นายกฯ ลั่นกำชับ สตช.-ก.ท่องเที่ยวฯ ดูแลปัญหาที่ภูเก็ตแล้ว บอกไม่อยากให้เกิดซ้ำรอยอีก “มท.1” ประกาศดับซ่า ชี้ไม่ต้องถึงมือ “ชาดา” แค่อนุทินคนเดียวพอ ระบุจะไม่ให้มีมาเฟียมากร่างในไทย “ธนกร” แฉฝรั่งแย่งอาชีพคนไทยแล้วยังอวดเบ่ง “ชาวภูเก็ต” รวมตัวขับไล่ “เดวิด” พร้อมทวงคืนชายหาดยามู
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีชาวต่างชาติทำร้ายแพทย์หญิงชาวไทยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ได้กำชับให้ดูแลเรื่องนี้อย่างไรหรือไม่ ว่า กำชับอยู่ตลอด
ต่อมานายเศรษฐากล่าวอีกครั้งถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าจะบานปลายหรือไม่ ว่าคงไม่มีบานปลาย ถ้าเกิดพูดก็อย่าให้มันขยายผลไปในทางที่ไม่ค่อยเหมาะสม เราก็อยากให้ประเทศเราอยู่บนความสงบ ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการบริหารจัดการกันไปแล้ว ความจริงแล้วก็ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงในเรื่องการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น และแน่นอนได้กำชับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการเข้าไปดูแลให้กำชับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของเราอย่างเคร่งครัด หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก แต่อย่าลืมว่าเรามีประชากรหลายล้านคน เรื่องอย่างนี้เราไม่อยากให้เกิดขึ้น ก็ต้องพยายามไม่ให้เกิด แต่คงเกิดขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว แต่เราก็ต้องยอมรับ และพยายามที่จะทำให้ดีที่สุด ไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้อีก
นายเศรษฐายังกล่าวว่า ได้ให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และกระทรวงมหาดไทย (มท.) เร่งรัดยกเลิกใบ ตม.6 ทั้งในภาคใต้และอีสาน เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจคนเข้าเมือง ขจัดอุปสรรคที่ทำให้เสียเวลาของนักท่องเที่ยวหรือดำเนินการธุรกิจค้าขาย ทั้งนี้ ปลายปีที่แล้วเรามีการยกเลิกใบ ตม.6 ที่ด่านชายแดนสะเดา ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในวันหยุดสุดสัปดาห์จาก 10,000 คน เป็น 30,000 คน เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ดี เราจึงอยากขยายทำอีกหลายๆ เขต ซึ่งสืบเนื่องจากการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และอีสานในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวในเรื่องนี้ว่า ได้สั่งกำชับไปแล้ว และเมื่อวันที่ 2 มี.ค. ได้หารือกับอธิบดีกรมการปกครองว่าในส่วนของ มท.ต้องไปจัดการตรงไหนบ้าง และนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลงพื้นที่ไปก็แจ้งให้ไปตรวจสอบ เพราะพบว่าในพื้นที่มีเครือข่ายลักษณะคล้ายมาเฟีย จึงกำชับอธิบดีกรมการปกครองและผู้ว่าราชการจังหวัดให้ทำงานร่วมกับหลายฝ่าย พร้อมยืนยันว่าจะไม่ให้มีนักเลง ผู้มีอิทธิพลต่างชาติมามีอำนาจ อิทธิพลความประพฤติที่ไม่ดีในประเทศไทยเป็นอันขาด
“ผมรับไม่ได้อยู่แล้ว เพราะแค่ผู้มีอิทธิพลคนไทยเรายังไม่ยอม แต่เราจะยอมให้ชาวต่างชาติมีอิทธิพลและมาทำตัวเป็นมาเฟียได้อย่างไร” นายอนุทินกล่าว
ถามว่าจะให้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่ไปดูปัญหาที่ จ.ภูเก็ตหรือไม่นั้น นายอนุทินระบุว่า ไม่ต้องนายชาดาหรอก นายอนุทินคนเดียวก็เอาอยู่แล้ว เดี๋ยวจัดการ ให้ท่านชาดาดูแลผู้มีอิทธิพลคนไทยไป เมื่อเข้ามาอยู่ในประเทศไทย เรามีกฎหมายและวัฒนธรรมที่ต้องทำตาม ต้องลองดูว่ามีต่างชาติมาซ่าหรือมาแอ็กอาร์ต เดี๋ยวจัดการหมด เพียงแค่ดึงวีซ่าหรือพาสปอร์ตออกก็จบแล้ว
ขณะที่นายธนกรกล่าวว่า ภายหลังได้ลงพื้นที่รับฟังความเห็นและข้อมูลจากผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นบรรยากาศการท่องเที่ยวคึกคักอย่างมาก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ เข้ามาท่องเที่ยวแน่นทะลักพื้นที่ แต่พบว่านักท่องเที่ยวมีเพียงปริมาณมาก แต่ขาดคุณภาพ ขณะเดียวกันได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการร้านอาหาร พ่อค้าแม่ค้า ลูกจ้าง ผู้ขับรถรับจ้าง ว่ามีกลุ่มต่างชาติส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย เข้ามาประกอบธุรกิจแย่งอาชีพผู้ประกอบการคนไทย ทำให้ผู้ประกอบการคนไทยเดือดร้อนหนัก ได้รับผลกระทบรายได้หดหาย
นายธนกรกล่าวอีกว่า นอกจากคนไทยถูกแย่งอาชีพแล้ว ยังพบว่ากลุ่มนายทุนชาวต่างชาติเหล่านี้มีพฤติกรรมเป็นมาเฟีย กร่าง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งมีการลักลอบใช้ยาเสพติดในสถานบันเทิงที่เปิดด้วย ผู้ประกอบการจึงส่งข้อมูลเหล่านี้ฝากให้สะท้อนปัญหาในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ไปยังนายกฯ และนายอนุทินช่วยเร่งสั่งชุดเฉพาะกิจลงตรวจสอบและกวาดล้างโดยด่วน เพื่อไม่ให้มีการใช้ประเทศไทยเป็นฐานประกอบธุรกิจที่ผิดกฎหมาย เข้าขั้นการฟอกเงินสีเทา และจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในภูเก็ตด้วย
“ขอให้นายกฯ และ มท.1 ช่วยตรวจสอบด้วย ยกกรณีตัวอย่างสามีชาวต่างชาติกับภรรยาคนไทยที่เป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้ เรื่องการทำร้ายแพทย์หญิงที่นั่งอยู่บริเวณชายหาดภูเก็ต ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลก็พบว่ามีการทำธุรกิจในประเทศไทยอีกหลายอย่าง เรื่องนี้จึงขอให้มหาดไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบอย่างเร่งด่วนจริงจัง เพราะเชื่อว่าอาจไม่ได้มีแค่กรณีนี้กรณีเดียว อาจมีเคสอื่นๆ อีก” นายธนกรกล่าว
วันเดียวกัน ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีชาวต่างชาติทำร้ายร่างกายแพทย์หญิง โดยได้มีประชาชนนัดรวมตัวกันที่บริเวณชายหาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อเรียกร้องทวงคืนชายหาดสาธารณะ ซึ่งเริ่มกิจกรรมเวลา 09.00 น. โดยมีชาวภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งกลุ่มพีมูฟกว่า 500 คน เข้ามาดูบันไดที่เกิดเหตุและถ่ายรูปเช็กอิน มีชาวบ้านบางคนตะโกนขับไล่ให้นายเดวิดออกไป และบางคนถือธงชาติเข้ามาในบริเวณที่รวมตัวกัน จึงร่วมกันร้องเพลงชาติไทย
จากนั้นกลุ่มพีมูฟได้ถือป้ายทวงคืนชายหาดสาธารณะให้กลับเป็นของประชาชน ข้อความต่างๆ อาทิ ผู้ว่าจัดการด่วน, มาอยู่แล้วมาหาผลประโยชน์เอาเข้าส่วนตัวแล้วยังมาทำตัวเลว, กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพย์ หน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบพื้นที่หน้าหาดให้ประชาชนด่วน, ขอทวงหาดยามูให้กลับคืนสู่ชาวบ้าน, ขอให้นายกฯ นิดตรวจสอบด่วน, No Harassment I'm local resident ฯลฯ
นางจารุวรรณ เจษฎางกูร ณ อยุธยา หนึ่งในกลุ่มพีมูฟ กล่าวว่า การรวมตัวกันครั้งนี้กับชาวบ้านที่หาดยามู เนื่องจากได้ข่าวว่าจะทวงคืนชายหาดสาธารณะ จึงเข้ามาช่วยชาวบ้านทวงคืนความเป็นธรรม เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนต่างชาติมาทำร้ายคนไทยเป็นสิ่งที่ไม่สมควร พวกเราจึงออกมาต่อสู้ให้กับคนไทย เพราะเราต้องมีสิทธิ์ในผืนแผ่นดินไทย คนต่างชาติไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายคนในเมืองไทย เขาสมควรต้องออกจากประเทศไทยออกไป และอยากให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทุกระดับให้ความสำคัญกับชายหาดใน จ.ภูเก็ต เพื่อเป็นหาดสาธารณะอย่างแท้จริง
นายสมบูรณ์ สำเภารัตน์ อายุ 58 ปี ชาวบ้านตำบลป่าคลอก กล่าวว่า การรวมตัวกันวันนี้เพื่อทวงคืนพื้นที่บริเวณหาดยามู เพราะสภาพพื้นที่เดิมเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านสามารถเดินลงหาดได้ แต่หลังจากนั้นมาทุนต่างประเทศเข้ามากว้านซื้อที่ดิน ทำให้หมู่บ้านเจริญมากขึ้น แต่เกิดความวุ่นวายเข้ามาทันที โดยเฉพาะนายทุนพยายามที่จะทำให้เป็นของเขาให้มากที่สุดถ้าชาวบ้านไม่ช่วยกันต่อต้าน
พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตั้งแต่มารับตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ยังไม่มีการร้องเรียนเรื่องมาเฟียต่างชาติ และไม่มีการดำเนินคดี แต่ที่ผ่านมามีคดีปล้นทรัพย์ ลักษณะของนักท่องเที่ยวที่เข้ามามีการทำผิดกฎหมายในจังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว ซึ่งในกรณีชาวต่างชาติเข้ามากระทำความผิด จ.ภูเก็ตมีมาตรการตั้งคณะกรรมการเพิกถอนวีซ่า โดยจะมีการประชุมครั้งแรกในเร็วๆ นี้ โดยกรณีชาวต่างชาติทำความผิดต่างๆ จะเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการพิจารณาเพิกถอนวีซ่า หรือขึ้นเป็นบัญชีดำต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชีพจรลงเท้า นายกฯ ลุยบึงบอระเพ็ด เร่งแก้น้ำแล้ง น้ำท่วมพรุ่งนี้
นายกฯเร่งแก้น้ำแล้ง น้ำท่วม บ่ายพรุ่งนี้ลงพื้นที่บึงบอระเพ็ด
เลื่อนประชุม ครม. เป็นวันพรุ่งนี้ นายกฯเชิญชวนร่วมงาน ‘พระราชพิธีสมมงคล’
เลื่อนประชุม ครม.เป็นวันพรุ่งนี้ นายกฯเชิญชวนประชาชนร่วมงานมงคลแห่งปี ในงาน “พระราชพิธีสมมงคล”
‘จุรินทร์’ เผย8ปัจจัย การเมืองปี68เดือด!
"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย
‘จ่าเอ็ม’ ผวาขออารักขา
กัมพูชาส่งตัว "จ่าเอ็ม" ให้ไทยแล้ว นำตัวเข้ากรุงสอบเครียดที่ สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าตัวร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ
เป็นแม่ที่ดีหรือยัง! ‘อิ๊งค์’ เปิดอกวันเด็กสมัยก่อนไม่มีไอแพดโวยถูกบูลลี่
"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานวันเด็กคึกคัก! เด็กขอถ่ายรูปแน่น พี่อิ๊งค์ล้อมวงเปิดอกตอบคำถามเด็กๆ มีพ่อเป็นต้นแบบ เผยวัยเด็กไม่มีไอแพด โทรศัพท์ ไลน์ พี่มีลูกสองคน
‘บิ๊กอ้วน’ เอาใจทอ. เคาะซื้อ ‘กริพเพน’
ปิดจ๊อบภายในปีนี้! "บิ๊กอ้วน" ไฟเขียว ทอ.เลือก "กริพเพน" มั่นใจคนใช้เป็นคนเลือก รออนุมัติแบบหลังทีมเจรจาออฟเซตกับสวีเดนจบ แจงทูตสหรัฐแล้ว ไทยยันไม่มีนโยบายกู้เงินซื้ออาวุธตามข้อเสนอขายเอฟ