‘ทักษิณ-ธรรมนัส’อ่วม สว.จวกทำลายยุติธรรม แปลง‘สปก.’เอื้อกลุ่มทุน

สภาสูงอภิปรายตามมาตรา 153 พุ่งเป้า  “ทักษิณ-ธรรมนัส” อ่วม โดนทั้งเรื่องกระบวนการยุติธรรม  การแปลง ส.ป.ก.-อายัดยาง “รมว.กษ.” โต้กลับทันควันหลังถูกเอ่ยเรื่อง "แป้ง" ด้าน "สมชาย" ชี้ 3 ช่องพานักโทษวีวีไอพีกลับเข้าคุก “ประพันธ์” ซัดแปลงโฉนดเป็นการแข่งขันของ “พปชร.-ก.ก.” เอาสมบัติชาติไปหาเสียง “ภูมิธรรม” บอก สว.อยากคุยเรื่องนายใหญ่ติดต่อผ่านอุ๊งอิ๊งได้

เมื่อวันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2567 มีการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 28 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติเรื่อง ขอเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.)  แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 153 ที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ กับคณะเป็นผู้เสนอ

โดยก่อนเริ่มการประชุม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า มีความพร้อม รวมถึงรัฐมนตรีหลายๆ ท่านที่เกี่ยวข้องด้วย ถ้าเกิดมีอะไรที่เกิดความเข้าใจผิดหรือยังไม่มีความกระจ่าง ก็พร้อมมาให้ความกระจ่างกับทุกๆ ท่าน

เมื่อถามถึงกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะถูกพุ่งเป้าในการอภิปราย นายเศรษฐากล่าวว่า  ไม่ทราบ แต่คิดว่าอย่าไปคิดว่าจะมีคำถามอะไรเลยดีกว่า  ถ้ามีมาแล้วสามารถตอบได้ และอยู่ในกรอบที่เราต้องตอบ  เราก็จะตอบครับ

ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวเรื่องนี้ว่า การบริหารราชการแผ่นดินและการทำงานของ ครม.ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนายทักษิณ เพราะเป็นบุคคลภายนอก แม้เป็นบุคคลที่เรารักและศรัทธา แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน หาก สว.สนใจสอบถามเรื่องนายทักษิณก็ประสานงานพูดคุยกับท่านได้ ย้ำว่ารัฐบาลไม่เกี่ยวข้อง วันนี้เป็นการอภิปรายเพื่อนำเสนอการทำงานของรัฐบาลเป็นประเด็นหลัก

ผู้สื่อข่าวถามว่า สว.ยืนยันจะอภิปรายนายทักษิณ เพราะเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม โดยชี้ให้เห็นถึงความบกพร่อง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ทำได้ไม่มีปัญหา แต่เรื่องเกี่ยวกับรัฐบาลนี้ต้องเข้าใจว่ากฎหมายนิรโทษกรรมและกระบวนการยุติธรรมเกิดมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2560 ซึ่งไม่เกี่ยวกัน และ สว.ก็เคยเรียกร้องให้นายทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม วันนี้ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่รัฐบาลนี้ไปดำเนินการอะไร

ถามย้ำว่า ครม.จะชี้แจงอย่างไรเนื่องจากไม่มี สส. เข้ามาช่วยประท้วง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องเตรียมการ ถ้าอภิปรายนอกประเด็นหรือไปเกี่ยวกับบุคคลภายนอก เป็นหน้าที่ของประธานและสมาชิกต้องระงับยับยั้ง ถ้าไปพาดพิงบุคคลภายนอกสภาไม่ได้คุ้มครอง และทุกคนก็รู้แนวปฏิบัติอยู่ พยายามหลีกเลี่ยงบุคคลภายนอก ไม่ไปเกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่า หาก สว.อยากพบหรือพูดคุยกับนายทักษิณจะประสานได้ที่ใคร นายภูมิธรรมกล่าวว่า ให้ประสานกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวของนายทักษิณ เพราะตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร  เป็นเรื่องครอบครัวก็ต้องคุยกับคนในครอบครัวเขา จะได้สื่อสารถึงนายทักษิณเลย ตนเป็นคนนอก เรามีแต่ใจ ความรู้สึกที่มอบให้ เรื่องจะจัดการอย่างไรให้ผ่านครอบครัวท่าน

แนะเปิดโรงทาน

เมื่อเวลา 09.08 น. ที่ประชุม สว.ได้เข้าสู่ญัตติ โดยนายเสรีแถลงว่า รัฐบาลหวังให้ประชาชนกินดีอยู่ดี แต่ยังไม่สามารถทำอะไรที่เป็นรูปธรรม บอกเพียงว่าทำไม่ได้ เพราะต้องรอกฎหมายงบประมาณ กลายเป็นข้อแก้ตัว ขอเรียนว่าแม้งบประมาณจะไม่ออก แต่การบริหารประเทศไม่หยุด รัฐบาลตั้งใจแจกเงิน แต่ก็มีปัญหาข้อกฎหมายและวินัยการเงินการคลัง และแจกเงินไปแล้วประชาชนใช้ไม่ถึงเดือน แต่รัฐบาลต้องกู้ 5 แสนล้านบาท ซึ่งหากพิจารณาแก้ไขปัญหาขั้นพื้นฐาน รัฐบาลลองเปิดโรงทานทุกวัด ทุกมัสยิด ให้คนเข้าไปกิน เขาก็มีกินทุกมื้อ ท่านสามารถสร้างโรงอาหารให้คนยากจนทุกพื้นที่ทั่วประเทศได้อย่างมั่นคง

นายเสรีกล่าวอีกว่า การเดินทางไปต่างประเทศไม่ใช่ทำตัวเป็นเซลส์แมน เวลานายกฯ ไปต้องไปแบบซีอีโอ ผู้บริหารระดับสูง ส่วนเซลส์แมนให้นายภูมิธรรมทำหน้าที่แทน เรื่องนี้กลับหัวกลับหางไปหมด ผลที่ออกมาก็ไม่ได้ประโยชน์กับภาพลักษณ์ ในขณะที่กระบวนการยุติธรรมมีแต่ข้อแถลง ไม่มีรูปธรรม แก้หนี้นอกระบบ แก้ไม่ได้ ซึ่งกระบวนการยุติธรรมเรื่องใหญ่ ช่วยคนทำผิดไม่ต้องรับโทษ เรื่องนี้เป็นผลงานโดดเด่นของรัฐบาลและนายกฯ แต่กระบวนการยุติธรรมเสียหาย

 “นายกฯ บอกทำตามกฎหมาย ถูกต้องไม่ผิด แต่กฎหมายที่นำมาใช้เหมาะสมหรือไม่ เป็นธรรมหรือไม่ สามารถปฏิบัติกับประชาชนโดยทั่วไปหรือเปล่า อันนี้คือปัญหา เพราะสิ่งที่พวกท่านทำมันคือการทำลายกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศ ในบ้านเมือง มีหลายวิธีที่ทำได้ ไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก ไม่ต้องทำให้ประชาชนรู้สึกไม่ดี แต่ท่านไม่ทำ กลายเป็นว่าทำเพราะแสดงอำนาจ  แสดงบทบาท และแสดงความยิ่งใหญ่ ว่ากลับมาประเทศแล้วไม่ติดคุกสักวัน” นายเสรีกล่าว

จากนั้นนายเศรษฐาชี้แจงว่า การเดินทางไปต่างประเทศหลายหน หลายครั้งเป็นการเดินทางจำเป็น เป็นธรรมเนียมเยี่ยมประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งให้ความตระหนักดีถึงการใช้เวลาบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ปัจจุบันสามารถใช้เทคโนโลยีบริหารราชการ ติดต่อ ครม. ข้าราชการ โดยไม่จำเป็นต้องเจอกันตัวต่อตัว ส่วนเรื่องงบประมาณไม่ได้เป็นข้อแก้ตัวหรือข้ออ้าง นโยบายหลักหลายอย่างของเรา เช่น พักหนี้เกษตรกร วีซ่าฟรี ล้วนเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่พึ่งงบประมาณ ราคายางพาราที่ขณะนี้กิโลกรัมเป็นร้อยบาท เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลเปิดตลาดและเข้มงวดการนำเข้า

 “ยืนยันไม่ได้อ้างว่างบประมาณทำให้ช่วยเหลือไม่ได้ แต่งบประมาณเป็นขีดจำกัดที่เราไม่สามารถผลักดันได้เต็มที่ ส่วนเรื่องหนี้นอกระบบ เห็นด้วยเรื่องนี้ยังไม่จบ เห็นด้วยที่ประชาชนยังไม่อยากเข้าไปเคลียร์ ทราบดีถึงปัญหานี้ จึงได้กำชับฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว ไม่ใช่คอยนั่งอยู่ที่โต๊ะให้ประชาชนเข้ามาแจ้ง” นายเศรษฐากล่าว

จากนั้นเวลา 12.25 น. นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สว. อภิปรายตอนหนึ่งว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อายัดยางของชาวบ้านที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ในนาม ฉก.พญานาคราช อายัดสินค้ายางก้อนรวม 600 ตันเศษ สงสัย 29 ตัน แต่อายัด 600 ตัน มูลค่า 15 ล้านบาทเศษ หนึ่งเดือนผ่านไปไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เพราะชาวบ้านยืนยันได้ว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่เพิกเฉยไม่ยอมแจ้งยกเลิกอายัด  จนยางก้อนเกิดความเสียหาย ผู้ประกอบการติดตามทวงถาม ประสานไปรองอธิบดีที่เซ็นคำสั่ง คำตอบที่ได้คือให้ไปเคลียร์กับที่ปรึกษารัฐมนตรี ซึ่งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีคนใดก็ไม่มีใครบอก จะใช่รัฐมนตรีที่วุ่นวายกับที่ดิน ส.ป.ก. อุทยานเขาใหญ่หรือไม่ ไม่ทราบ

“มีคนนินทาว่า ขณะนี้คนใกล้ชิดนักการเมืองไปตั้งโรงงานอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรับซื้อน้ำยางนำผลิตยางแผ่น ถามว่ารัฐมนตรีรับทราบบ้างหรือไม่ ยิ่งกว่านั้นมีความจงใจตั้งด่านที่ หจก.ธิติพงษ์ และบอกว่าไม่จ่ายก็ทำธุรกิจไม่ได้ ถ้าเอาเรื่องไปฟ้องก็อย่าหวังจะอยู่ในพื้นที่ได้  ดังนั้นขอไปยังนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง หัวหน้าพรรค ขอจงขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนและประเทศด้วยเทอญ เพราะนี่คือยางพาราไม่ใช่แป้ง”

ธรรมนัสโต้กลับ นพ.พลเดช

จากนั้นเวลา 12.40 น. นายธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงว่า ทุกคำพูดที่ นพ.พลเดชพูด  โดยเฉพาะคำพูดสุดท้ายทำให้รู้สึกไม่ดี นพ.พลเดชเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เป็นถึงนายแพทย์ แต่ทิ้งทายด้วยถ้อยคำที่ทิ่มตำตนเอง ซึ่งตนไม่อาจย้อนกลับไปในอดีตได้ แต่เลือกที่จะทำเพื่อบ้านเมืองได้ ท่านบอกว่าประชาชนในสังขละบุรี ถามว่าประชาชนตรงไหน เพราะประชาชนร้องว่ายางพาราส่งกลิ่นเหม็นกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทราบว่าผู้ประกอบการที่มาร้องคือเครือญาติของพวกท่าน  ท่านบอกว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยชุดพญานาคราชมีการเรียกรับผลประโยชน์ ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่อีกไม่กี่วันก็จะเกษียณแล้ว เพราะฉะนั้นขอให้ช่วยชี้แจงว่าเป็นบุคคลใด อย่ากล่าวหาแบบคลุมเครือไม่ชัดเจน เมื่อกล้าเปิดหน้าแล้วต้องพูดให้สุด ว่ามันผู้นั้นคือใครที่บังอาจเรียกรับผลประโยชน์

 “การทำงานย่อมกระทบกับผู้เสียผลประโยชน์ซึ่งไม่ใช่ประชาชน แต่เป็นกลุ่มนายทุนและพ่อค้าหัวใส ที่ทำมาหากินบนความยากลำบากของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และหลังจากนี้ผมจะไปสืบหาว่าบริษัทที่ได้รับผลประโยชน์เป็นบริษัทเครือญาติของใคร และจะแถลงข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ และประชาชนจะตัดสินใจเองว่า การบริหารราชการแผ่นดินของผมในฐานะ รมว.เกษตรฯ และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายตอบโจทย์พี่น้องประชาชนอย่างไร”

ต่อมานายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สว. อภิปรายถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า คำพูดตอนหาเสียง นายกฯ ชื่อเศรษฐา คนไทยเป็นเศรษฐี แต่ตอนนี้หนี้ครัวเรือนพุ่งกระฉูด 92% ขอถามนายกฯ ว่าจะแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างไร ขณะที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้นั้น เป็นการหาเสียงลักษณะสัญญาว่าจะให้ จึงอยากให้ ป.ป.ช.ไต่สวน 2 เรื่องคือ กรณีหาเสียงสัญญาว่าจะให้ และการทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 เพราะขณะนี้โครงการเลื่อนแล้วเลื่อนอีก อ้างต้องเลื่อนเพราะมีคนดักตีหัวอยู่ ไม่รู้จริงหรือไม่

 “ถ้าทำนโยบายไม่ได้ก็เป็นโมฆบุรุษ โครงการต้องเดินหน้าอย่างเดียวจะหยุดไม่ได้ ถ้าไม่แจกก็เจ๊ง เพราะเป็นนโยบายเรือธง ซึ่งจะเดินหน้าต่อหรือหยุดแค่นี้ให้รีบบอกประชาชน ถ้าหยุดแค่นี้ก็ขอโทษประชาชน จะยกโทษให้  สารภาพว่าหาเสียงไม่รอบคอบ ดีกว่าทำผิดเสี่ยงติดคุกหัวโต”

ต่อมาเวลา 14.00 น. นายสมชาย แสวงการ สว.  อภิปรายว่า นายกฯ หมกมุ่นเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต วิงวอนมาตลอดว่าให้เลิกโครงการ อย่าดันทุรัง เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เสี่ยงผิดกฎหมาย นำไปสู่คดีความแน่นอน  หากจะเดินโครงการต่อจะยื่น ป.ป.ช.ดำเนินคดีแน่นอน ส่วนเรื่องกระบวนการยุติธรรมนั้น วันนี้กระบวนการยุติธรรมประเทศกำลังเสื่อม ขาดความยุติธรรมถึงที่สุด นายกฯ ต้องมีส่วนรับผิดชอบในฐานะหัวหน้ารัฐบาล แต่ปล่อยให้เกิดกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน บางคนเรียกไร้มาตรฐาน

นายสมชายกล่าวอีกว่า กรณีนายทักษิณดูแล้วไม่ใช่ความผิดนายทักษิณ แต่ปัญหาคือระบบการบังคับโทษ นายทักษิณได้ไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจห้องวีวีไอพี อ้างว่าป่วย 4 โรค แต่ขัดกับภาพที่นายทักษิณเดินทางไป จ.เชียงใหม่ ไม่รู้หมอ รพ.ตำรวจรักษาดีหรือนายทักษิณกำลังใจดี ทราบว่าหมอที่รักษาเป็น พล.ต.ท.เกษียณแล้ว  ชื่อย่อ “ส.” เป็นหมอทางสมอง ส่วนการอ้างกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ให้เปิดเผยอาการป่วยนั้น มีข้อยกเว้นไม่ให้ใช้บังคับแก่ สส., สว. และ กมธ.ที่เก็บรวบรวมข้อมูลตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งข้อมูลที่ กมธ.ได้รับจากกรมราชทัณฑ์ระบุว่า ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2565 - 25 ธ.ค. 2566 มีนักโทษที่เป็นผู้ป่วยไปรักษาตัวภายนอกเกิน 30 วัน 100  คน เกิน 60 วัน 30 คน เกิน 120 วัน 3 คน หนึ่งในนั้นคือ นายทักษิณ ไม่รู้ใครโกหก

ชี้ 3 ช่องทางฟัน ‘ทักษิณ’

นายสมชายกล่าวว่า ยิ่งไปดูกฎกระทรวงที่แก้ไข มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องสถานที่คุมขังและอายุ จากเดิมระบุต้องได้รับโทษมา 1 ใน 3 และอายุเกิน 70 ปี มีโรคประจำตัว มีการแก้ไขจากคำว่าและเป็นหรือ ทำให้คนอายุ 70 ปี  ไม่ว่าจะโกงชาติบ้านเมืองหรือไม่ ก็สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ เรื่องนี้สั่นคลอนกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง  วันใดเกิดวิกฤตศรัทธาจะนำมาซึ่งสึนามิแก้ไขยาก ขอเสนอให้ดำเนินคดีกรณีนี้ 3 ทาง คือ 1.ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขัดหลักนิติธรรม ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง มีคำสั่งให้นายทักษิณกลับเข้าสู่กระบวนการรับโทษ 2.ร้องศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่งการให้นายทักษิณเข้ารับการพักรักษาตัวใน รพ.ตำรวจ และคำสั่งพักโทษเป็นคำสั่งมิชอบ และ 3.ร้องต่อ ป.ป.ช.เอาผิดนายกฯ, รมว.ยุติธรรม และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง กรณีใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ

โดยนายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ภายหลังรับฟังการประชุมวุฒิสภาว่า ได้รับฟัง ซึ่งเรื่องที่ตอบได้ก็ได้ตอบไป  อะไรที่เป็นประโยชน์เราก็น้อมรับไปปรับปรุงแก้ไข ก็อย่างที่พูดไป เมื่อเช้านี้ท่านกล่าวเปิดมาก็ตอบ ก็อธิบายบางเรื่องไป และถ้าเผื่อมีโอกาสก็จะกลับเข้ามา

จากนั้นเวลา 15.20 น. นายประพันธ์ คูณมี สว.  อภิปรายว่า การเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนดที่ดิน บิดเบือนไปจากเจตนารมณ์ของกฎหมายปฏิรูปที่ดิน  เหตุผลที่เป็นห่วงเรื่องนี้เพราะมีนายกฯ ที่เคยเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และมี รมว.เกษตรฯ ที่กล้าหาญชาญชัยที่จะกล้าทำในเรื่องที่นึกไม่ถึง กล้าออกกฎระเบียบหลายข้อที่หมิ่นเหม่กฎหมาย 40 กว่าล้านไร่กำลังถูกแปรรูปไปเป็นที่ดินของเอกชน หรือเป็นที่ดินส่วนบุคคล

“ปฏิรูปเพื่อเปิดทางให้กลุ่มทุนผู้มีอิทธิพลทางการเมืองเข้ามาครอบครอง เพราะเขารู้แล้วว่านำที่ดินไปทำโน่นนี่ได้ เรื่องปฏิรูปที่ดินไปๆ มาๆ เป็นเรื่องของสองพรรคการเมือง ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคพลังประชารัฐ แข่งกันเอาสมบัติแผ่นดินไปหาเสียงกับประชาชน” นายประพันธ์กล่าว

เวลา 15.28 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ชี้แจงว่า การบริหารราชการแผ่นดินของตนปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนร่วม เท่าที่ตนรู้จักกับนายทักษิณ ไม่เคยสั่งให้ตนทำอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย ขัดต่อระบบคุณธรรม การทำลายกระบวนการยุติธรรมคือการยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญ ตนเข้ารับตำแหน่งวันที่ 11 ก.ย. 2566 หลังจากนายทักษิณเข้าโรงพยาบาล การได้รับการพักโทษตนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นความเห็นของคณะกรรมการพักโทษ และเป็นหลักเกณฑ์ที่เกิดมาก่อนตนทั้งสิ้น

 "นายทักษิณได้ถูกจำคุกแต่ใช้สถานที่คุมขังอื่น ซึ่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็ระบุไว้ชัดว่า โรงพยาบาลที่ระบุไว้ในมาตรา 55 วรรค 3 ของกฎหมายราชทัณฑ์ และไม่ใช่แค่นายทักษิณคนเดียว แต่คนเข้าออกโรงพยาบาลมีกว่า 4-5 หมื่นคน แต่ถ้าเกิน 120 วันมีไม่มากนัก เมื่อครบ 120  วันผมได้ให้เจ้าหน้าที่รายงานเข้ามา ก็มีการยืนยันว่าป่วยจริง จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาล ถือว่าถูกจำคุก 6 เดือนแล้ว  ยืนยันว่าผมทำตามกฎหมายที่พวกท่านเขียน ไม่ใช่ผมเขียน" พ.ต.อ.ทวีกล่าว

 ด้านนายสมชาย แสวงการ สว. ลุกขึ้นอภิปรายว่า  ตนเคยเป็นเลขาฯ วิป สนช. ตอนทำกฎหมายราชทัณฑ์ในปี 60 กฎหมายนี้เหมือนกฎหมายทั่วไป ตนไม่อยากพาดพิงไปถึงนายทักษิณ พล.อ.ประยุทธ์ หรือนายวิษณุ  หรือเลยไปถึงรัฐบาลที่แล้วที่ออกกฎหมาย แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตอนบังคับใช้ ถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลปัจจุบันกับ รมว.ยุติธรรม

ต่อมาเวลา 17.10 น. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ชี้แจงว่า เรื่อง ส.ป.ก.4-01 ประเด็นที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่อุทยานฯ เขาใหญ่ นอมินีในการถือครองที่ดินของรัฐในเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งมีในหลายจังหวัด ที่ดินที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินตั้งแต่ปี 2516-2518 ที่รัฐบาลชุดนั้นได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม  เปิดโอกาสให้ประชาชนผู้ยากไร้ได้มีที่ดินเป็นของตัวเอง  แต่การมีที่ดินในรูป ส.ป.ก.มิได้เป็นกรรมสิทธิ์ เป็นเพียงสิทธิเข้าทำกินในเขตปฏิรูปที่ดิน รวมทั้งการมีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย เหตุผลที่มีการแก้ไขประกาศหลักเกณฑ์การจัดสรรที่ดินให้เกษตรกร เพื่อต้องการแก้ไขสิ่งไม่ถูกต้อง

  “สิ่งที่ผมแก้ไขทั้งหมดไม่ได้อะไร แค่อยากให้รู้ว่า คนที่ถูกขนานนามเป็นรัฐมนตรีสีเทา ทำอะไรให้บ้านเมืองบ้าง เรื่องการใช้นอมินีครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.รัฐนั้น ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการถือครองที่ดิน มีนายอำเภอเป็นประธาน หากพบใครเป็นนอมินีครองที่ดินรัฐโดยมิชอบ จะเอาผิดถึงที่สุด จะไม่ถอย เชื่อว่าภายในปี 2567 จะเห็นโฉมหน้าคนที่เข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินรัฐ” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ

“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป