จิตใจทักษิณดีขึ้นชัด อิ๊งค์เผยพ่ออยากเจอ‘คนเสื้อแดง-พท.’/โพลยี้พักโทษนช.

"นิด้าโพล" เผย ปชช.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยราชทัณฑ์ลดโทษ-พักโทษ เชื่อ "ทักษิณ" จะมีบทบาทใน "เพื่อไทย" ม็อบจุดไม่ติดเป็นม็อบใหญ่   “ครอบครัวชินวัตร 5 ชีวิต” ร่วมรับประทานข้าวพร้อมหน้าที่จันทร์ส่องหล้า   อุ๊งอิ๊งปัดเลิกพูดเรื่อง 2 นายกฯ “จ่าประสิทธิ์” โผล่หน้าบ้านอวยนายใหญ่   “เค สามถุยส์” ซัดคนเสื้อแดงกล่าวหาหักหลัง ปชช. เป็นพวกกินส้มจนสมองเพี้ยน ประธานวิปฯ แจงนายกฯ เข้าพบเป็นเรื่องปกติ วอนอย่าตั้งแง่ “เทพไท”  เตือน “ระบอบทักษิณ” คืนชีพ หวั่นซ้ำรอย 4 ข้อสู่รัฐประหาร “จตุพร” จับตามีนาคมถ้ากล้าเบี้ยวดีลเจอล้างบางการเมือง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ก.พ.2567 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง อำนาจราชทัณฑ์กับการเมืองหลังพักโทษ  ระหว่างวันที่ 20-22 ก.พ.2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,310 หน่วยตัวอย่าง

เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่ออำนาจของกรมราชทัณฑ์ในการพิจารณาลดโทษ หรือพักโทษให้กับนักโทษหลังจากศาลมีคำพิพากษา  พบว่า ตัวอย่าง 40% ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา 19.47% เห็นด้วยมาก,  19.16% ไม่ค่อยเห็นด้วย, 18.01% ค่อนข้างเห็นด้วย และ 3.36% ระบุว่าไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการพิจารณาลดโทษหรือพักโทษของกรมราชทัณฑ์ ควรมีผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกร่วมเป็นกรรมการ พบว่า 41.69% ระบุว่าเห็นด้วยมาก, 24.58% ค่อนข้างเห็นด้วย, 24.27% ไม่เห็นด้วยเลย, 8.70% ไม่ค่อยเห็นด้วย และเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองหลังนายทักษิณได้รับการพักโทษ พบว่า 50.38%  นายทักษิณจะมีบทบาทในการให้คำปรึกษากับพรรคเพื่อไทย, 28.93% การชุมนุมต่อต้านนายทักษิณจะไม่สามารถจุดติดเป็นการชุมนุมใหญ่, 26.72% คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยจะลดลงจากบทบาทที่มากขึ้นของนายทักษิณ,  21.68% การชุมนุมต่อต้านนายทักษิณจะสามารถจุดติดเป็นการชุมนุมใหญ่,   19.69% ระบุว่าการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะเข้มข้นขึ้น, 19.24% เร็วๆ นี้จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี, 17.63% นายทักษิณจะไม่ยุ่งกับการเมืองอีกแล้ว,  17.02% นายเศรษฐา ทวีสิน จะอยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ, 14.43% ประเทศไทยจะดูเหมือนมีนายกฯ 2 คน, 12.21% ศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองยังคงอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล, 11.15% ศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองจะย้ายไปอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า, 11.07% จะมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ จากนายเศรษฐาเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร,  9.54% คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยจะสูงขึ้นจากบทบาทที่มากขึ้นของนายทักษิณ, 6.11% พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะเป็นมิตรกันมากขึ้น

สำหรับบรรยากาศบ้านจันทร์ส่องหล้า จรัญสนิทวงศ์ 69 ตั้งแต่เช้ายังไม่มีบุคคลสำคัญหรือครอบครัวเดินทางมา  ขณะที่ช่วงเช้ามีเจ้าหน้าที่เข้ามาฉีดยุงภายในบ้านจันทร์ส่องหล้าจนเกิดควันโขมงออกมาถึงด้านนอก ทำให้สื่อมวลชนที่มาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าต้องวิ่งไปดู สำหรับการรักษาความปลอดภัยยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางพลัดมาดูเรื่องความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเป็นระยะ

ต่อมาในเวลา 16.52 น. สมาชิกครอบครัวชินวัตรทยอยเดินทางเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเพื่อร่วมรับประทานอาหารเย็นกับนายทักษิณ โดยเริ่มจาก น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ซึ่งเดินทางมาโดยรถตู้เบนซ์สีขาว ทะเบียน 9 กย 59 จากนั้น น.ส.แพทองธารเดินทางมาถึงในเวลา 16.57 น. ขณะที่เวลา 17.25 น. คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์   เดินทางด้วยรถตู้เบนซ์ ป้ายทะเบียน 4 ขท 2566 และเวลา 17.46 น. นายพานทองแท้ได้เดินทางเข้าบ้านเป็นคนสุดท้าย ด้วยรถตู้เลกซัสสีขาว ป้ายทะเบียน วห 8888

รำลึกความหลัง 17 ปี

น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า การรับประทานอาหารเย็นร่วมกันวันนี้ไม่มีอะไรมาก มีเพียงครอบครัว 5 คน คือคุณพ่อ คุณแม่ นายพานทองแท้ น.ส.พินทองทา และตนเอง ไม่มีเขยสะใภ้และหลานๆ ซึ่งเป็นความต้องการของคุณพ่อที่อยากย้อนความทรงจำในบ้านหลังนี้ในอดีต ที่ครอบครัวอยู่และเติบโตมาด้วยกันมากกว่า 17 ปี ไม่มีเรื่องการเมือง ส่วนเมนูอาหารนั้นไม่ทราบเนื่องจากไม่ได้เป็นคนจัดการ แต่คาดว่านายทักษิณน่าจะอยากรับประทานอาหารไทย

เมื่อถามถึงอาการป่วยของนายทักษิณ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า คุณหมอแนะนำว่าอย่าเพิ่งไปไหน ให้พักก็จะดีที่สุด แต่สิ่งที่สังเกตคือตอนที่คุณพ่อโทร.มาตนรู้สึกว่าเสียงสดใส ซึ่งไม่ได้ยินมานานจริงๆ และรู้สึกว่าเขาคงสบายใจขึ้น คนเป็นลูกดีใจอยู่แล้วที่จิตใจเขาดูดีขึ้น ทั้งนี้ จริงๆ พ่อเป็นคนที่แอ็กทีฟมาก การที่ไปอยู่ที่เดิมนานๆ เขาซัฟเฟอร์แน่นอน ซัฟเฟอร์มากๆ และยังบอกว่าได้ขึ้นบันไดครั้งแรก เขาบอกว่าเจ็บขา ก็ต้องพยายามเพราะเหมือนถูกจำกัดที่มานาน ก็ต้องปรับตัว แต่จิตใจดี

เมื่อถามต่อว่า มีมวลชนอยากเจอนายทักษิณ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยังไม่มีแผนอะไรในเวลาอันใกล้ แต่คิดว่าเขาคงอยากเจอแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคนเสื้อแดงหรือใครก็ตามที่เคยสนับสนุนคุณพ่อ หากโอเคเมื่อไหร่ก็จะค่อยๆ  ทยอยเจอ ส่วนสัปดาห์หน้าจะเปิดให้ใครได้เข้าพบหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบคิว

ถามว่า นายทักษิณมีแพลนจะทำอะไรทางการเมืองต่อจากนี้หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยอะไรเรื่องการเมือง แต่ในฐานะหัวหน้าพรรค พท. อยากให้คุณพ่อได้เจอคนในพรรคบ้าง เจอกันในเรื่องของทางใจ เพราะคิดว่าทุกคนคิดถึง แต่จะเป็นเมื่อไหร่ยังไม่ทราบ รอก่อน ส่วนแขกที่นายทักษิณอยากเจอมากที่สุดคือญาติๆ

เมื่อถามต่อว่า จะพาลูกพรรคมาหาที่บ้านหรือพาไปที่พรรค น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จริงๆ ไม่ติด เอาที่คุณพ่อสะดวก หากคุณพ่อไปพรรคก็จะได้รู้ว่านั่งทำงานที่ไหน ส่วนจะเปิดบ้านให้มวลชนคนเสื้อแดงเข้าพบหรือไม่นั้น ขณะนี้ห่วงเรื่องโรคติดต่อ ขอให้รอสักพักดีกว่า รอให้คุณพ่อมีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นก่อน ส่วนอาการดีขึ้นหรือไม่นั้น ทางร่างกายโอเค จิตใจก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกว่าเขามีกำลังใจมากขึ้น

เมื่อถามถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องเอ็นเปื่อยยุ่ย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เป็นโรคคนแก่ จังหวะที่ต้องผ่าเพราะทำของหล่นจากมือ ไม่ได้ล้มหรือเกิดอุบัติเหตุอะไร เขาก็พูดเลยว่าก็แก่ ก็สงสาร เพราะผ่านาน ส่วนบรรยากาศที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีมาพบคุณพ่อนั้นไม่ทราบ เพราะเฝ้าลูกอยู่ ลูกไข้ขึ้น และนักข่าวรู้ก่อน ซึ่งตนเองไม่ทราบเลย เพราะเคยคุยกันว่าถ้ามีโอกาสเดี๋ยวจะเข้ามาเยี่ยม แต่ก็มาเมื่อวานทันที

สำหรับกระแสข่าวเรื่องที่นายเศรษฐาเข้ามาพบนายทักษิณ จะทำให้มีนายกฯ 2 คนนั้น น.ส.แพทองธารระบุว่า ตอนที่นายเศรษฐาได้รับตำแหน่งนายกฯ ก็มีข่าวเรื่องนี้ตอนอยู่กับตนเอง พออยู่กับนายทักษิณก็มีข่าวนี้ ให้นายเศรษฐาทำหน้าที่ของตนเองไปดีกว่าหรือไม่ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้ดีกว่า

'อดีต สส.พท.-เสื้อแดง' อวยทักษิณ

ก่อนหน้านี้ ในเวลาประมาณ 11.15 น. จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ ไชยศรีษะ  อดีต สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย เดินทางมาเพื่อเยี่ยมนายทักษิณ แต่ไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า โดยกล่าวกับสื่อมวลชนว่า ตั้งใจมาเยี่ยมนายทักษิณ เนื่องจากเป็นบุคคลที่เคารพมาโดยตลอด ที่ผ่านมานายทักษิณได้แก้ไขปัญหาให้กับคนไทยมากมายตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ในวันนี้ถ้ามีโอกาสได้พบท่าน ก็จะบอกว่าดีใจที่ท่านได้มีโอกาสกลับมาบ้านเกิด อยากให้รักษาสุขภาพให้ดี คนในพื้นที่ยังเชื่อมั่นในตัวนายทักษิณ ว่าท่านกลับสู่ระบบการเมืองด้วยความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ที่มี

ส่วนการกลับมาจะเป็นการมองว่ามีนายกฯ สองคนหรือมากกว่านั้น จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ เป็นความคิดของคนที่ไม่เห็นด้วย ไม่อยากให้คิดเรื่องความขัดแย้ง อยากให้พัฒนาประเทศ เพราะประเทศไทยบอบช้ำมานาน นายเศรษฐาก็ไปพบกับอดีตนายกฯ หลายคน อยากให้ทุกคนเปิดใจกว้าง นายทักษิณไม่ใช่ต้นตอของความขัดแย้งถูกยึดอำนาจ และถูกตั้งองค์กรมาทำร้ายท่าน ท่านถูกกระทำโดยความอยุติธรรมตั้งแต่แรก และคนก็มองว่าทำไมไม่กลับมาสู้คดี แต่เมื่อกลับมาแล้ว ก็หาเรื่อง เพราะคนเหล่านั้นไม่ชอบ ไม่เปิดใจ

ถามว่า ถ้าหากกลับเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองอยากให้ดำรงตำแหน่งอะไร จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ระบุว่า ตำแหน่งอะไรก็ได้ที่มีประโยชน์ ถ้าเป็นนายกฯ ได้ในอนาคตก็จะดี ส่วนอาการป่วยท่านอายุมากแล้ว คนที่ไม่เชื่อว่าป่วยคือคนที่ไม่เปิดใจและไม่ชอบ ซึ่งแพทย์มีหลักฐานการรักษา มีเอกสาร ที่สำคัญที่สุดคือคำรับรองจากแพทย์ ไม่มีเจ้าหน้าที่หรือคุณหมอคนไหนที่เขาจะเอาชีวิตอนาคตของเขาไปฝากไว้กับคนคนหนึ่งถ้าไม่เป็นเรื่องจริง

หลังจากนั้นจ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ได้เดินทางมาที่บริเวณหน้าบ้านและกดกริ่งเพื่อขอเข้าพบ แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาเปิดประตูให้ จึงได้เดินทางกลับไป

ต่อมาช่วงบ่าย นายนิยม นพรัตน์ หรือเค สามถุยส์ แกนนำกลุ่ม the red fc พรรคเพื่อไทย ถือป้ายข้อความ "Welcome Home ยินดีต้อนรับนายกฯ ขวัญใจมหาชนคนเสื้อแดงกลับบ้าน"  หน้าบ้านจันทร์​ส่องหล้า และกล่าวว่า มาให้กำลังใจนายทักษิณ เพราะ 2-3 วันที่ผ่านมา เห็นบุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นคนเสื้อแดง แต่จริงๆ แล้วเป็นฝูงซอมบี้ส้มมาคลุ้มคลั่งตรงนี้ วันนี้จึงนำกำลังใจของคนเสื้อแดงแท้ๆ มาส่งมอบให้กับนายทักษิณ และเจตนาของคนเสื้อแดงต่อสู้มาตั้งแต่ต้น เพื่อเรียกร้องให้นายทักษิณกลับบ้าน เพราะถูกรัฐประหาร ไม่ได้รับความเป็นธรรม

นายกฯ พบทักษิณไม่แปลก

“พอกลับมาแล้วกลับมาบอกว่านายกฯ ทักษิณหักหลังประชาชน คนพวกกินส้มจนสมองเพี้ยน สติปัญญาไม่มี ตอนนี้กลายเป็นฝูงซอมบี้ไปแล้ว ตอนนี้หันไปเชียร์ส้มแล้วแต่กลับไม่ภูมิใจในพรรคของตัวเอง กลับมาอ้างว่าเป็นคนเพื่อไทย แต่ถูกทักษิณหักหลัง ต้องเผาเสื้อสีแดงทิ้ง”

นายนิยมมองว่า บทบาทของนายทักษิณอยู่ที่การตัดสินใจของนายทักษิณเอง แต่ใจจริงของคนเสื้อแดง อยากให้ท่านกลับมาช่วยหรือเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาล และกลับมาของนายทักษิณคงไม่ใช่เป็นนายกฯ 2 คน แต่เป็นการใส่ความพรรคการเมืองตรงข้าม เป็นกระแสไอโอของพรรคส้ม  อยากย้อนถามพรรคก้าวไกล ตอนนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายชัยธวัช ตุลาธน ก็ไม่ใช่หัวหน้าตัวจริงแน่นอน แต่พรรคก้าวไกลมีถึง 3 คน

ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา เข้าเยี่ยมอาการป่วยนายทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถ้าไม่ไปเยี่ยมถือเป็นเรื่องแปลก หรือการที่สมเด็จฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา มาเยี่ยมนายทักษิณก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะรู้จักคุ้นเคยกัน ส่วน สส.ยังไม่ได้หารือกันถึงการไปเยี่ยม แค่กลับมาอยู่บ้าน สส.ก็ดีใจแล้ว

“ไม่อยากให้ตั้งแง่วิจารณ์กัน ศาลไม่มีคำสั่งห้ามเยี่ยม หรือห้ามแสดงความคิดเห็นอะไร อะไรที่เป็นประโยชน์เชื่อว่ารัฐบาลก็พร้อมจะขอความคิดเห็นในฐานะผู้มีประสบการณ์ คนที่ออกมาวิจารณ์เป็นคนหน้าเดิมๆ เคยพูดให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก้าวข้ามทักษิณ แต่ทุกวันนี้คนเหล่านี้ยังหมกมุ่น ไม่ก้าวข้ามทักษิณ แค่มีคนไปเยี่ยมจะกลัวอะไรกันนักหนา กลัวอะไรกับคนอายุ 70 กว่าปี นายทักษิณไม่ใช่อาชญากร" นายวิสุทธิ์กล่าว

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การที่นายเศรษฐา เข้าพบคุณทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้า  ไม่ได้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย  เพียงแต่เร็วกว่าที่คิดเท่านั้น การเข้าพบนายทักษิณของนายเศรษฐาจะเป็นในฐานะใดก็ตาม แต่เป็นที่รับรู้กันว่านายเศรษฐาได้เป็นนายกฯ ในนามพรรคเพื่อไทย ก็เพราะได้รับความเห็นชอบจากนายทักษิณ จึงจำเป็นต้องเข้าพบเสียก่อน แม้จะปฏิเสธว่าการเข้าพบไม่ได้คุยเรื่องการเมืองก็ตาม แต่สมาชิกพรรคเพื่อไทยหยิบฉวยมาอวยเป็นประเด็นทางการเมืองทันที ว่าเป็นนิมิตหมายอันดี กลิ่นความเจริญ กลิ่นการพัฒนาหอมเข้ม และขยับเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ คงเป็นความรู้สึกเฉพาะของคนพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เป็นสมุนบริวารของนายทักษิณ แต่ในความรู้สึกของประชาชน กำลังมีกลิ่นเหม็นฉุนของระบอบทักษิณ คืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

เตือน 4 เงื่อนไขระบอบทักษิณ

“ถ้าหากระบอบทักษิณคืนชีพ ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในระบอบทักษิณ คือ 1.การทุจริตเชิงนโยบายและผลประโยชน์ทับซ้อน 2.การแทรกแซงองค์กรอิสระ 3.เกิดความแตกแยกเกิดขึ้นของคนในชาติ 4.การจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง อย่าลืมว่า เหตุผลทั้ง 4 ข้อนี้คือสาเหตุของการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549”นายเทพไทระบุ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า การเมืองในเดือนมีนาคมนี้น่าสนใจอย่างยิ่ง ขณะที่นายเศรษฐาไปบ้านจันทร์ส่องหล้า ยังสื่อนัยการออกแบบทางการเมืองแปลกๆ ชอบกลอยู่ นายเศรษฐา เป็นถึงนายกฯ ไม่จำเป็นต้องสัมภาษณ์สื่อหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเลย

นายจตุพรระบุถึงความน่าสนใจทางการเมืองในเดือนมีนาคมว่า เริ่มตั้งแต่ 4 มี.ค. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะเลื่อนอ่านคำพิพากษา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ คดีฮั้วสื่อจัดโรดโชว์ สร้างอนาคตไทย 240 ล้านบาทหรือไม่ นอกจากนี้ ยังต้องรอดูว่าการออกกฎหมายเงินกู้ 5 แสนล้านบาทมาแจกโครงการดิจิทัลวอลเล็ตคนละหมื่นบาทจะเข้า ครม.หรือไม่ ซึ่งถ้าเข้าจะผ่านหรือไม่ และหากไม่ผ่านจะเป็นทางลงจากตำแหน่งนายกฯ ของนายเศรษฐาหรือไม่ และที่สำคัญ นายกฯ จะอยู่ถึงวันที่ 25 มีนาคม ซึ่ง สว.จะเปิดอภิปรายทั่วไปหรือไม่

“หากถูก สว.อภิปราย ในวันที่ 25 มี.ค. ยังต้องไปพิจารณาสถานการณ์วันที่ 10 เม.ย. โดยอัยการสูงสุดนัดฟังคำสั่งจะฟ้องนายทักษิณ คดี ม.112 หรือไม่มาประกอบกันด้วย ดังนั้นสถานการณ์เริ่มทั้งเดือน มี.ค.จะเป็นตาข่ายวางกับดักไว้แน่นหนา เพื่อป้องกันการเบี้ยวดีล ซึ่งผมอยากให้มีการเบี้ยวดีลมาก เพราะจะได้เห็นข้อตกลงที่ซ่อนไว้อยู่ลึกๆ คืออะไรกันแน่ ถ้าไม่เป็นไปตามดีล คือดีลถูกเบี้ยว ขบวนการล้างบางจะเกิดขึ้นตามมาทันที แล้วท้ายสุดคนก็เต็มถนนเหมือนเดิม หนีไม่ออก ส่วนปลายทางจะแอ่นแอ๊นหรือเปล่าต้องคอยดูกันอีกครั้ง" นายจตุพรกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง