ชงรองผบ.ตร.หมายเรียก‘โจ๊ก’

ตร.ให้ประกัน "รองผู้การสงขลา-อู๊ด หาดใหญ่" เอี่ยวคดีเว็บพนัน BNKMaster ชง ผบ.ตร.ตั้งหัวหน้าชุดระดับรอง ผบ.ตร. ออกหมายเรียก "โจ๊ก"  ขณะที่ "อัจฉริยะ” ร้องกรมสรรพากรสอบการเสียภาษีค่านายหน้าเช่าพระกว่า 10 ล้านบาท "ผบช.ก." ไม่ตกใจหลัง "จรูญเกียรติ" ถูกฟ้องหมิ่น ชี้เป็นการทำงานของ ตร. ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล บช.ก.ปูพรมทลายเว็บพนันออนไลน์ 31 จุด ยึดทรัพย์กว่า 69 ล้าน จับผู้ต้องหา 44 ราย

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม จากกรณีที่ พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (รอง ผบก.จ.สงขลา) และนายณพรรษกร หรืออู๊ด  หาดใหญ่ 2 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ ในคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน BNKMaster ซึ่งมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน รับทราบข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา

มีรายงานว่า หลังจากสอบปากคำ พ.ต.อ.กิตติชัยและนายณพรรษกรเสร็จเรียบร้อยเมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก่อนจะอนุญาตให้ประกันในชั้นสอบสวนโดยให้วางหลักทรัพย์เป็นเงินสด 100,000 บาท เป็นหลักประกัน โดยพนักงานสอบสวนนัดให้มารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 9 เม.ย.2567

ส่วนการออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล คณะพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.แล้ว เพื่อพิจารณาแต่งตั้งหัวหน้าชุด ซึ่งเป็นระดับรอง ผบ.ตร. มากำกับดูแลคดีนี้ ซึ่งยังต้องรอการพิจารณาจากผู้บังคับบัญชา จึงจะสามารถดำเนินการต่อไปได้

 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพกร โดยกล่าวว่า  นําข้อมูลเอกสารหลักฐานการซื้อขายพระระหว่าง "เฮียอั้ง เมืองชล" กับอดีตข้าราชการ โดย "เฮียอั้ง" อ้างว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มีการแนะนําการซื้อขายพระตั้งแต่ปี 2558-2561 รวม 8 ครั้ง รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท และมีการจ่ายค่านายหน้าให้กับรอง ผบ.ตร. เป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท หรือประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมองว่าผิดปกติ เนื่องจากค่านายหน้าต้องได้จากผู้ขายไม่ใช่ผู้ซื้อ และเรตราคามาตรฐานปกติอยู่ที่ 3-5 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ จึงนําข้อมูลมายื่นให้อธิบดีกรมสรรพากรตรวจสอบว่าทั้ง “เฮียอั้ง” และรอง ผบ.ตร. มีการจดเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วไม่พบการชําระ ขอให้กรมสรรพากรดําเนินการตามอํานาจหน้าที่

นายอัจฉริยะกล่าวว่า เหตุใดจึงจ่ายค่านายหน้าให้รอง ผบ.ตร. เป็นเงินสดหากสุจริตจริง ซึ่งทราบมาด้วยว่ารอง ผบ.ตร. มีการนําเงินดังกล่าวไปซื้อาวุธปืนมากถึง 200 กระบอก ซึ่งในวันจันทร์ที่ 18 มี.ค.นี้ จะเดินทางไปยื่นตรวจสอบที่กระทรวงมหาดไทย ว่าฝ่ายปกครองมีการออกใบอนุญาตการครอบครองอาวุธปืนกว่า 200 กระบอกจริงหรือไม่ รวมถึงให้ตรวจสอบด้วยว่ามีอาวุธอยู่ในการครอบครองจํานวนกี่ร้อยกระบอกกันแน่

นอกจากนี้ นายอัจฉริยะเผยด้วยว่า มีข้อมูลการฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาท รวมไปถึงการซื้อขายตําแหน่ง โดยข้อมูลทั้งหมดอยู่ในมือของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้มอบหมายให้ทนายความฟ้องหมิ่นประมาท พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ว่า  เบื้องต้นยังไม่มีการพูดคุยกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติในเรื่องดังกล่าว แต่เนื่องจาก พล.ต.ต.จรูญเกียรติเป็นคณะทำงานในคดีนี้ตามคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และเป็นการทำคดีในนามส่วนตัว จึงถือว่าเป็นเรื่องของคณะทำงานของทาง ตร.ไม่เกี่ยวข้องกับ บช.ก. นอกจากนี้หากผู้บังคับบัญชามีคำสั่งให้บุคคลใดไปเป็นคณะทำงานสืบสวนสอบสวนในคดีใดก็สามารถทำได้ ตนไม่มีสิทธิ์ห้าม หากจะมีการกำชับเรื่องการทำงานกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติในเรื่องใดแล้ว ก็มีเพียงให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และเป็นไปตามเหตุและผลเท่านั้น หากผู้บังคับบัญชามีคำสั่งให้ บช.ก.ดำเนินการในคดีดังกล่าวก็พร้อมจะทำ แต่หากถามความเห็นส่วนตัวแล้วก็ไม่อยากเข้าไปยุ่ง เนื่องจากมีคนรับผิดชอบอยู่แล้ว

พล.ต.ท.จิรภพกล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือตกใจจากกรณีที่ผู้ใต้บังคับบัญชาถูกฟ้องร้องดำเนินคดี เนื่องจากกระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นระบบกล่าวหา จะมีความผิดจริงหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการพิจารณาของศาล ใครทำอะไรไว้ก็ว่าไปตามนั้น ส่วนกรณีที่มีการโต้ตอบกันไปมาจนเกิดเป็นคดีความก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่าจะเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีดังกล่าวเพียงผู้เดียว ดังนั้นการดำเนินการใดๆ จึงต้องหารือกับทาง ตร. ซึ่งเป็นหน่วยบังคับบัญชาเหนือบช.ก.

ที่ บช.ก. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE)  พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) โดยนายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. แถลงการร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 44 ราย กระทำผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และร่วมกันฟอกเงิน” พร้อมของกลางจำนวน 1,913 รายการ เป็นเงินสด พร้อมตู้เซฟนิรภัย รวม 8,754,580 บาท  รวมทรัพย์สินที่ถูกตรวจยึดมูลค่าประมาณ 69 ล้านบาท

พล.ต.ท.จิรภพเปิดเผยว่า กลุ่มดังกล่าว เป็นกลุ่มคนที่มีอายุช่วงวัยรุ่นถึงวัยทำงาน มีฐานะร่ำรวยผิดปกติ ภายในช่วงระยะเวลา 1-2 ปี และจากการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน ประกอบกับพยานหลักฐานอื่นน่าเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจริง จึงนำไปสู่การขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องจำนวน 63 หมายจับ และสามารถขอหมายค้นสถานที่ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับเว็บพนันจำนวน 31 จุดทั่วประเทศ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางร่วมกับสำนักงาน ปปง. สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ 44 คน แบ่งเป็นกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ 5 คน, กลุ่มเปิดบัญชีม้า 24 คน, กลุ่มคนกด-ถอนเงินหน้าตู้เอทีเอ็ม 8 คน, กลุ่มพนักงานทำเว็บพนัน จำนวน 7 คน นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

ผบช.ก.เผยด้วยว่า มีการนำเงินไปซื้อทรัพย์สินและเอาไปฟอกในธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ซึ่งในกรณีนี้มีการตรวจยึดฟาร์มกระบือสวยงาม ระดับพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ ดีกรีแชมป์การประกวดกระบือ ราคาตัวละหลายล้านบาท พบเปิดมาแล้วหลายปี มีการเผยแพร่ออกสื่อแล้วหลายครั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง