นายกฯ ขอบคุณ รมต.แจงเวทีซักฟอกพร้อมเพรียง บอกจบไปด้วยดี "รัฐบาล" แถลงผลงานโรดโชว์เซลส์นิด 6 เดือน เยือน 14 ประเทศ ดึงเงินลงทุนได้ 5.58 แสนล้าน "บีโอไอ" รับคำขอส่งเสริมลงทุนมูล 8.5 แสนล้าน สูงสุดในรอบ 9 ปี "วุฒิสภา" ไฟเขียวร่าง พ.ร.บ.งบปี 67 "ปธ.กมธ.วิสามัญฯ สว.” เตือนรัฐคำนึงผลกระทบโครงการ "ดิจิทัลวอลเล็ต-พักหนี้เกษตร-ขึ้นค่าแรง" แนะเก็บภาษีทุกชนิด “ปกรณ์วุฒิ” ปัดตั้งพรรคก้าวใหม่สำรองยุบก้าวไกล
ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 26 มี.ค. เวลา 11.45 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง แถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุม ครม.ตนได้ขอบคุณรัฐมนตรีทุกท่านที่ได้เข้าร่วมชี้แจงการประชุมวุฒิสภา (สว.) เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 153 อย่างพร้อมเพรียง และไปตอบคำถาม พร้อมรับฟังความคิดเห็นของ สว. ซึ่งจบไปด้วยดี
จากนั้นเวลา 12.00 น. ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและประธานผู้แทนการค้าไทย และนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลด้านการลงทุนและความร่วมมือกับภาคเอกชนต่างชาติ
ม.ล.ชโยทิตกล่าวว่า ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา นายกฯ และคณะได้เดินทางเยือนต่างประเทศ 14 ประเทศ พบปะหารือกับบริษัทชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 60 แห่ง โดยมีพันธกิจสำคัญในการนำเสนอวิสัยทัศน์ เจรจาด้านความร่วมมือทวิภาคีกับผู้นำประเทศต่างๆ และเข้าร่วมเวทีสำคัญระดับโลก ซึ่งนอกเหนือจากการประชุมตามวาระงานแล้ว นายกฯ ยังได้ใช้โอกาสนี้เข้าพบภาคธุรกิจต่างชาติเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ชักชวนการลงทุนและกระชับความร่วมมือกับประเทศไทย ทั้งการพบปะผู้บริหารระดับสูง การนำเสนอวิสัยทัศน์ต่อสมาคมธุรกิจและหอการค้าชั้นนำ ตลอดจนจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจและจับคู่ผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศ
"การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลให้เกิดการขยายตัวของการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา บีโอไอได้รับคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนมูลค่ารวม 8.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี เมื่อพิจารณาเฉพาะมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีการเติบโตสูงถึง 72% จากปีก่อน และในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 มูลค่า FDI ขยายตัวกว่า 145% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในช่วงปีที่ผ่านมา" ประธานผู้แทนการค้าไทยกล่าว
ส่วนนายนฤตม์กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะรักษาตำแหน่งความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในภูมิภาค ในช่วงที่ผ่านมาจึงมีการออกมาตรการและการทำงานต่างๆ อย่างต่อเนื่องและเข้มข้น ทั้งการดึงผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่ๆ ให้เข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทย และการสนับสนุนผู้ประกอบการรายเดิมให้สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ EV ได้อย่างราบรื่น ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด เนื่องจากค่ายรถยนต์ต่าง ๆ อยู่ระหว่างขยายการลงทุน
นายนฤตม์กล่าวว่า ในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าถือเป็นอนาคตที่สำคัญของโลก รัฐบาลไทยตระหนักถึงความสำคัญในการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) ไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จึงดำเนินมาตรการสนับสนุนหลากหลายรูปแบบ ทั้งดึงดูดผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายใหม่เข้ามาลงทุน และสนับสนุนผู้ผลิตรายเดิมให้สามารถปรับตัวได้
เซลส์นิดดึงลงทุน 5.58 แสนล.
"ผลจากการดำเนินงานทำให้บริษัทผู้ผลิตจากจีนหลายรายในระดับท็อป 10 ของโลก เช่น BYD, Aion, Changan, GWM, MG เลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออก และจากการเจรจาครั้งสำคัญเมื่อปีที่แล้วที่กรุงโตเกียว ทำให้ 4 ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นชั้นนำ มีแผนการขยายการลงทุนรวมกว่า 1.5 แสนล้านบาทภายใน 5 ปี สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสสำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานในการปรับตัวไปสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต และการรักษาธุรกิจ ICE ในปัจจุบัน ในขณะที่รัฐบาลยังคงเดินหน้าเจรจากับผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากยุโรปและอเมริกาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีมาตรการสนับสนุนการผลิตชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า โดยรัฐบาลอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ชั้นนำของโลก คาดว่าภายในปีนี้จะมีผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่อย่างน้อย 2 รายเข้ามาลงทุนในประเทศไทย" นายนฤตม์กล่าว
เลขาฯ บีโอไอกล่าวว่า ไทยประสบความสำเร็จในการดึงการลงทุนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์กลางน้ำไปจนถึงปลายน้ำมาลงทุนในประเทศไทย ดังนั้นรัฐบาลจึงตั้งเป้าพัฒนาให้เกิดระบบนิเวศด้วยการดึงดูดกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะด้าน Data Center และ Cloud Services ซึ่งเป็นพื้นฐานของอุตสาหกรรม AI คาดว่าภายในปีนี้จะมีผู้ให้บริการระดับ Hyperscale เข้ามาลงทุนเพิ่มเติมอย่างน้อย 2 ราย รวมทั้งรัฐบาลยังคงมุ่งมั่นในการจูงใจให้ภาคเอกขนจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทผู้มีฐานการผลิตในไทยและอาเซียน รวมทั้งกลุ่มธุรกิจบริการต่างๆ
"การเดินทางไปต่างประเทศแต่ละครั้ง ต้องมีการทำงานเพื่อเตรียมการก่อนไป ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมข้อมูลเชิงลึก แพ็กเกจการลงทุนที่จูงใจและตอบโจทย์ต่อความต้องการของนักลงทุน รวมถึงการทำงานเพื่อติดตามผลการประชุมอย่างเข้มข้นอย่างต่อเนื่องโดยทีมงานของนายกฯ ร่วมกับทีมบีโอไอ เพื่อช่วยแก้อุปสรรคปัญหา รวมไปถึงกฎระเบียบต่างๆ เพื่อทำให้ประเทศไทยเอื้อต่อการลงทุน ซึ่งในส่วนนี้นายกฯ และทีมรัฐบาลได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยบีโอไอได้ประเมินเม็ดเงินลงทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากกิจกรรม Roadshow และมาตรการสนับสนุนของรัฐบาล จาก 4 อุตสาหกรรมหลักที่ได้กล่าวมา รวมแล้วประมาณ 558,000 ล้านบาท” เลขาฯ บีโอไอกล่าว
ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงินงบประมาณ 3.48 ล้านล้านบาท มีการปรับลดกว่า 9 พันล้านบาท ตามที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว และพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ของวุฒิสภา
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ชี้แจงว่า สภาได้ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 67 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท เป็นรายจ่ายชดใช้เงินคงคลังจำนวน 118,361,135,000 ล้านบาท รายจ่ายหน่วยรับงบประมาณจำนวน 3,361,638,869,500 ล้านบาท เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณมีกรอบวงเงินใช้งบประมาณสำหรับใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2567 โดยการจัดทำงบประมาณปี 2567
ด้าน พล.อ.ชาตอุดม ติตถะสิริ สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ของวุฒิสภา รายงานว่า การประชุมได้ให้ความสำคัญเรื่องของผลสัมฤทธิ์จากการใช้จ่ายงบในช่วงเวลาที่ผ่านมา และการใช้จ่ายงบปี 67 กมธ.มีการประชุมทั้งสิ้น 45 ครั้ง โดยเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในปี 67 มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2566 แต่มีปัจจัยเสี่ยงทางด้านการคลังในการกลับมาขยายตัวของภาคการส่งออกสินค้าตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการอุปโภคบริโภค และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการลดลงของแรงขับเคลื่อนทางการคลัง ซึ่งมีสาเหตุมาจากความล่าช้าของกระบวนการงบประมาณ ปี 2567 ส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะงบลงทุนภาครัฐปี 2567
วุฒิสภาไฟเขียวงบ 67
พล.อ.ชาตอุดมกล่าวว่า แนวโน้มการลดลงของพื้นที่การคลังจากสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลผลิตมวลรวม และภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น อาจทำให้รัฐบาลขาดความยืดหยุ่นในการก่อหนี้ใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หากเกิดวิกฤตครั้งใหม่ รวมทั้งการขาดศักยภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่สำคัญ โดยเฉพาะหากรัฐบาลมีความจำเป็นที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต โครงการพักหนี้เกษตรกร การปรับเงินเดือนข้าราชการ รวมทั้งการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อภาระการคลังที่จะเกิดขึ้น ได้แก่ภาระดอกเบี้ยและการชำระคืนต้นเงินกู้ จากการดำเนินโครงการกระเป๋าตังค์ดิจิทัล ซึ่งจะต้องมีระยะเวลาในการใช้หนี้เป็นระยะเวลานานเมื่อเทียบกับผลที่ได้รับในช่วง 1-2 ปี
นอกจากนี้ ภาระทางการคลังที่ต้องชดเชยให้แก่สถาบันการเงินในโครงการพักหนี้เกษตรกร ปรับเงินเดือนข้าราชการและค่าจ้างขั้นต่ำ และมีการประเมินว่าในการที่รัฐบาลมีการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะมีการออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท จะทำให้พื้นที่การคลังเหลือเพียงร้อยละ 6 เท่านั้น อาจไม่เพียงพอในการรองรับวิกฤตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
พล.อ.ชาตอุดมกล่าวว่า ในการเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดเก็บรายได้ กมธ.มีข้อเสนอแนะดังนี้ 1.การจัดเก็บภาษีทุกชนิด โดยเฉพาะภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล จะต้องขยายการจัดเก็บทุกภาคส่วนอย่างเป็นธรรม จะต้องไม่กระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน มีมาตรการจัดการกับผู้หลบเลี่ยงภาษีอย่างจริงจัง อย่างเป็นรูปธรรม 2.รายได้จากรัฐวิสาหกิจ ประกอบไปด้วยรัฐวิสาหกิจที่ไม่ขอรับงบประมาณ เนื่องจากเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้มากกว่ารายจ่าย เพิ่มจำนวนการนำส่งเงินเป็นรายได้ให้รัฐมากขึ้น โดยไม่ให้กระทบกับประชาชน รวมทั้งรัฐวิสาหกิจที่ของรับงบ ควรให้การลงทุนในโครงการเสร็จทันตามเวลาที่กำหนด เพื่อสามารถเปิดกิจการและมีรายได้จากการบริการประชาชน จะเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล หากมีผลประกอบการที่ดีจะช่วยส่งรายได้ให้รัฐบาล
ทั้งนี้ ที่ประชุมวุฒิสภาใช้เวลาพิจารณารวมเกือบ 7 ชั่วโมง กระทั่งเวลา 16.10 น. ได้ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ด้วยคะแนน 178 ต่อ 0 งดออกเสียง 2 เสียง
วันเดียวกัน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรอบระยะเวลาการอภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ว่า กำลังพิจารณาว่าจะให้งดประชุมสัปดาห์หน้า เพื่อให้ทุกพรรคฝ่ายค้านเตรียมตัวอภิปรายอย่างเต็มที่ ซึ่งในส่วนของพรรคก้าวไกล จำนวนผู้อภิปรายอยู่ที่ประมาณ 30 คน แบ่งหมวดหมู่ในเรื่องประเด็นเศรษฐกิจ การทุจริตคอร์รัปชัน ซีรีส์การเมือง การศึกษา สิ่งแวดล้อม สังคม ส่วนการเรียงลำดับอภิปราย ขอไปพูดคุยกันอีกครั้งก่อน
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีรายงานความคืบหน้ากรณีศาลรัฐธรรมนูญยังไม่พิจารณาคำร้องยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากมีเอกสารบางรายการที่ กกต.ส่งไปไม่ชัดเจนว่า เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา กกต.ได้ส่งเอกสารฉบับที่ชัดเจนให้ศาล รธน.แล้ว
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณี กกต.มีมติยื่นคำร้องต่อศาล รธน.ขอให้พิจารณาสั่งยุบพรรคก้าวไกลว่า ให้สัมภาษณ์นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ก.ก. ดีกว่า เนื่องจากตนไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ ไม่ทราบว่าเรื่องถึงไหนแล้ว
ขณะที่ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ปฏิเสธข่าวการตั้งพรรคก้าวใหม่แทนพรรคก้าวไกลหากถูกสั่งยุบพรรค โดยระบุว่า เรื่องยุบกับไม่ยุบเราไม่ได้มาคุยกันในเรื่องความน่าจะเป็น เพราะอำนาจไม่ได้อยู่ในมือเรา แน่นอนว่าหากไม่ยุบก็ไม่ต้องทำอะไรมาก ทำงานเหมือนเดิมต่อไป แต่หากโดนยุบ ก็ไม่ทำอะไรมากเหมือนกัน ก็ทำงานเหมือนเดิมต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘จุรินทร์’ เผย8ปัจจัย การเมืองปี68เดือด!
"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย
‘จ่าเอ็ม’ ผวาขออารักขา
กัมพูชาส่งตัว "จ่าเอ็ม" ให้ไทยแล้ว นำตัวเข้ากรุงสอบเครียดที่ สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าตัวร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ
เป็นแม่ที่ดีหรือยัง! ‘อิ๊งค์’ เปิดอกวันเด็กสมัยก่อนไม่มีไอแพดโวยถูกบูลลี่
"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานวันเด็กคึกคัก! เด็กขอถ่ายรูปแน่น พี่อิ๊งค์ล้อมวงเปิดอกตอบคำถามเด็กๆ มีพ่อเป็นต้นแบบ เผยวัยเด็กไม่มีไอแพด โทรศัพท์ ไลน์ พี่มีลูกสองคน
‘บิ๊กอ้วน’ เอาใจทอ. เคาะซื้อ ‘กริพเพน’
ปิดจ๊อบภายในปีนี้! "บิ๊กอ้วน" ไฟเขียว ทอ.เลือก "กริพเพน" มั่นใจคนใช้เป็นคนเลือก รออนุมัติแบบหลังทีมเจรจาออฟเซตกับสวีเดนจบ แจงทูตสหรัฐแล้ว ไทยยันไม่มีนโยบายกู้เงินซื้ออาวุธตามข้อเสนอขายเอฟ
1ประเทศ2นายกฯ ระวังจบซ้ำรอยเดิม?
มีหลายส่วนในสังคม คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกอึดอัดกับท่าทีของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พ้นโทษออกมาโดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่ทำตัวเปรียบเหมือนเป็นเจ้าของรัฐบาล
กฤษฎีกายี้กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
จับตา ครม.ถกร่าง กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 13 ม.ค.นี้