เตือนฟางเส้นสุดท้าย ยิ่งลักษณ์ใช้ทักษิณโมเดล สว.ยุส่งล้างมลทินให้หมด

“เศรษฐา” กลัวถูกด่าพบ “ทักษิณ” รอบสอง เปิดกำหนดการขึ้นเชียงใหม่-ลำพูนแบบคิวแน่น “วิสุทธิ์" ลั่น สส.เพื่อไทยจะไม่โผล่ไปพบแน่ เพราะต้องทำงานสภา บอกเลิกจมอยู่กับ “แม้ว” ได้แล้ว “พายัพ” ซัดพวกปรปักษ์ยังจ้องทำลายคนตระกูลชินวัตรไม่เลิก แนะควรเลิกผูกใจเจ็บหันมาพึ่งมันสมองนายใหญ่ดีกว่า “สว.ตัวตึง” เตือนยิ่งลักษณ์ใช้ “ทักษิณโมเดล” จะเป็นฟางเส้นสุดท้าย ชงหากล้างมลทินควรทำทั้งกว่า 2 แสนคน

เมื่อวันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2567 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรชนกับวันที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับจังหวัดเชียงใหม่ จะกำชับ สส.พรรค พท.หรือ สส.ฝั่งรัฐบาลหรือไม่ว่า มีแต่คนถามเรื่องนายทักษิณไปเชียงใหม่ แต่ในพรรค พท.ไม่มีใครคุยเรื่องเหล่านี้กัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ท่านกลับไปกราบไหว้บรรพบุรุษ โดยเฉพาะท่านเป็นคนเหนือ สิ่งที่คนเหนือเคารพเทิดทูนคือบรรพบุรุษ ผู้มีพระคุณ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในเดือน เม.ย.ที่จะไปกันอยู่แล้ว ซึ่งเป็นประเพณีที่ดีงามของคนภาคเหนือ

“นายทักษิณกลับไปกราบไหว้บรรพบุรุษไม่ใช่เรื่องแปลก ส่วนใครจะไปด้วยผมไม่ทราบ สส.ในพรรคไม่ได้มีการคุยในเรื่องนี้ หลายท่านพยายามถามว่าท่านนายกฯ จะไปไหม ผมจะไปทราบได้อย่างไรว่าท่านจะไปไหม เป็นเรื่องที่ไม่ได้มีข้อห้าม ไม่มีข้อห้ามในข้อกฎหมาย และไม่ได้มีเรื่องอะไรผิด ถ้าเป็นคนที่เคารพนับถือกัน ประชาชนจะไปหาท่านทักษิณด้วยความคิดถึงที่ท่านจากประเทศไป 17 ปี ก็เป็นเรื่องปกติทำได้กฎหมายไม่ได้ห้าม”

นายวิสุทธิ์กล่าวต่อว่า อยากจะฝากไปถึงบางกลุ่มบางส่วนอย่าจมอยู่กับนายทักษิณนัก แล้วเอามาเป็นประเด็นทางการเมือง มองว่าไม่เกี่ยวกัน ส่วนการที่นายทักษิณจะเดินทางไปเชียงใหม่ตรงกับวันประชุมสภา หากมีภาพ สส. ไปต้อนรับจะถูกตั้งข้อสังเกตหรือไม่นั้น ได้คุยกับเลขาธิการพรรคเพื่อไทยกำชับ สส.ว่าไม่ให้ไป เชื่อมั่นว่าวันประชุมสภาจะประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณากฎหมาย หน้าที่ของเราอยู่ที่นี่ เชื่อว่าไม่มีใครไป

เมื่อถามว่า หากมีคนโดดไปจะทำอย่างไร นายวิสุทธิ์ตอบว่า ยากที่จะมี สส.โดดไป เชื่อว่าไม่มีใครไปนอกจากอดีต สส.ซึ่งไม่ทราบ เพราะไม่ได้ติดต่อกัน เขาจะไปก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ สส.พรรค พท.ต้องอยู่สภาครบ ส่วนจะกำหนดบทลงโทษหรือไม่นั้น คงไม่ถึงขั้นกำหนดบทลงโทษ ในจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่ออำนาจหน้าที่ที่ประชาชนมอบให้ เชื่อว่าเขาจะมาประชุมสภากัน ขอย้ำว่า ประชาชนอย่าเชิญ สส.ไปในพื้นที่ ถ้าเชิญแล้ว สส.ไม่ไปก็อย่าได้โกรธ เขาติดภารกิจอยู่ที่สภา

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 มี.ค. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปารีส ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) นายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 16 มี.ค.นี้จะได้พบกับนายทักษิณหรือไม่ว่า ตารางของตนแน่นแล้ว ไม่ได้นัดหมายอะไรกัน เว้นเสียแต่ว่าจะไปทานข้าว หากว่างก็จะไป  เพราะภารกิจของตนแน่นอยู่แล้ว ต้องไปดูเรื่องของไฟป่าที่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ต้องมีการให้รางวัลนำจับผู้ที่ชี้เบาะแสคนเผาป่า ซึ่งฝ่ายความมั่นคงทางทหาร ตำรวจ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่

 เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลยกให้เชียงใหม่เป็นโมเดลในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและจุดความร้อนได้สำเร็จ แต่ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่พีกที่สุด แต่ ณ ปัจจุบันคือวิกฤตของจริง ทั้งเรื่องฝุ่นและจุดความร้อน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า  ก่อนหน้านี้ก็คือความจริงเช่นกัน เพราะรัฐบาลแก้ไขปัญหาให้จุดความร้อนลดลงถึง 4 เท่า แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่พีกจริงๆ ฉะนั้นต้องเปรียบเทียบกับช่วงที่พีกกับพีกเหมือนกันว่าปัจจุบันดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลก็ดำเนินการทุกอย่างก้าวหน้าไปด้วยดี

‘เศรษฐา’ เผยไทม์ไลน์ลงพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง มีกำหนดการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูนในวันที่ 15-17 มี.ค.นี้ โดยเวลา  16.30 น. นายกฯ เดินทางจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 (บน.6) ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่  จากนั้นเวลา 20.00 น. นายกฯ ประชุมบูรณาการแก้ปัญหาไฟป่า ฝุ่น PM2.5 ปัญหาสินค้าเถื่อนและปัญหายาเสพติด ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แม่ทัพภาคที่ 3 และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5

ส่วนในวันที่ 16 มี.ค. เวลา 10.00 น. นายกฯ  ร่วมลงพื้นที่กับเจ้าหน้าที่จัดการแก้ปัญหาไฟป่า ก่อนที่ในช่วงบ่ายจะติดตามความคืบหน้าการผลักดันสินค้าท้องถิ่นในโครงการพระราชดำริ จากนั้นช่วงค่ำไปเป็นประธานเปิดงานโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว กิจกรรมวิถีชีวิตทางสายไหมชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองลีซู ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่

จากนั้นวันที่ 17 มี.ค. ช่วงเช้านายกฯ พบปะประชาชนและกลุ่มชาติพันธุ์ และเดินทางต่อไปยังบ้านดอนหลวง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน เพื่อพบปะประชาชนในพื้นที่ ก่อนที่ช่วงเย็นจะเดินทางไปยังคลองแม่ข่า จ.เชียงใหม่ ติดตามประเด็นการยกระดับสินค้าซอฟต์พาวเวอร์ และช่วงค่ำพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวที่ถนนคนเดิน จ.เชียงใหม่

ต่อมาในวันที่ 18 มี.ค. นายกฯ ลงพื้นที่ จ.พะเยา  ตรวจติดตามการค้าขายชายแดน รวมถึงการพัฒนาพื้นที่สนามบินพะเยา และวันที่ 19 มี.ค. เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.พะเยา จากนั้นช่วงบ่ายนายกฯ ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ลำปาง ดูเรื่องการเกษตรและซอฟต์พาวเวอร์  และเรื่องผ้าทอพื้นบ้านภูมิปัญญาท้องถิ่น

ด้านนายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองรองนายกฯ กล่าวถึงกรณีกลุ่มการเมืองออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ตรวจสอบนายทักษิณ ที่ได้รับการพักโทษและออกมากักตัวอยู่ที่บ้านว่า ไม่เกินความคาดหมายของสังคมและคอการเมือง เพราะตรรกะคนพวกนี้แทบเหมือนกับตอนที่เคลื่อนไหวโค่นล้มรัฐบาลไทยรักไทย ปี 2548-2549  แม้ประชาชนจะชื่นชอบนโยบายรัฐบาลไทยรักไทยและชื่นชมนายทักษิณ จนชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย 375 เสียง และจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว แต่คนพวกนี้ก็ยังเคลื่อนไหวกดดันฝ่ายต่างๆ จนนำมาซึ่งการรัฐประหาร 19 ก.ย.  2549 และถูกกลั่นแกล้งให้ยุบพรรคไทยรักไทย แต่สุดท้ายประชาชนก็ยังชื่นชอบในนโยบายอยู่ แม้ต่อมาจะมีการยุบพรรคพลังประชาชนอีก แต่ก็ไม่สามารถทำลายความนิยมในหมู่พี่น้องประชาชนได้

นายพายัพกล่าวว่า เมื่อมีการก่อตั้งพรรคเพื่อไทย และลงสมัครรับเลือกตั้งพี่น้องประชาชนก็ยังเลือก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเป็นนายกฯ คนพวกนี้ก็ยังไม่เลิกวิธีคิดแบบเดิม ก่อการชุมนุมและนำมาซึ่งการรัฐประหารอีกครั้ง  โดยมีการใส่ร้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์จากโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งต่อมาเมื่อมีการประมูลขายข้าวในโครงการ กลับมีแต่ผู้มาแย่งซื้อจนเรียกกันว่าตลาดแตก ข้อกล่าวหาต่างๆ ไม่ว่าจะใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย สุดท้ายเมื่อความจริงปรากฏกลับไม่พบเรื่องการทุจริต  กลายเป็นข้ออ้างและเงื่อนไขเพื่อให้กลุ่มการเมืองที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับนายทักษิณสมประโยชน์

‘พายัพ’ ซัดเลิกผูกใจเจ็บ

“หลังการรัฐประหารทุกครั้ง เราจะเห็นการตะเกียกตะกายทำลายทุกอย่าง แม้แต่ประชาธิปไตยเพื่อให้ตัวเองและพวกพ้องเข้ามามีอำนาจ คนพวกนี้สู้ในสนามการเลือกตั้งไม่ได้ก็ขยิบตาให้คนมายึดอำนาจ แล้วตัวเองก็อาศัยมารับตำแหน่ง มีอำนาจด้วยเท่านั้น” นายพายัพกล่าว 

นายพายัพกล่าวอีกว่า วันนี้มีกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหว เพราะเบื้องลึกคือปรปักษ์กับนายทักษิณ โผล่หน้ามาเรียกร้องนั่นนี่ ซึ่งทั้งสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนรู้ไส้รู้พุงคนกลุ่มนี้เป็นอย่างดี แยกแยะได้ไม่ยากว่าใครผิดใครถูก คนพวกนี้ผูกใจเจ็บ ยอมและกระทำการสวนความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่สิ่งที่ควรจะเป็นในวันนี้คือ เราควรดึงความรู้ความสามารถของนายทักษิณมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ใช้มุมมองความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการสร้างเศรษฐกิจประเทศ แก้ปัญหาความยากจน สร้างเงินสร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชนให้มากที่สุด ดีกว่ามาแสดงอาการผูกใจเจ็บ มองเห็นแต่ความแค้นและประโยชน์ส่วนตัว มุ่งใส่ร้ายทำลายกันจนประเทศเสียหาย

ด้านนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. กล่าวถึงกรณีนายทักษิณจะเดินทางไป จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค.ว่า บอกแล้วว่านายทักษิณคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลก การที่ไปไหนมาไหนได้ ไม่ทราบว่าไปตกลงกับใคร แต่ในฐานะที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยก็ต้องเอาเรื่องจริงมาบอกประชาชน ทั้งนี้มองว่าการที่นายทักษิณจะไปตกลงกับใครไม่ใช่เรื่องแปลก

เมื่อถามว่า นายกฯ จะเดินทางไปในช่วงเวลาเดียวกัน  มองว่าจะได้พบกับนายทักษิณหรือไม่ นายกิตติศักดิ์สวนกลับว่า นายกฯ คนไหน เห็นเขาว่ามีตั้งหลายคน ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่าหมายถึงนายเศรษฐา นายกิตติศักดิ์จึงตอบว่า ความบังเอิญเกิดขึ้นได้ แต่ทุกอย่างเกิดจากความตั้งใจและวางแผนไว้แล้ว อย่างไรก็ตามเห็นใจนายเศรษฐา เพราะท่านตระเวนไปรอบโลก แต่สื่อและประชาชนก็เห็นว่าเอาแก่นสารสาระไม่ค่อยจะได้ เป็นประโยชน์อะไรในการใช้งบประมาณมากมายเดินทางไปรอบโลก แต่ผลงานจับต้องไม่ได้

ชงล้างมลทินให้หมด

เมื่อถามว่า มีกองเชียร์รอต้อนรับนายทักษิณที่ จ.เชียงใหม่ นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ทั้งนายทักษิณ นายเศรษฐา หรือแม้แต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร  หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปต้องมีเอฟซีไปต้อนรับเป็นเรื่องธรรมดา แต่ส่วนคนมีตำแหน่งที่ไปนั้นมีความละอายใจ และเหมาะสมหรือไม่ ตรงนี้ต้องคิดและพิจารณา

นายกิตติศักดิ์ยังกล่าวถึงกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจเดินทางกลับประเทศไทย โดยใช้โมเดลแบบเดียวกับนายทักษิณว่า ถ้าเป็นเรื่องจริงก็มีความเป็นห่วง เกรงว่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับประเทศไทย อะไรจะเกิดไม่ทราบ แต่มองว่าควรหยุด ควรพอที่นายทักษิณ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาโดยที่ไม่ได้รับโทษแบบนายทักษิณ ความอดทนของผู้คนจะสิ้นสุด แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือเรื่องความขัดแย้ง เพราะนายทักษิณเป็นต้นตอ

 “ถ้าคุณสร้างความแตกแยกของคนไทย แล้วยังมาซ้ำเติมโดยการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาโดยไม่ต้องติดคุก อย่าลืมว่าเป็นผู้ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี และมีคดีอื่นที่รอคำพิพากษาอีก ขอย้ำว่าเป็นฟางเส้นสุดท้าย”

เมื่อถามว่า มองว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลับมาได้ง่ายหรือไม่ เพราะใช้เกณฑ์ผู้สูงอายุแบบนายทักษิณไม่ได้ นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า คิดว่าไม่ง่าย นายทักษิณยังพอกล้อมแกล้มเอาสีข้างถูไปได้ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังมองไม่ออกว่าจะใช้เหตุผลอะไรในการไม่ติดคุก ส่วนหากมีการใช้ช่องทางกฎหมายนิรโทษกรรม ขอถามกลับว่าพรรคไหนจะทำ อย่าลืมเหตุการณ์เมื่อปี 2557 ที่เรียกว่านิรโทษกรรมสุดซอย  ดังนั้นคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่หลักของกฎหมาย ไม่เช่นนั้นต่อไปหากใครไปฆ่าคน หรือค้ายาบ้าก็นิรโทษกรรมให้หมด ขนาดคนทำผิดกฎหมายเล็กน้อยติดคุก 3-6 เดือนก็ยังติดจริง

 “ถ้าจะนิรโทษนักการเมืองหรืออดีตนายกฯ ที่ศาลตัดสินว่าผิดแล้ว เอาทั้งหมดเลยไหม ผมเสนอให้ประเทศไทยล้างมลทินให้หมดกว่า  2 แสนคน ทั้งนักโทษ แพะบ้างจริงบ้าง ผมจะยกให้อย่างใจจริง แต่ถ้านิรโทษให้คนเดียวไม่เห็นด้วยเด็ดขาด” นายกิตติศักดิ์กล่าว. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง