หมายจับ3ตร. พนันออนไลน์ โจ๊กปัดไม่เกี่ยว

ศาลอนุมัติหมายจับ 3  ตำรวจ 1 พลเรือน พัวพันคดีเว็บพนัน  BNKMaster สะพัด "บิ๊กโจ๊ก" โดนออกหมายเรียก หลังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยง "ทีมทนายความ" แจงศาลยกคำร้อง พงส. ยัน "พล.ต.อ.สุรเชษฐ์" ไม่โดนทั้งหมายจับ-หมายเรียก ชี้อำนาจสอบคดีเว็บพนันอยู่ที่ ป.ป.ช. เชื่อตั้งใจดิสเครดิตแคนดิเดต ผบ.ตร.  "อัจฉริยะ" ร้องเอาผิด ม.157 “กรรมการ ป.ป.ช.” เอื้อคดีโจ๊ก 

ที่ศาลอาญา วันที่ 12 มี.ค. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เดินทางมายื่นคำร้องขอออกหมายจับกลุ่มนายตำรวจระดับสูง ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกัน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9, 10 ภายหลังจากการสืบสวนสอบสวนเส้นทางการเงินที่เชื่อมจากคดีที่ สน.เตาปูนได้เคยขออนุมัติหมายจับคดีเว็บการพนัน ที่ 4543-4547/2566 ของศาลอาญาไว้แล้ว ต่อมาได้จับกุมตัวผู้ต้องหาบางคนได้ และมีนางพิมพ์ (ชื่อสมมติ) เป็นผู้จัดการเว็บ BNKMaster จึงมีการมาขยายผลเเละมาร้องขอออกหมายจับในครั้งนี้

พล.ต.ต.ทินกรกล่าวว่า มีการขอออกหมายจับกลุ่มนายตำรวจพัวพันเว็บพนัน โดยวันนี้ศาลอนุญาตออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย เเยกเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย เเละพลเรือน 1 ราย ส่วนนายตำรวจอีก 1 นาย ให้ออกหมายเรียกก่อน เเต่ไม่ขอระบุว่าเป็นใคร

"นายตำรวจที่ถูกออกหมายเรียกเป็นนายตำรวจระดับนายพล ส่วนอีก 3 ราย ไม่มีตำรวจระดับนายพล ซึ่งการมาขอออกหมายจับครั้งนี้ไม่ได้มีความกดดันใดๆ เพราะเราทำตามกฎหมาย" พล.ต.ต.ทินกรกล่าว

มีรายงานว่า ในการยื่นขอออกหมายจับในวันนี้ ผู้พิพากษาศาลอาญามีการประชุมก่อนมีคำสั่ง หลังพบว่าเส้นทางการเงินจากเว็บ BNKMaster โยงถึงผู้ต้องหาทั้ง 5 คน จึงอนุญาตออกหมายจับให้ 4 คน แต่เนื่องจากมี 1 ราย เป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ พล.ต.อ. จึงให้ออกหมายเรียกแทน

ทั้งนี้ สำหรับตำรวจ 3 นาย และพลเรือน 1 ราย ที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ประกอบไปด้วย 1.พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา อดีต ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 2.ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ซึ่งเป็น 1 ใน 8 ผู้ต้องคดีเว็บพนันมินนี่  3.ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ผบ.หมู่ สายตรวจ 3บก.จร.บช.น. และ 4.นายณพรรษกร แหเกิด ส่วนอีก 1 รายที่ถูกออกหมายเรียกนั้น มีการอ้างว่าเป็น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.

มีรายงานว่า จากการตรวจสอบเว็บพนันดังกล่าว มีกำไรเงินหมุนเวียนหลักหลายล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้หมายจับศาลอาญาบุกจับนางพิมพ์กับพวกได้พร้อมของกลาง รวมทั้งสมุดบัญชีอีกหลายเล่ม ซึ่งเป็นบัญชีที่ใช้บริหารจัดการเว็บ และมีเส้นทางการเงินคาดว่าเป็นกำไรโอนเข้าให้พ่อบ้านซึ่งเป็นนายตำรวจที่ถูกแจ้งข้อหาฐานสมคบกันฟอกเงินและฟอกเงินฯ ไปก่อนหน้านี้แล้ว

นอกจากนี้ ทีมสอบสวนยังพบเงินจากบัญชีม้าที่ตำรวจพ่อบ้านรายนี้ถือไว้มีการใช้จ่ายดูแลส่วนตัว ที่อ้างว่าเป็นการไปดูแลค่าเครื่องบินให้ชุดเจ้าพนักงาน ป.ป.ช.หลายคน รวมทั้งดูแลค่าเครื่องบินให้แฟนของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ด้วย และเมื่อกลับจากเที่ยวก็พบว่าแฟนของเจ้าที่ ป.ป.ช.รายนี้ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจด้วย ซึ่งทีมสอบสวนกำลังเร่งขยายผลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมากน้อยแค่ไหน

จากนั้น ที่โรงแรมฮิลตัน บางกอก แกรนด์ อโศก ถนนสุขุมวิท นายณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ พร้อมด้วยนายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทีมทนายความของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แถลงข่าวกรณีข่าวการออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์

นายณัฐวิชช์กล่าวว่า ได้รับมอบหมายและแต่งตั้งจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ให้มาชี้แจงข้อเท็จจริง ในกรอบคดีเฉพาะของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เท่านั้น ไม่เกี่ยวผู้ถูกกล่าวหาท่านอื่น ตามที่มีคณะพนักงานสอบสวนได้ไปยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลอาญา โดยหนึ่งในนั้นมีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่ศาลไม่ออกหมายจับให้ ศาลมีดุลพินิจว่าไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอต่อการออกหมายจับ ศาลจึงยกคำร้อง

"ที่มีการเผยแพร่ทางสื่อมวลชนว่าศาลออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ทางทีมทนายความได้มีการตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่าศาลไม่ได้มีการออกหมายเรียก เมื่อศาลยกคำร้องแล้วหากพนักงานสอบสวนยังจะดำเนินการเรื่องนี้อยู่ ทางทีมทนายมองว่าเป็นการทำไม่ถูก และไม่ชอบด้วยข้อกฎหมายอย่างยิ่ง" นายณัฐวิชช์กล่าว

ทนายความกล่าวว่า การกล่าวหาพล.ต.อ.สุรเชษฐ์เรื่องถูกส่งไป ป.ป.ช.แล้ว และ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งอำนาจในการไต่สวนว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะมีความผิดหรือไม่อยู่ที่ ป.ป.ช. ไม่ได้อยู่ที่พนักงานสอบสวนแล้ว รวมทั้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยืนยันไม่ได้มีเส้นทางการเงินใดมาเกี่ยวข้อง

"พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังให้ข้อมูลกับทีมทนายว่าทำไมเรื่องดังกล่าวถึงมักเกิดขึ้นช่วงแบบนี้ ทีมทนายมองว่าเป็นการดิสเครดิต พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพราะเป็นรองผบ.ตร. อาวุโสลำดับที่ 1 เป็นแคนดิเดตที่อาจได้รับการพิจารณาแต่งตั้ง การออกหมายจับในช่วงนี้ทำให้ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง และมีผลกับการแต่งตั้ง" ทนายความระบุ

ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรรม เข้าร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กับพวก ผิดตามมาตรา 157 ฐานเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่มีการรับคดีเว็บพนันมินนี่ที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไปทำเอง รวมทั้งยังเรียกคดีของ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย กลับมาจากอัยการกลับมาทำอีก

นายอัจฉริยะกล่าวว่า เชื่อว่านี่คือการช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กับพวก  เพราะ น.ส.สุภากับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มีความสนิทสนมกันส่วนตัว ซึ่งเรื่องที่มีการร้องเรียนความสนิทสนมดังกล่าว  ขณะนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบความสัมพันธ์แล้ว

"ในวันที่ 22 มี.ค. ผมก็จะไปยื่นเรื่องให้สรรพากรตรวจสอบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ที่เป็นนายหน้าให้ระหว่างอดีตข้าราชการกับเซียนขายพระชื่อดังย่านเมืองชล โดยได้รับค่านายหน้ามาประมาณกว่า 10 ล้านบาท ก่อนจะนำเงินไปซื้อปืน เพื่อให้ตรวจสอบถึงเส้นทางการเงินส่วนนี้ว่ามีการเสียภาษีด้วยหรือไม่" นายอัจฉริยะกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง