ตร.ชุดสืบคดีโจ๊กร้องหายุติธรรม

จบเห่! ตร.ชุดสืบสวนคดี "บิ๊กโจ๊ก" พัวพันมินนี่ร้องหาความยุติธรรม จี้อัยการสูงสุดกำชับอัยการเร่งพิจารณาสำนวนไม่ให้ช้า เหตุถูกฟ้องกลับด้วยเจตนาไม่สุจริตหลายคดี 

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พ.ต.ท.มนต์ชัย  บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 ในฐานะพนักงานสืบสวนผู้กล่าวหาคดีเว็บการพนันที่มีนายตำรวจเข้าไปเกี่ยวพัน ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด

ความว่า ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 593/2566 ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 724/2566 ของกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทศโนโลยี 1 คดีระหว่างตนในฐานะ ผู้กล่าวหา กับนายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก รวม 61 คน ไปยังอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ และ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตเพื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 142

คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเป็นข้าราชการตำรวจซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้รับผิดชอบทำการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาที่ 724/2566 อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ แต่กลับถูกกลุ่มผู้ต้องหากับพวกฟ้องร้อง ร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งได้กระทำการโดยชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องกับพวก จนกระทั่งคดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในศาล รวมจำนวน 10 เรื่อง ดังนี้

1.เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 พลตำรวจตรีนำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ (ผู้ต้องหาที่ 23) กับพวกรวม 8 คน (ผู้ต้องหาที่ 12, ที่ 20, ที่ 21, ที่ 22, ที่ 24, ที่ 25 และที่ 26 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล ของร้อยตำรวจเอกฤทธิ์ธาดา เครือสุข  (พนักงานสอบสวนผู้รับคำร้องทุกข์ คดีอาญาที่ 468/2566 สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ) กรณียื่นคำร้องขอหมายจับ โดยอ้างว่าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีเจตนาที่จะปกปิดข้อเท็จจริงหรือให้ข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จ ต่อศาลผู้พิจารณาหมายจับและหมายค้นปกปิดยศข้าราชการตำรวจในการขอออกหมายจับและหมายค้น โดยประสงค์ที่จะกลั่นแกล้งผู้ร้องทั้งแปด อันเป็นเข้าข่ายการละเมิดอำนาจศาล และขอให้มีการเพิกถอนหมายจับ หมายค้น และหมายขังดังกล่าว

ซึ่งต่อมาในวันที่ 21 พ.ย.66 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้พิจารณาวินิจฉัยแล้วมีความเห็นว่า การร้องขอให้ออกหมายจับของผู้ร้อง มีพยานหลักฐานและรายละเอียดครบถ้วนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 66 แล้ว หมายจับที่ออกโดยศาลอาญากรุงเทพใต้ จึงเป็นหมายที่ชอบด้วยกฎหมาย พฤติการณ์ยังไม่พอให้รับฟังว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 พิจารณามีคำสั่งยกคำร้อง

2.พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลอาญาเพื่อพิจารณาว่า การยื่นคำร้องขอออกหมายค้นมีการปกปิดข้อเท็จจริงถึงความเป็นเจ้าบ้านต่อศาลหรือไม่ ศาลอาญาจึงได้มีหมายนัดถึงศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (พลตำรวจตรีทินกร รังมาตย์) ผู้ยื่นคำร้องขอออกหมายค้นของศาลอาญา คำร้องที่ ค 416/2566 หมายค้นเลขที่ 416/2566 เพื่อนัดไต่สวนข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 8 พ.ย.2566 โดยผลการพิจารณา ศาลอาญาได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องทราบว่า การยื่นคำร้องขอออกหมายค้นไม่ได้มีการปิดบังข้อเท็จจริง และไม่ได้มีการละเมิดอำนาจศาล

3.วันที่ 11 ต.ค.2566 นางสาวธันยนันท์ สุจริตชินศรี หรือมินนี่ (ผู้ต้องหาที่ 2) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องพลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ กับพวกรวม 12 คน  เป็นจำเลย ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 184/2566 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

4.วันที่ 11 ต.ค.2566 พันตำรวจโท คริษฐ์ ปริยะเกตุ (ผู้ต้องหาที่ 21) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องพันตำรวจเอกกฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ กับพวกรวม 10 คน เป็นจำเลย ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 141/2566 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ในฐานความผิด ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยกล่าวหาว่าการตรวจยึดทรัพย์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 157)

5.วันที่ 28 พ.ย.2566 พลตำรวจตรี นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ (ผู้ต้องหาที่ 23) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องพันตำรวจโทมนต์ชัยบุญเลิศ (ผู้กล่าวหา) พลตำรวจตรี ทินกร รังมาตย์ พันตำรวจเอก ธรรมศักดิ์ สารบุญ และร้อยตำรวจเอกฤทธิ์ธาดา เครือสุข รวม 4 คน เป็นจำเลย ในคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อท 203/2566 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในฐานความผิดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยกล่าวหาว่า การร้องทุกข์กล่าวโทษ  การยื่นคำร้องขอออกหมายจับหมายคัน การคัดค้านการขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาชั้นตรวจคำฟ้อง

6.นายกอบชัย อ่อนมณีวรรณ ร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการเข้าถึงหรือเข้าใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (ข้อมูลทะเบียนราษฎร) ของร้อยตำรวจเอกศิริวัฒน์ ต๊ะอาจ (พนักงานสืบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 593/2566) โดยกล่าวหาว่ามีการนำข้อมูลทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชนของนายกอบชัยไปเผยแพร่ทำให้ได้รับความเสียหาย

7.นายณัฐพงศ์ พรรณทรัพย์ ร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการเข้าถึงหรือเข้าใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (ข้อมูลทะเบียนราษฎร) ของร้อยตำรวจเอกศิริวัฒน์ ต๊ะอาจ (พนักงานสืบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 593/2566) โดยกล่าวหาว่ามีการนำข้อมูลทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชนของนายณัฐพงศ์ไปเผยแพร่ทำให้ได้รับความเสียหาย

8.นายณัฐพงศ์ พรรณทรัพย์ ร้องเรียนขอให้ตรวจสอบสิบตำรวจเอก เกียรติพงศ์ ศรีสิงห์ (ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของพันตำรวจเอกจิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย พนักงานสืบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 593/2566) โดยกล่าวหาว่ามีการนำข้อมูลทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชนของนายณัฐพงศ์ไปเผยแพร่ทำให้ได้รับความเสียหาย

9.นายณัฐพงศ์ พรรณทรัพย์ ร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการเข้าถึงหรือเข้าใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (ข้อมูลทะเบียนราษฎร) ของสิบตำรวจเอกชัยชุมพล อัครวโรทัย (พนักงานสืบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 593/2566) โดยกล่าวหาว่ามีการนำข้อมูลทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชนของนายณัฐพงศ์ไปเผยแพร่ทำให้ได้รับความเสียหาย

10.เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2566 พันตำรวจเอกเขมรินทร์ พิศมัย (ผู้ต้องหาที่ 24) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องพลตำรวจโทธนา ชูวงศ์ กับพวก รวม 244 คน เป็นจำเลย (กล่าวคือ คณะพนักงาน สืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง ตร. ที่ 593/2566 ลงวันที่ 25 ต.ค.2566 พร้อมด้วยพลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ และพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 224/2566 ในฐานความผิดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ดังนั้น จึงขอให้ท่านได้อำนวยความยุติธรรม กำชับกำกับการพิจารณาวินิจฉัยสำนวนในชั้นพนักงานอัยการตามระเบียบกฎหมายมิให้เนิ่นช้า เพราะเป็นคดีสำคัญ และเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และทำให้ความชอบธรรมปรากฏ ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเป็นข้าราชการตำรวจที่มีหน้าที่โดยตรงในการรักษาและบังคับใช้กฎหมาย  แต่กลับถูกดำเนินคดีเป็นผู้ต้องหาเสียเอง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเยียวยาความเสียหายต่อชื่อเสียงของบรรดาเจ้าพนักงานในการยุติธรรม เรียกความเชื่อมั่นศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม และเพื่อประโยชน์ของทางราชการและอำนวยความยุติธรรมให้บังเกิดต่อไป

ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรรม ได้นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษประธาน ป.ป.ช. พร้อมพวก รวม 4 คน โดยมี พ.ต.ท.นพพิณฑ์ แก้วอินไชย สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปปป. เป็นผู้รับ เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ปปป. รับเรื่องเพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง