ฟุ้งจัดเต็มซักฟอก อัดเสี่ยนิดสอบตก

“สรวงศ์” ตีมึนอ้างยังไม่ได้ใช้งบประมาณแล้วฝ่ายค้านจะอภิปรายได้อย่างไร “พริษฐ์” ยันยื่นญัตติสัปดาห์นี้  โวจัดเต็มเข้มข้นแน่ “ธนาธร” ฟุ้งคุณภาพ  สส.ก้าวไกลคับแก้วกว่าอนาคตใหม่ “สว.สมชาย” ให้คะแนนเศรษฐาสอบตก 10  ข้อรวด 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2567   นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมรับมือการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ของพรรคฝ่ายค้าน  และญัตติของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า  หากเป็นญัตติของ สว. คงจะต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาล เนื่องจาก สส.ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย ส่วนการอภิปรายทั่วไปของพรรคฝ่ายค้านนั้นก็เป็นปกติ หากมีอะไรที่พูดถึงรัฐบาล ตัวบุคคล เช่น นายกรัฐมนตรี ก็เป็นหน้าที่ที่เจ้าตัวเขาต้องตอบ  แต่ในส่วนของพรรค ก็จะดูความเหมาะสมว่ามีอะไรที่เกินขอบเขตการอภิปรายหรือเป็นการตีกินทางการเมืองหรือไม่   หากมีเราก็จะไม่ยอม

 “เรายังไม่เข้าใจว่าที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นอภิปรายทั่วไปนั้น จะเป็นประเด็นเรื่องอะไร แต่ทราบจากข่าวว่าเขาจะมุ่งไปในสิ่งที่รัฐบาลเคยอภิปรายไว้ในสภา แต่ยังไม่ได้ทำ ผมคิดว่าจริงๆ แล้วทุกคนรวมถึงพี่น้องประชาชนทราบว่านโยบายต่างๆ   ของรัฐบาลที่ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณนั้นเราได้ทำเต็มที่ แต่ส่วนที่ต้องใช้งบประมาณ ก็ทราบอยู่แล้วว่างบประมาณยังไม่ผ่าน ซึ่งการอภิปรายพวกนี้ต้องมีความชัดเจน แต่ในเมื่อพรรคร่วมฝ่ายค้านลงมติกันเช่นนั้น เราก็ต้องเตรียมรับมือกันอย่างเต็มที่” นายสรวงศ์กล่าว

เมื่อถามว่า มองว่าประเด็นที่ฝ่ายค้านและ สว.อาจหยิบยกมาอภิปราย อาจมีเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ  และเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต มีน้ำหนักเพียงพอหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตขณะนี้เราก็กำลังรับฟังความคิดเห็นอยู่ และยังไม่ได้มีอะไรที่เราผิดสัญญากับประชาชน ส่วนเรื่องนายทักษิณนั้น จริงๆ แล้วท่านก็ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวกับรัฐบาลนี้เลย ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ทุกอย่างก็ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรชัดเจนให้ยื่นอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ได้

ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ ซึ่งเวลาในการอภิปรายจะอยู่ที่ 2-3 วัน ในช่วงวันที่ 3-5 เม.ย. โดยพรรคมีความพร้อมแน่นอนในการอภิปราย เพราะอยู่ในแผนที่เราเตรียมไว้ในช่วงต้นปีอยู่แล้ว ตามที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ได้แถลงแผนการทำงานปี 2567 มั่นใจได้ว่าข้อมูลและประเด็นที่เราติดตามพร้อมอภิปรายแน่นอน

นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ธีมหลักอภิปรายคือการตรวจการบ้านรัฐบาลหลังจากทำงานมาแล้ว 6-7 เดือน ว่าได้ผลักดันนโยบายสำเร็จตามที่แถลงต่อรัฐสภาหรือไม่ ซึ่งไม่มีความคืบหน้ามากนัก ทั้งนี้ เราให้ความสำคัญกับทุกเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐบาล ส่วนจะอภิปรายกระบวนการยุติธรรมของนายทักษิณหรือไม่นั้น   เรื่องกระบวนการยุติธรรมก็เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ และเราก็เห็นว่ามีการตั้งคำถามกับการดำเนินการของรัฐบาลอยู่  คิดว่าเรื่องกระบวนการยุติธรรมก็เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่อยู่ในการอภิปราย

 “แม้ครั้งนี้จะเป็นการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ แต่พรรคก้าวไกลก็เต็มที่แน่นอน ซึ่งความเข้มข้นในการอภิปรายแม้จะเป็นแบบลงมติและไม่ลงมติ เราก็อภิปรายเข้มข้นในระดับเท่ากัน ไม่ต้องกังวลใจถึงความเข้มข้นในการอภิปราย เราจะรักษามาตรฐานตามที่พรรคเคยทำไว้” นายพริษฐ์กล่าว และว่า การอภิปรายทั่วไป เป็นเพียงแค่อาวุธประเภทหนึ่งที่ฝ่ายค้านใช้ตรวจสอบรัฐบาล และมีอีกหลายอาวุธที่พรรค ก.ก.พยายามจะใช้อย่างต่อเนื่อง เช่น การตั้งกระทู้สดและการเสนอกฎหมาย

ส่วนนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. กล่าวว่า มีเรื่องให้อภิปรายหลายประเด็น โดยจะเป็นการทวงสัญญารัฐบาลว่าจะทำหรือไม่ทำ ตามที่ได้แถลงนโยบายไว้ มีความคืบหน้าไปถึงไหน รวมถึงสิ่งที่ทำมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ยังมีปัญหาสังคมที่ส่งผลกระทบถึงคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งเรื่องมาเฟียข้ามชาติ อิทธิพลท้องถิ่น รวมถึงการเรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการบางกลุ่ม ทุนสีเทา คอลเซ็นเตอร์ ไปจนถึงปัญหายาเสพติด การใช้อำนาจรัฐที่ไม่มีหลักนิติธรรม ระบบสองมาตรฐาน

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ก.ก. พิจารณาและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มีข้อมูลเพียงพอที่จะอภิปรายเพื่อเสนอแนะให้รัฐบาลแก้ไขในด้านต่างๆ ซึ่งตั้งแต่เปิดสภาชุด 2566 มา คุณภาพของ สส.พรรคก้าวไกล เทียบพรรคอนาคตใหม่ปี 2562 แล้วมีคุณภาพกว่าเยอะมาก อยากเชิญชวนให้ประชาชนติดตามการประชุมสภา  เพื่อดูว่า สส.ที่เลือกมาแต่ละคนทำผลงานมากน้อยเท่าไหร่ หากฟังทุกสิ่งที่ สส.ก้าวไกลเสนอต่อรัฐบาล หน่วยงานราชการในด้านต่างๆ เชื่อว่าจะเห็นความมุ่งมั่นทำงานที่หนักหน่วง มีคุณภาพ ไว้เนื้อเชื่อใจ สส.ชุดนี้

เมื่อถามว่า มองว่าในการอภิปรายควรมีประเด็นใดบ้าง นายธนาธรกล่าวว่า ไม่รู้เลยว่าจะอภิปรายอะไรบ้าง แต่เชื่อว่านายชัยธวัชพิจารณาถี่ถ้วน ไม่ใช่แค่ประเด็นเกมการเมือง แต่เน้นคุณภาพ

ด้านนายสมชาย แสวงการ สว. โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “6 เดือนรัฐบาลเศรษฐาสอบตกทุกข้อ” ระบุว่า นับแต่วันที่ 11 ก.ย.2566 ที่นายเศรษฐานำคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา บัดนี้ครบ 6 เดือนแล้ว คำมั่นสัญญาที่แถลงเป็นสัญญาประชาคมแล้ว แต่ไม่มีนโยบายใดที่ประสบความสำเร็จลุล่วง ซึ่งมีเหตุผลสนับสนุนดังนี้ 1.นโยบายกู้ 5 แสนล้านมาแจกเป็นเงินดิจิทัลฯ คงเป็นไปไม่ได้ท้ายที่สุดคงต้องยกเลิกโครงการ 2.การแก้ไขปัญหาหนี้สินให้เกษตรกรและประชาชน ต้องใช้เวลานาน แม้ริเริ่มดี แต่จะประสบสำเร็จเฉพาะบางรายบางกลุ่มเท่านั้น 3.การแก้ปัญหาพลังงานเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าชั่วคราว ยังไม่ได้แก้ปัญหาโครงสร้างทั้งระบบ 4.การยกเลิกวีซ่ากับหลายประเทศ เป็นเรื่องดี แต่มีปัญหาเรื่องละเลยคุณภาพ 5.ความร่วมมือกับภาคธุรกิจจัดแสดงสินค้าและงานเทศกาลระดับโลก น่าจะพอจะมีความหวังกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่การจัดอีเวนต์ต่อเนื่องทั้งเดือน และหลายพื้นที่ทั่วประเทศมากไป  ทำให้ขาดจุดเด่นและอาจสิ้นเปลืองงบที่หมดไปในโครงการซอฟต์พาวเวอร์กว่า 5 พันล้านหรือไม่

6.การปรับปรุงสนามบินและสายการบิน ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม 7.การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ไม่เห็นความตั้งใจและความพยายามอย่างจริงจังใดๆ 8.การปราบปรามการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังไม่เห็นรูปธรรมที่ชัดเจน 9.การแก้ไขปัญหาความเห็นต่างเรื่องรัฐธรรมนูญ ไม่มีความคืบหน้าอย่างแท้จริง และ 10.การฟื้นฟูหลักนิติธรรม ข้อนี้เห็นผลเป็นภาพลบที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากที่สุด ในกรณีใช้อำนาจบริหารโทษ ของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และโรงพยาบาลตำรวจ กรณีนักโทษเด็ดขาดนายทักษิณจนประชาชนเสื่อมศรัทธาและขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทย

 “สรุปจากการประเมินผลงานรัฐบาล 6 เดือน โดยพิจารณาตรวจดูจากการทำงานในประเทศ การเดินทางไปราชการในประเทศ และการเดินทางไปต่างประเทศมากที่สุดในบรรดานายกฯ ที่เคยมีมา 6 เดือน 16 ประเทศ โดยเทียบจากคำแถลงนโยบายเร่งด่วนทั้ง 10 ข้อนี้ แล้วท่านใดจะประเมินผลงานอย่างไรนั้นไม่ขอก้าวล่วง แต่ความเห็นส่วนตัวนั้น ได้พิจารณาแล้ว ขอให้คะแนนสอบตกทุกข้อ”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง