"บิ๊กต่าย" กำชับตำรวจเลิกแบ่งขั้ว "พงส." ส่งหมายเรียก "พล.ต.อ.สุรเชษฐ์" ครั้งที่ 2 รับทราบข้อหาร่วมฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ "บิ๊กโจ๊ก" ลาราชการพาครอบครัวไปอังกฤษ กลับ 1 เม.ย. "เศรษฐา" ไม่ทราบ "รอง ผบ.ตร." ลาราชการ บอกสื่อจบเถอะปม 2 นายพล "จตุพร" เชื่อผู้มีบารมีนอก รธน.สั่งเด้ง "บิ๊กต่อ" คาดเริ่มส่งสัญญาณแหกดีล "เทพไท" ยุ "ผบ.ตร." ฟ้องศาลปกครองกู้ศักดิ์ศรี
ที่รัฐสภา วันที่ 22 มี.ค. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เพื่อรายงานสถานการณ์ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรับมอบนโยบายการทำงาน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า นายกฯ สั่งการให้ปฏิบัติหน้าที่ประสานกับฝ่ายความมั่นคงดูแลประชาชนในเรื่องของความปลอดภัย และกำชับการลงไปดูแลพื้นที่เกิดเหตุ เรื่องการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ การกวาดล้างผู้มีอิทธิพลที่ปล่อยเงินกู้ เรื่องของยาเสพติด เรื่องเว็บพนันออนไลน์ บ่อนการพนัน และสถานบริการที่ผิดกฎหมาย รวมไปถึงเน้นย้ำให้ข้าราชการตำรวจในเรื่องของความรัก ความสามัคคี และให้ดูแลสวัสดิการข้าราชการตำรวจ ทั้งเรื่องที่พัก ความเป็นอยู่ด้วย
"เรื่องบ่อนพนันในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 นายกฯ เน้นย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ บช.ภ.1 ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ตั้งแต่ระดับผู้กำกับลงไป โดยตอนนี้ได้มาปฏิบัติราชการที่ ศปก. และผมได้สั่งให้ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี มาปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของ ศปก.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และยังให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นหรือไม่" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าว
รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า สถานการณ์ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีอะไรแล้ว ทุกคนต้องตั้งใจทำงานตามนโยบายนายกฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องเดินหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดูแลพี่น้องประชาชน อะไรผิดกฎหมายต้องปราบปรามให้สิ้น
"ผมย้ำไปแล้วว่าเราเป็นตำรวจที่มีหน้าที่ในการดูแลทุกข์สุขพิทักษ์สันติราษฎร์ มีขั้วเดียวเท่านั้น คือขั้วตำรวจ เราเป็นขั้วเดียว มีตำรวจอย่างเดียว" รรท.ผบ.ตร.กล่าว
ขณะที่วันนี้ (22 มี.ค.) ในช่วงเช้า พนักงานสอบสวนชุดทำคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master พร้อมตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ในฐานะเจ้าของพื้นที่ นำหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ครั้งที่ 2 ข้อหาสมคบร่วมกันฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ไปส่งมอบให้ที่บ้านย่านวิภาวดี 60 อีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 21 มี.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่ได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกครั้งที่ 1 ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เนื่องจากยังไม่มีหนังสือคำสั่งให้ยุติการสอบสวน และให้โอนสำนวนไปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ได้เข้ามาถึงบริเวณป้อมยามของหมู่บ้าน และแลกบัตรตามปกติ โดยพนักงานสอบสวนได้นำแฟ้มจำนวน 1 แฟ้ม คาดว่าเป็นหมายเรียกพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามพนักงานสอบสวนใช่หมายเรียกครั้งที่ 2 หรือไม่ ทางพนักงานสอบสวนไม่ได้ตอบคำถามใดๆ แต่มีการพูดคุยกับ รปภ.หมู่บ้านเรื่องการเข้าไปภายในของหมู่บ้าน และได้เข้าไปในหมู่บ้านเวลา 10.30 น.
กระทั่งเวลา 10.47 น. พนักงานสอบสวนใช้เวลาเพียง 17 นาทีก็เดินทางออกมาจากหมู่บ้าน โดยพนักงานสอบสวน ระบุว่า เมื่อสักครู่ไม่ได้มีการแปะหมายฯที่บ้าน และที่บ้านไม่มีคนรับหมายฯ จึงได้นำหมายเรียกกลับออกมาด้วย และได้เรียนผู้บังคับบัญชาไปแล้ว ยืนยันว่าเป็นหมายเรียกครั้งที่ 2 ซึ่งหลังจากนี้จะต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีการออกหมายจับต่อไปหรือไม่
หมายเรียกโจ๊กครั้งที่ 2
มีรายงานว่า ในการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 พนักงานสอบสวนมีการนำไปแสดงยัง 3 สถานที่ คือ 1.บ้านพักในซอยวิภาวดี 60 2.สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล 3.บ้านที่สงขลาตามภูมิลำเนา โดยกำหนดให้มาเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 26 มี.ค. เวลา 10.00 น. ที่ บก.น.2
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ว่า วันนี้ได้ลาราชการ ซึ่งเป็นกำหนดการลาไว้ล่วงหน้ากับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ รวมทั้งได้แจ้งกับนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้รับทราบแล้ว โดยเป็นการลาเพื่อเดินทางไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวที่ จ.หนองคาย จากนั้นจะเดินทางไปพักผ่อนกับครอบครัวที่ประเทศอังกฤษในวันที่ 26 มี.ค.นี้ และจะกลับมาประเทศไทยในวันที่ 1 เม.ย.
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวถึงการถอนฟ้องคู่กรณีว่า พร้อมถอนหมดทุกอย่าง ไม่มีปัญหา ในเมื่อจบคือจบ ซึ่งสังคมจะเห็นเองว่าจบแล้ว วันนี้ทุกคนต้องสามัคคี ตนเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แล้ว สื่อต้องไปดูว่าควรทำแบบไหน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกระแสข่าวลือว่าหลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เดินทางกลับมาจากลาพักผ่อน ในวันที่ 1 เม.ย. จะมีการแถลงข่าว
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก "สุรเชษฐ์ หักพาล" ระบุว่า สวัสดีครับ วันนี้มีสื่อหลายสำนัก นำเสนอข่าวว่า ผมจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวในวันที่ 1 เมษายน ผมยืนยันนะครับว่าผมมีวินัย จะไม่มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวแต่อย่างใด ส่วนการลาราชการผมได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะเดินทางไปกับครอบครัว และจะกลับมาในวันที่ 1 เมษายน 2567
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ลาราชการว่า ยังไม่ทราบว่าลาหรือไม่ลา ตรงนี้ยังไม่ทราบ แต่การจะลาพักร้อนก็ถือเป็นเรื่องใช้สิทธิส่วนบุคคล
ถามว่า วันนี้มีการส่งหมายเรียกครั้งที่ 2 จึงมีข่าวการลาราชการออกมา นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ทราบ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ตนว่าเป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบราชการ
"เรื่องนี้เราพอเถอะ จบเถอะ อย่างกรณีที่สื่อมวลชนถามในเรื่องปัญหาภาคใต้ ยาเสพติด หนี้นอกระบบ เยอะแยะไปหมด ซึ่งรักษาการ ผบ.ตร.ก็มีภารกิจหนัก ผมว่าโฟกัสที่เรื่องงานดีกว่า ตรงนั้นปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเดินไป ทั้ง 2 ท่านที่ถูกให้มาช่วยราชการ ท่านก็มีหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแล้ว หากจะมีการลาพักร้อนหรืออะไรก็ว่าไปตามกฎระเบียบราชการ" นายเศรษฐากล่าว
ถามย้ำว่า เรื่องคดีให้เป็นไปตามกระบวนการใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ครับ
วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ โดยคาดว่าการเด้งสองบิ๊กสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ แม้มีความขัดแย้งกันจริง แต่ที่มาของรัฐบาลเกิดจากดีล ดังนั้นคนดีลย่อมเสี่ยงจะถูกตอบโต้จากคำสั่งเด้งครั้งนี้
นายจตุพรกล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์มีภูมิต้านทานเหนือกว่า ผบ.ตร.ในอดีตอีกหลายคน จึงไม่มีใครเชื่อจะถูกหักและสั่งย้ายมาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ส่วนบิ๊กโจ๊ก เคยมาแล้วหลายครั้ง จะมาอีกก็ไม่แปลก นอกจากนี้สังคมไม่เชื่อว่านายเศรษฐาจะกล้าสั่งเด้ง อาจมีอำนาจเบื้องหลังคอยกำกับการอยู่ก็ได้
"เมื่อบิ๊กต่อมีเงื่อนเวลาอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.ถึงเกษียณสิ้นกันยายนปีนี้ จึงเท่ากับถูกบีบด้วยเงื่อนเวลา ซึ่งหลังคณะกรรมการสอบสวนครบตามคำสั่ง 60 วันแล้ว จะเหลือเวลาอีกแค่ 120 วัน ดังนั้นโอกาสได้กลับมา สตช.เหมือนจะเหลือน้อย หรืออาจยากที่จะได้กลับเสียด้วยซ้ำ ร่องรอยนายกฯ สั่งเด้ง ผบ.ตร.นั้น เป็นที่น่าสังเกตกับ 3 วาทะรหัสของทักษิณที่สัมภาษณ์ไว้ที่เชียงใหม่ คือ สภาพจิตใจ ถึงบ้าน 6 เดือน และต่างคนต่างอยู่ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ได้” นายจตุพรกล่าว
จตุพรชี้สัญญาณแหกดีล
นายจตุพรกล่าวด้วยว่า การลงดาบสั่งเด้ง ผบ.ตร.ครั้งนี้ เห็นร่องรอยอำนาจส่อเปราะบางขึ้น เพราะคนทำการดีล ควบคุมการดีลต่างใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆเช่นกัน
ถามว่าถ้าดีลถูกเบี้ยวแล้วจะเกิดอะไรขึ้น นายจตุพรประเมินว่า หากแก้กันไม่ได้แล้ว สุดท้ายอาจต้องจบกันแบบเดิม ดังนั้นการเด้งจึงเป็นจุดเริ่มต้นของปฐมบทปัญหาที่จะเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นในอนาคต สิ่งสำคัญแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ใช่มีแค่สองบิ๊ก สตช.เท่านั้น แต่นายกฯ และอดีตนายกฯ (ทักษิณ) ก็ยังเป็นปัญหาด้วย ทุกปัญหาล้วนพันผูกกับตำรวจทั้งสิ้น ดังนั้น สภาพข้างหน้าจึงเต็มไปด้วยปัญหา แล้วใครจะโดนปัญหาเล่นงานกันก่อน
“ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ มีการคาดกันว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นของการแหกดีลกันหรือไม่ ซึ่งรอบนี้หนักกว่าเดิม หากกล้องวงจรปิด รพ.ตำรวจกู้ภาพกลับคืนได้ จะยิ่งกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาอีก แล้วนำไปสู่ปัญหาไม่คาดคิดกันใหม่ได้ตามมาสมทบ ซ้ำเติมกันอีก” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรเชื่อว่า แม้นายกฯ สั่งให้สอบสวนใน 60 วัน แต่ดูแววตาของสองบิ๊กรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเสร็จสิ้นใน 60 วัน และอาจจะมีสถานการณ์ใหม่เข้ามาแทรกแซง ยิ่งทำให้เวลาขยายเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนมีการสงสัยว่าประเทศมีนายกฯ กันกี่คน โดยตั้งข้อสังเกตตั้งแต่การแต่งตั้ง ผบ.ตร. เมื่อ ก.ย.2566 ที่ ก.ตร.ประกาศเลื่อนประชุมแล้ว อีกสักพักให้ประชุมกันต่อ กรณีนี้มองถึงอำนาจหลังฉากตัวจริงว่า เป็นใครกันแน่ระหว่างอำนาจของนายกฯ ตาม รธน.กับอำนาจนายกฯ นอก รธน. ซึ่งทักษิณเคยชิงชังและรังเกียจถึงกับเรียกเป็นผู้มีบารมีนอก รธน.มาแล้ว
“แต่วันนี้อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน และรู้ว่าใครทรงอำนาจและมีอิทธิพล แล้วปัญหาจะยิ่งไม่จบ มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ และถ้าแน่จริงกันทั้งสองฝ่ายคงตะลุมบอนกันเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม โดยธรรมชาติแล้วคงได้พูดคุยสมยอมกันอีก หรือถ้าเกิดอารมณ์นักเลงมาทั้งคู่จะไม่ยอมกันเลยก็ได้ ซึ่งจะจบอีกแบบ ต้องคอยติดตาม” นายจตุพรกล่าว
ส่วนนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ถ้าผมเป็นบิ๊กต่อจะฟ้องศาลปกครอง ถ้าผมเป็น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ถูกคำสั่งด่วนฟ้าผ่า เด้งเข้ากรุแบบนี้ ผมจะทำอย่างไร ซึ่งผมต้องขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้รู้จัก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เป็นการส่วนตัว ไม่ได้เชียร์ท่าน แต่ที่ผมพูดเรื่องนี้ พูดไปตามหลักการความถูกต้อง อย่างตรงไปตรงมา และเป็นสิ่งสมมติ ถ้าผมเป็น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ในลักษณะเอาใจเขามาใส่ใจเราเท่านั้น
นายเทพไทกล่าวอีกช่วงหนึ่งว่า ถ้าจะถามหาความผิดของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เมื่อเปรียบเทียบกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะกรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังไม่ถูกสอบสวนตั้งข้อหาหรือความผิดใด ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สามารถอธิบายได้ว่ามีข้อหาไปเกี่ยวข้องกับคดีเว็บพนันออนไลน์ แต่กรณีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีแค่ พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ออกมาใบ้ชื่อนายพลอักษรย่อ ต. เท่านั้นเอง เหตุผลเพียงแค่นี้ ต้องถึงกับโดนเด้งไปในทันทีอย่างนั้นหรือ ผมว่ามันไม่เป็นธรรม ไม่สมเหตุสมผลกับการโยกย้ายแบบฟ้าผ่า ถ้าจะอ้างเรื่องความขัดแย้งของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งเป็นความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา จำเป็นต้องย้ายออกจากหน่วยงานทั้ง 2 คนนั้น ผมว่ามีหลายหน่วยงานที่มีกรณีแบบนี้
"ถ้าผมเป็น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ผมจะไม่ยอมรับการออกคำสั่งโยกย้ายช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพราะยังไม่มีความผิดใดๆ จนถึงขั้นต้องโยกย้าย ซึ่งเป็นการทำลายชื่อเสียง เกียรติยศของตัวเองและวงศ์ตระกูล ทำให้ชีวิตราชการมีตำหนิ รวมถึงศักดิ์ศรีตำแหน่ง ผบ.ตร.อีกด้วย ถ้าเป็นผม จะขอความเป็นธรรม ใช้สิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว หรือว่ามีอะไรที่ลึกๆ กว่านี้ อันนี้ผมไม่ทราบครับ" นายเทพไทระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
เปิด 10 ฉายาตำรวจ 'บิ๊กต่าย' คว้า 'กัปตันเรือกู้'
เปิด 10 ฉายาตำรวจ 'บิ๊กต่าย' ฉายา 'กัปตันเรือกู้' จากภารกิจร้อนในการกอบกู้วิกฤติศรัทธา-ภาพลักษณ์องศ์กร 'อัคราเดช' ได้ฉายา 'สุมาอ้อ ยอดกุนซือ' จากผลงานไล่ล่า 18 บอสดิไอคอนได้ในวันเดียว ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ได้ฉายา 'ไซเบอร์อรรถ จัดเต็ม' ด้านจ๋อแจ๊ะได้ฉายา 'กุนซือมือฉบัง-อย่าเล่นกับระบบ แจ๊ะ'