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า ก็ยินดีให้ศาลได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง
"การฟ้องทนายตั้มไม่ใช่การฟ้องแก้เกี้ยว แต่ต้องการเอากระบวนการยุติธรรมขึ้นสู่ศาล ทนายตั้มจะได้ถามค้านและใช้สิทธิได้เต็มที่ หากสงสัยอะไรก็จะมีการตอบในศาล เพราะจะมีการบันทึกปากคำของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง มันบิดเบือนไม่ได้ และยืนยันว่าท่านจะไม่มีการถอนฟ้องในอนาคต ไม่มีการไกล่เกลี่ยหรือต่อรองโกรธแค้น" นายอัจฉริยะกล่าว
ถามถึงหลักฐานเส้นทางเงินที่ทนายตั้มนำมาเปิดเผย นายอัจฉริยะกล่าวว่า ไม่มีเส้นทางการเงินแม้แต่รายการเดียวเชื่อมโยงมายังบิ๊กต่อโดยตรง ซึ่งหน่วยงานที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางการเงิน คือ สำนักงาน ปปง. หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดำเนินการในคดีเกี่ยวกับการฟอกเงิน แต่ในเมื่อบิ๊กต่อไม่เคยถูกร้องทุกข์กล่าวโทษแม้แต่คดีเดียว เหตุใด ปปง.หรือข้าราชการจึงเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราษฎร ดังนั้นจะต้องรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง เพราะถือว่าร่วมกันเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชอบหรือไม่
"เราพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขต เข้าไปสืบค้นทะเบียนราษฎรบิ๊กต่อ 1 วัน จำนวน 20 ครั้ง หรือเข้าไปสืบค้นข้อมูลส่วนตัวของภรรยา 40 ครั้ง ซึ่งจากนี้จะมีหนังสือให้ทุกหน่วยงานที่เข้าระบบไปดูข้อมูลมาชี้แจงถึงสาเหตุและวัตถุประสงค์ อีกทั้งเรายังมีข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่บางส่วนเข้าไปที่สถาบันการเงินเพื่อขอรายการเดินบัญชี (Statement) ของบิ๊กต่อและครอบครัวด้วย รวมทั้งยังมีรองต่ายและรอง ผบ.ตร.อีกหลายรายที่โดนกระทำในลักษณะนี้ด้วย" นายอัจฉริยะกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังนายอัจฉริยะแถลงข่าวเสร็จสิ้น ทนายตั้มได้โพสต์เฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งระบุว่า การที่ผมออกมาเปิดโปงการทุจริตระดับชาติขนาดนี้ ถ้าไม่มีข้อมูล ใครจะกล้า พี่เองก็เปิดๆ ปิดๆ มาตลอดชีวิต น่าจะเข้าใจดี ก็น่าแปลกใจที่ประชาชนธรรมดามาออกตัวแทนตำรวจยศใหญ่ระดับนั้น เรียนตามตรง ผมไม่เคยเห็นครับ
วันเดียวกัน รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "ตำรวจ : เดินหน้าหรือถอยหลัง" ตอนหนึ่งระบุว่า ข้อมูลการทุจริตของตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับสูงสุดสองท่าน หากเกิดขึ้นในประเทศที่มีระบบราชการที่เข้มแข็ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติเองก็สามารถที่จะดำเนินการสอบสวน และหากมีมูลก็สามารถดำเนินคดีกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทั้งสองท่านได้ทันที ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ทั้งสองท่านต้องแสดงความเห็นหรือออกมาปฏิเสธข้อมูลต่างๆ ต่อหน้าสื่อมวลชนไปแบบวันต่อวัน แต่เพราะว่าระบบตำรวจไทยเองเป็นระบบราชการที่ล้าหลัง และมีความสัมพันธ์เชิงอำนาจ แบบอุปถัมภ์เชิงแลกเปลี่ยน แบบพวกพ้อง และแบบสถาบันนิยม จึงทำให้ระบบตำรวจไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างมีธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองได้อย่างที่สังคมคาดหวัง ระบบตำรวจจึงไม่มีความสามารถอย่างเพียงพอและอย่างที่เป็นตำรวจมืออาชีพสมัยใหม่ที่จะแก้ปัญหาภายในของตัวเองได้
รศ.ดร.สังศิตเสนอว่า แนวทางที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยและประชาชนคนไทยส่วนใหญ่แล้ว ควรจะนำไปสู่ข้อเสนอให้มีการปฏิรูประบบและโครงสร้างของตำรวจเสียใหม่ โดยจัดระบบตำรวจให้เป็นตำรวจของแต่ละจังหวัดไป ระบบแบบนี้เป็นการกระจายอำนาจของตำรวจสู่ท้องถิ่น ทำให้ตำรวจกลายเป็นตำรวจของท้องถิ่นไป งานหลักของตำรวจคือการดูแลทุกข์สุข และปัญหาอาชญากรรมของพี่น้องประชาชนในท้องถิ่น ระบบแบบนี้เป็นระบบของตำรวจทั่วทั้งโลก เป็นระบบที่ตำรวจจะใกล้ชิดกับประชาชนที่สุด และทำหน้าที่ดูแลประโยชน์สุขให้กับประชาชนได้ดีที่สุด
"แนวทางแบบนี้จะช่วยทำให้ระบบส่วยที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องหวยใต้ดิน บ่อนการพนัน ซ่องและยาบ้า ตลอดจนธุรกิจที่กฎหมายไม่ยอมรับลดลงได้บ้าง แนวทางแบบนี้จะช่วยทำให้ต้นทุนในการทำธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจลดลง เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันธุรกิจกับตลาดต่างประเทศได้ดีขึ้น" รศ.ดร.สังศิตระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชูศักดิ์ยอมนิกร พรบ.ประชามติ ไม่ใช่กม.การเงิน
“ชูศักดิ์” ลั่นเพื่อไทยเอาแน่ ค้าความปิดปากเอาคืน “ธีรยุทธ” แต่ไม่รู้เมื่อไหร่
ไฟเขียวไร่ละ1พัน10ไร่ ตรึงค่าไฟฟ้าราคาน้ำมัน
ชาวนาเฮ! นบข.ไฟเขียวช่วยไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จ่อชงเข้า ครม.สัญจรเชียงใหม่ 29 พ.ย.นี้
อวยทักษิณชนะนายกอบจ.
"ภูมิธรรม" โว พท.ชนะนายก อบจ.อุดรฯ เป็นเรื่องธรรมดา เหตุ ปชช.ยังรัก “ทักษิณ” ชอบผลงานที่ทำมา
กรมที่ดินท้ารฟท.พิสูจน์เขากระโดง
กรมที่ดินยืนยัน ไม่เพิกถอนโฉนดเขากระโดง ยึดตาม กก.สอบสวน มาตรา 61
ตร.เชียงรายรวบ‘สามารถ’ ‘เมีย-ลูก’หมอบุญนอนคุก
"ผบ.ตร." นั่งไม่ติดตั้ง "พล.ต.อ.ธนา" คุมสอบสวนคดี "หมอบุญ"
ม็อบเสื้อเหลืองคืนชีพ ‘สนธิ’นัดบุกทำเนียบฯ2ธค. ‘อ้วน’หวั่นซํ้ารอยปิดเมือง
"ภูมิธรรม" ไม่กังวล "สนธิ" ปลุกม็อบลงถนน เป็นสิทธิตาม รธน.