ผู้ว่าฯธปท.ชิ่งตอบ‘ดิจิทัล’ คลังโวเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง

“ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ” ชิ่งตอบทุกคำถาม อุบเห็นด้วยโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้วหรือไม่ หลัง “เศรษฐา” อ้างทุกภาคส่วนเห็นด้วยแล้ว    "ภูมิธรรม" มั่นใจ 10 เม.ย. มีความชัดเจนและประกาศวันที่ ปชช.จะได้รับเงิน 1 หมื่นไปใช้ "คลัง" กางตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ก.พ.2567 ปลื้มยังโตไม่หยุด รับอานิสงส์ส่งออกทะยาน 7 เดือนติด ท่องเที่ยวยังแรง พร้อมเกาะติดสถานการณ์เศรษฐกิจใน-นอกประเทศ หวั่นกระทบภาคการผลิต

ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 15.05 น. วันที่ 28 มีนาคม ภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่มีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การต่างประเทศ เป็นประธานการประชุม

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า  ธปท.ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทอย่างไร หลังจากอ่านความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว แต่นายเศรษฐพุฒิไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว

เมื่อถามอีกว่า มีอะไรน่าเป็นห่วงหรือไม่ หากใช้งบประมาณปกติในการดำเนินโครงการ แต่นายเศรษฐพุฒิก็ยังไม่ตอบคำถาม และพยายามหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์

ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า ทุกภาคส่วนเห็นด้วยแล้ว รวมถึงผู้ว่าฯ ธปท. แต่นายเศรษฐพุฒิก็ไม่ได้ตอบคำถามเช่นกัน ก่อนจะขึ้นรถยนต์เดินทางออกจากทำเนียบฯ ไป

ทั้งนี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital  Wallet ครั้งที่ 2/2567  ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เป็นประธาน ในที่ประชุมช่วงต้น นายกฯ  ได้มองหานายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าฯ ธปท. พร้อมสอบถามว่า "ท่านผู้ว่าฯ ติดภารกิจหรือครับ" ทำให้นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ธปท. ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงินกล่าวตอบว่า “ท่านผู้ว่าฯ ติดภารกิจไปต่างประเทศ”

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า รัฐบาลยืนยันโครงการนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ได้ผลข้อสรุปต่างๆ ที่ได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานไปจัดรายละเอียดให้มีความชัดเจนมากขึ้น และให้นำผลสรุปไปเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้งในวันที่ 10 เมษายนนี้ โดยคาดว่าจะได้ผลสรุปความชัดเจนของโครงการทั้งหมดได้ โดยเฉพาะกรอบวงเงินจำนวน 500,000 ล้านบาท จะใช้เงินกู้หรือในกรอบวงเงินงบประมาณ โดยกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณจะไปจัดทำตรงนี้ให้มีความชัดเจนอีกครั้ง

ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้รับมอบหมายให้ไปดูในเรื่องของร้านค้าที่จะให้บริการแก่ประชาชนนั้น ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะร้านค้าที่กระทรวงพาณิชย์ร่วมมืออยู่มีมากกว่า 20,000 ร้านค้าทั่วประเทศ และโครงการนี้จะเปิดกว้างพร้อมที่จะให้โอกาสร้านค้าที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย รวมไปถึงห้างสรรพสินค้า หากสนใจที่จะเข้ามาร่วมก็สามารถเข้ามาได้ โดยจะมีข้อกำหนดการเข้าร่วมกันอีกที เพื่อจะได้บริการประชาชนที่ได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ไปจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคได้อย่างทั่วถึง

 “เชื่อว่าการประชุมวันที่ 10 เม.ย.ทุกอย่างจะมีความชัดเจน และประกาศวันที่ประชาชนจะได้รับเงิน 10,000 บาทไปใช้กัน ซึ่งกำหนดใช้เงินภายใน 6 เดือน รัศมีจะอยู่ในตำบลหรือสถานที่ใกล้เคียง โดยรัฐบาลคาดหวังโครงการนี้เป็นการกระตุ้นทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ประชาชนส่วนใหญ่จะได้รับเงินไปใช้อย่างแน่นอน ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจโครงการนี้เกิดขึ้นและมีแนวทางป้องกันปัญหาทุจริตทุกด้านสามารถตรวจสอบได้” นายภูมิธรรมกล่าว

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง  เน้นย้ำในการทำงานของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนายกฯ ให้ความสำคัญว่าประเทศไทยต้องฟื้นตัวได้ในระดับเดียวกับประเทศเพื่อนบ้าน  ประเทศไทยจึงยังต้องดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม  ป้องกันปัจจัยที่อาจเกิดขึ้นจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจปี 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet จึงมีข้อสรุปว่าโครงการ Digital Wallet มีความจำเป็น ที่จะช่วยเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจให้กระจายตัวไปสู่ท้องถิ่น สร้างโมเมนตัมให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มศักยภาพ        "โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้การขับเคลื่อนโครงการเป็นไปโดยคำนึงถึงความเห็นของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ แต่ต้องเป็นไปภายใต้วินัยการเงินการคลังของรัฐ” นายชัย กล่าว

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือน ก.พ.2567 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากการส่งออกสินค้า ที่ขยายตัว 3.6% โดยเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ขณะเดียวกัน ภาคการท่องเที่ยวก็ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยรวม 3.35 ล้านคน คิดเป็น 58.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยถึง 22.2 ล้านคน ขยายตัว 9.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

นอกจากนี้ ในส่วนของการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 5.7% ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 63.8 จากระดับ 62.9 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และสูงสุดในรอบ 48 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -29.4% ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -15.4%

 “การส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 นั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของสินค้าในหมวดหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ หมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และหมวดเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ส่วนสินค้าข้าว ยางพารา นมและผลิตภัณฑ์จากนม และอาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวได้ดีตามลำดับ อย่างไรก็ดี การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และน้ำตาลทราย ชะลอตัว ขณะที่ตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวดีขึ้นในตลาดทวีปออสเตรเลีย สหรัฐ และอินโดจีน-4 รวมทั้งกลุ่มตลาดอื่นๆ อาทิ ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States: CIS)” นายพรชัยกล่าว

สำหรับภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -7.5% จากการลดลงของผลผลิตในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน อย่างไรก็ดี ข้าวโพด ยังคงขยายตัว สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 90.0 จากระดับ 90.6 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักของไทย

สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ก.พ.2567 อยู่ในระดับสูงที่ 251.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘จุรินทร์’ เผย8ปัจจัย การเมืองปี68เดือด!

"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย

‘จ่าเอ็ม’ ผวาขออารักขา

กัมพูชาส่งตัว "จ่าเอ็ม" ให้ไทยแล้ว นำตัวเข้ากรุงสอบเครียดที่ สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าตัวร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ

เป็นแม่ที่ดีหรือยัง! ‘อิ๊งค์’ เปิดอกวันเด็กสมัยก่อนไม่มีไอแพดโวยถูกบูลลี่

"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานวันเด็กคึกคัก! เด็กขอถ่ายรูปแน่น พี่อิ๊งค์ล้อมวงเปิดอกตอบคำถามเด็กๆ มีพ่อเป็นต้นแบบ เผยวัยเด็กไม่มีไอแพด โทรศัพท์ ไลน์ พี่มีลูกสองคน

‘บิ๊กอ้วน’ เอาใจทอ. เคาะซื้อ ‘กริพเพน’

ปิดจ๊อบภายในปีนี้! "บิ๊กอ้วน" ไฟเขียว ทอ.เลือก "กริพเพน" มั่นใจคนใช้เป็นคนเลือก รออนุมัติแบบหลังทีมเจรจาออฟเซตกับสวีเดนจบ แจงทูตสหรัฐแล้ว ไทยยันไม่มีนโยบายกู้เงินซื้ออาวุธตามข้อเสนอขายเอฟ