ทักษิณหักหลังปชช. เสื้อแดงหมดศรัทธาบุกจันทร์ส่องหล้า/ฮุนเซนโชว์32ปีปึ้ก

"สมเด็จฮุน เซน" โพสต์ภาพคู่ "ทักษิณ" โชว์สัมพันธภาพ 32 ปีแห่งความผูกพัน ออกตัวไม่มีการคุยเรื่องการเมือง ชวน "อุ๊งอิ๊ง" เยือนกัมพูชา 14-15 มี.ค.นี้ "อดีตคนเสื้อแดง" บุกบ้านจันทร์ส่องหล้า ซัดทักษิณเล่นละครป่วยทิพย์  เคยรักมากแต่หมดศรัทธาแล้ว เปลี่ยนใจเชียร์ก้าวไกลดีกว่า "ภูมิธรรม" ระบุ "สมเด็จฮุน เซน" มาเยี่ยมตอกย้ำป่วยจริง "จุรินทร์" ชี้พฤติกรรมนักโทษเทวดาซ้ำเติมความเสื่อมรัฐบาล ชงเสนอแก้ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ปี 2560 พักโทษต้องให้ กก.อิสระ-ศาลพิจารณา "หมอตุลย์" นำทีมร้อง ป.ป.ช.ฟัน "รมว.ยุติธรรม" พักโทษแม้วไม่ชอบ

เมื่อวันที่ 21 ก.พ. เวลา 09.50 น. สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน  หรือสมเด็จฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ภาพและข้อความภาษาอังกฤษผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ขณะกำลังนั่งบนเครื่องบินส่วนตัวเดินทางมาประเทศไทย ระบุว่า กำลังเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย

ขณะที่บริเวณหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า  ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการพักโทษ ตั้งแต่ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตได้มากวาดพื้นบริเวณถนนเพื่อทำความสะอาด รวมทั้งมีสื่อมวลชนมารอทำข่าวจำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.น.7 และ สน.บางพลัด มาอำนวยความสะดวกการจราจร และจัดระเบียบการจอดรถบริเวณโดยรอบบ้านจันทร์ส่องหล้า รวมทั้งขอความร่วมมือไม่ให้กล้องซูมเข้าไปภายในบ้าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ได้นำแผงกั้นเหล็กมาจัดระเบียบสื่อมวลชน เพื่อกั้นให้สื่อมวลชนอยู่ภายในบริเวณที่จัดไว้ให้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีป้าแหม่ม   อดีตคนเสื้อแดง ซึ่งสวมเสื้อสีขาว เดินทางมาที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า พร้อมระบุว่า วันนี้ตนมาทำให้นายทักษิณรู้ว่าที่ผ่านมานายทักษิณหักหลังประชาชน นายทักษิณรักแต่ตัวเองและครอบครัว ก่อนนี้ตนรักบูชาศรัทธาอดีตนายกฯ ทักษิณมาก ใครว่าครอบครัวชินวัตรไม่ได้เลย แต่วันนี้หมดความศรัทธานายกฯ ทักษิณแล้ว

"ที่นายกฯ ทักษิณป่วยป้าไม่เชื่อ เป็นการสร้างภาพเล่นละคร เพราะวันที่กลับมาประเทศไทยลงจากเครื่องบินก็ดูแข็งแรงดี แต่เอาเข้าโรงพยาบาล สร้างภาพ ป้าหมดศรัทธา ป้าไม่ถึงกับเกลียด ถามว่ายังรักอยู่ไหม บอกเลยว่าไม่รัก และความศรัทธาไม่มีแล้ว" ป้าแหม่มกล่าว

เช่นเดียวกับ นางนภัสสร บุญรีย์ หรือ ป้านก อดีตคนเสื้อแดง นำภาพถ่ายกับนายทักษิณเมื่อปี 2551 ที่ตึกชินวัตร 3 มาด้วย พร้อมกล่าวว่า ก่อนนี้พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ตนจึงมาช่วย มีอะไรก็มาช่วยทุกครั้ง ขาดงานมาช่วยจนถูกไล่ออกจากงาน ก่อนนี้ใครมาด่าทักษิณ ป้าไม่ยอม แต่ตอนนี้หมดศรัทธากับพรรคเพื่อไทยแล้ว

"จะไม่กลับมาเป็นคนเสื้อแดงอีกแล้ว  รักพรรคก้าวไกลแล้ว เพราะเคมีตรงกัน ตอนนี้พรรคก้าวไกลก็เหมือนกับพรรคเพื่อไทยตอนนั้นที่โดนกระทำ ส่วนที่เดินทางมาวันนี้ ก็อยากจะมาร้องขอความเป็นธรรมจากสมเด็จฮุน เซน ให้กับนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมือง  ซึ่งถูกอุ้มหายไปที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพราะขณะนี้เรื่องเงียบหายไป จึงอยากมาร้องขอความคืบหน้า เพราะสงสารเจน พี่สาวของนายวันเฉลิม" ป้านกระบุ

ต่อมาเวลา 10.15 น. ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงย่านบางพลัด ประมาณ 10 คน เดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า โดยทุกคนบอกว่ารู้สึกดีใจมากที่อดีตนายกฯ ทักษิณกลับมาอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวไทย ผู้ลี้ภัยที่ถูกอุ้มหายในกัมพูชาเมื่อปี 2563 เดินทางมาที่บ้านจันทร์ส่องหล้า นำรูปนายวันเฉลิมมาร้องขอความช่วยเหลือจากสมเด็จฮุน เซน เพื่อติดตามหาน้องชายที่ถูกอุ้มหาย ซึ่งพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้มาเชิญตัว น.ส.สิตานันและกลุ่มนักกิจกรรมที่เตรียมรูปภาพวันเฉลิมมาเรียกร้อง ไปพูดคุยขอความร่วมมือไม่ให้เข้าพื้นที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อเห็นว่าไม่ได้พบจึงเดินทางกลับ

จากนั้นเวลา 10.37 น. รถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน ขจ 995 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บุตรสาวของนายทักษิณ เข้าไปในบ้านจันทร์ส่องหล้า

กระทั่งเวลา 10.51 น. ขบวนรถของสมเด็จฮุน เซน ซึ่งมีรถจำนวน 4 คัน พร้อมรถนำขบวน 1 คัน โดยรถที่สมเด็จฮุน เซน นั่งเป็นรถรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ป้ายแดง ทะเบียน ร 3355 กรุงเทพมหานคร เดินทางมาถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า 

สำหรับเมนูอาหารกลางวันบ้านจันทร์ส่องหล้าที่เลี้ยงรับรองสมเด็จฮุน เซน ส่วนใหญ่เป็นอาหารไทย หนึ่งในนั้นคือกุ้งแม่น้ำเผาจากจังหวัดสุพรรณบุรี เพราะสมเด็จฮุน เซน มีความชื่นชอบในอาหารไทย  รวมทั้ง น.ส.แพทองธารยังได้โพสต์รูปอาหารลงไอจีสตอรี เป็นภาพขนมต้มและลูกชุบ ซึ่งคาดว่าจะเป็นของหวานที่เลี้ยงรับรองสมเด็จฮุน เซนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้าเยี่ยมนายทักษิณของสมเด็จฮุน เซน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น. ขบวนรถของสมเด็จฮุน เซน พร้อมคณะได้เดินทางออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อไปสนามบินและเดินทางกลับประเทศกัมพูชาทันที

ฮุน เซน โชว์สัมพันธ์ทักษิณ

ต่อมาเวลา 13.30 น. สมเด็จฮุน เซน ได้โพสต์ภาพและข้อความภาษากัมพูชาในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ได้มาเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กรุงเทพมหานคร แม้ว่าจะเจ็บป่วยแต่ยังเป็นพี่น้องกัน ซึ่งมี น.ส.แพทองธารร่วมอยู่ในวันนี้ด้วยเช่นกัน เพื่อสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างกัน และได้เชิญ น.ส.แพทองธารไปเยือนกัมพูชาในวันที่ 14-15 มี.ค.นี้

"ในวันนี้พบกันไม่มีการคุยเรื่องการเมือง แต่ชวนให้คำนึงถึง 32 ปีแห่งมิตรภาพที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 ขอขอบคุณนายทักษิณและ น.ส.แพทองธารสำหรับการต้อนรับในวันนี้" สมเด็จฮุน เซน ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภาพที่สมเด็จฮุน เซน โพสต์มีทั้งหมด 5 ภาพ เป็นภาพถ่ายคู่ระหว่างสมเด็จฮุน เซน และนายทักษิณ ซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า และยังคงสวมเฝือกคอ รวมถึงเฝือกที่แขนขวา รวมทั้งยังมีภาพหมู่ที่ถ่ายโซฟารับแขก มีภาพ น.ส.แพทองธารร่วมนั่งอยู่ด้วย

ทั้งนี้ น.ส.แพทองธารได้เข้าไปคอมเมนต์ใต้โพสต์ระบุว่า "Safe travels back home uncle ?? thank you for your love and support ❤️" (เดินทางกลับบ้านปลอดภัยนะคะคุณลุง ขอบคุณสำหรับความรักและการสนับสนุนค่ะ)

นอกจากนี้ น.ส.แพทองธารได้โพสต์ลงไอจีสตอรีภาพสมเด็จฮุน เซน กับนายทักษิณ ระบุว่า ภาพบรรยากาศสุดอบอุ่น จอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน เดินทางมาเยี่ยมคุณทักษิณ เป็นการส่วนตัวที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

พล.ต.อ ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยสมเด็จฮุน เซน ว่า สมเด็จฮุน เซน เดินทางมาเป็นการส่วนตัว  แต่เนื่องจากตัวของท่านเป็นถึงอดีตผู้นำประเทศ ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการอารักขาอยู่รอบนอก ซึ่งได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ รปภ.ทำการอารักขา และดูแลอำนวยความสะดวกโดยรอบ

ถามว่าเริ่มมีกลุ่มบุคคล VIP ตบเท้าเข้าเยี่ยมนายทักษิณ จะต้องดูเรื่องความเรียบร้อยด้วยหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการประสานงานมา ซึ่งถ้าหากมีการประสานเข้ามาก็พร้อมที่จะดูแลความปลอดภัยให้

ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีได้โทร.หานายทักษิณหรือยังว่า อยากโทร.หา แต่ยังไม่ได้โทร. ส่วนการเดินทางเข้าเยี่ยมของสมเด็จฮุน เซน เป็นเรื่องธรรมดา เพราะท่านมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

"เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเพื่อนป่วยไข้ ก็เหมือนเรา เมื่อเพื่อนป่วยก็อยากมาเยี่ยม ซึ่งท่านทักษิณกับท่านฮุน เซน ก็ถือเป็นเพื่อนต่างชาติ และยังเป็นประเทศที่เคยทำงานร่วมกันมาอย่างดี ไม่แปลกที่จะมาเยี่ยมเยือน ก็ยิ่งชัดเจนว่ามาเยี่ยมเพราะว่าป่วยจริงจึงเข้ามาเยี่ยม" นายภูมิธรรมกล่าว

ถามว่าในอนาคตจะมีผู้นำประเทศอื่นๆ เข้ามาเยี่ยมในนามส่วนตัวอีกหรือไม่  นายภูมิธรรมกล่าวว่า อันนี้เราไม่ใช่ผู้มา จึงไม่สามารถคาดเดาไปได้ ก็ต้องถามว่าใครมีความสัมพันธ์ส่วนตัวอย่างไร หากมีความเป็นห่วงเป็นใยส่วนตัวและอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมก็อาจเกิดขึ้นได้ ไม่น่าจะซีเรียสอะไร เป็นเรื่องนานาจิตตัง

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการพักโทษของนายทักษิณว่า  กรณีนักโทษเทวดาจะกลายเป็นจุดซ้ำเติมความเสื่อมของรัฐบาล ผสมกับการที่ไม่มีผลงานที่จับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอันอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อเกิดกรณีนักโทษเทวดาขึ้น ซึ่งคนไทยรู้ดีว่านักโทษเทวดาจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้ารัฐบาลไม่รู้เห็นเป็นใจ ตั้งแต่ระดับนายกฯไปจนถึงเจ้าหน้าที่ จึงมีคำถามว่ามาถึงวันนี้ว่านักโทษเทวดาได้ประโยชน์สมใจแล้ว แต่ประชาชนได้อะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันจากรัฐบาลหรือยัง ที่เลวร้ายที่สุดกรณีนักโทษเทวดาคือการส่งสัญญาณจากรัฐบาลสู่ประชาชน ทำให้คนเข้าใจว่าโกงแล้วได้ดี ซึ่งจะเป็นตราบาปติดตัวรัฐบาลชุดนี้หรือรัฐบาลเศรษฐาตลอดไป

"พรรคประชาธิปัตย์ได้มีมติให้เสนอ พ.ร.บ.แก้ไขพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ปี 2560 ให้การลดโทษ การพักโทษจะต้องผ่านคณะกรรมการอิสระและศาล ไม่ใช่แค่เป็นอำนาจของคณะกรรมการราชทัณฑ์ ภายในกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมมีความเข้มแข็งขึ้น และให้การบังคับตามคำพิพากษามีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นตามเจตนารมณ์ของกระบวนการยุติธรรม" นายจุรินทร์กล่าว

ถามเรื่องการที่หลายฝ่ายออกมาวิจารณ์จะมีนายกฯ 2 คน หลังนายทักษิณได้รับการพักโทษ นายจุรินทร์กล่าวว่า มันมี 2 คนมาตั้งแต่ตั้งรัฐบาลแล้ว ที่สำคัญระวังอย่าให้มี 3 คน จนเกินหน้าเขมรก็แล้วกัน

ยื่น ปปช.ฟัน 'ทวี' พักโทษแม้ว

นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป. แถลงกรณียื่นร่างการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กรมราชทัณฑ์ว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าวได้จัดเตรียมร่างไว้เรียบร้อยแล้ว และเป็นหลักสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งกับใคร แต่เมื่อกรมราชทัณฑ์ที่เป็นกระบวนการยุติธรรมใช้อำนาจในลักษณะทำให้เกิดข้อสงสัยกับสังคม ขัดต่อหลักบ้านเมืองและหลักนิติรัฐ-นิติธรรม จึงจำเป็นต้องยื่นแก้ไขกฎหมายราชทัณฑ์ เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลอำนาจมากยิ่งขึ้น ร่างกฎหมายฉบับนี้ พรรคประชาธิปัตย์เคยยื่นในสภาชุดที่ 25 ที่ผ่านมา แต่เมื่อสภาหมดวาระไป ทำให้กฎหมายฉบับดังกล่าวตกไปอย่างน่าเสียดาย และสภาชุดที่แล้วไม่ได้หยิบยกกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาพิจารณาใหม่

นายพิทักษ์เดชกล่าวว่า สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ มีหลักการและเหตุผลอย่างชัดเจน เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการทางอาญาสากล การใช้อำนาจหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ต้องละเอียดรอบคอบ มีความโปร่งใส ตรงไปตรงมา ทั้งเรื่องงการลดโทษหรือการพักโทษผู้ต้องขัง นอกจากนี้ การร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ยังกำหนดให้มีคณะกรรมการอิสระเพื่อพิจารณาประโยชน์ของผู้ต้องขัง ที่ประกอบด้วยผู้มีความรู้ ความความเชี่ยวชาญ ความน่าเชื่อถือ ตั้งแต่ผู้พิพากษาในศาลฎีกา ตุลาการในศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิฯ เพื่อพิจารณาคัดเลือกมาองค์กรละ 1 คน ประธานกรรมการ อัยการและผู้เชี่ยวชาญ ที่เกี่ยวข้องด้านสิทธิมนุษยชน และด้านจิตวิทยาที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาที่ประโยชน์ของผู้ต้องขัง รวมถึงผู้แทนองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้งหมด 9 คน

 “วันนี้ถือได้ว่าเป็นบาดแผลสำคัญของกระบวนการยุติธรรม ที่กระทบต่อหลักบ้านเมือง และจะเป็นที่พึ่งหวังของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร หลักนิติธรรมที่รัฐบาลเคยให้คำมั่นต่อประชาชน เป็นแค่เพียงลมปากเท่านั้น แต่กลับกันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรมอย่างยับเยิน เชื่อว่ากรณีเช่นนี้เป็นการใช้บรรทัดฐานที่มีความแตกต่างกัน และจะทำให้บุคคลที่หนีคดีอีกหลายคน ใช้กรณีเช่นนี้เป็นตัวอย่างเพื่อหลบเลี่ยง ในการกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” นายพิทักษ์เดชกล่าว

สส.พรรค ปชป.รายนี้ระบุว่า พรรคจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดทั้งในสภาและนอกสภา ซึ่งขอยืนยันว่าพรรครวมถึงตัวของตนไม่ได้มีความขัดแย้งกับใครเป็นส่วนตัว แต่การขัดแย้งกับการละเมิดหลักการของบ้านเมืองกับการละเมิดความยุติธรรม จึงขอร้องเรียนให้ประชาชนและเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันผลักดันกฎหมายฉบับดังกล่าว ให้เกิดผลสำเร็จในเร็ววัน เพื่อให้เกิดความถ่วงดุลและความยุติธรรมให้กับประชาชนในพื้นที่ของประเทศไทยอย่างเท่าเทียมกัน

วันเดียวกัน นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์  อดีตแกนนำเสื้อหลากสี, นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.), นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.), กองทัพธรรม พร้อมคณะ เข้ายื่นคำร้องต่อป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบ รมว.ยุติธรรมและพวก ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณได้รับการพักการลงโทษ ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และเร่งรัดให้มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวน โดยให้ ป.ป.ช.เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับโรคประจำตัวของนายทักษิณมาสอบสวนเพิ่มเติม 

นพ.ตุลย์กล่าวว่า การพิจารณาพักโทษนายทักษิณ โดยอ้างว่าเพราะมีอายุ 70 ปี ถ้าเป็นกรณีพิเศษคือต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ภาพที่คนทั้งประเทศเห็นนายทักษิณยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ 2 วันที่ผ่านมา คนทั้งประเทศก็เห็นว่านายทักษิณเป็นอย่างไร จึงมองว่าเป็นเรื่องที่คาใจคนทั้งประเทศที่รักความเป็นธรรม

 “ที่อยู่โรงพยาบาลมาตั้งแต่เดือนก.ย.2566 แล้วมีการปกปิดข้อมูล แต่มาถึงวันนี้ที่เราเห็นภาพของนายทักษิณมันเหมือนกับเป็นการแฉตัวเองว่าแท้จริงเป็นอย่างไร ฉะนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช.น่าจะทำงานง่าย ซึ่งเราก็ได้เตรียมเอกสารของกรมราชทัณฑ์ที่เปิดเผยต่อสาธารณะเอามาเทียบเคียงว่าแล้วข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ความจริงก็จะได้ปรากฏต่อคนทั้งประเทศ” นพ.ตุลย์กล่าว

นายพิชิตกล่าวว่า ได้ยื่นเรื่องขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.2566 ซึ่งในวันที่ 27 มี.ค.จะครบกรอบเวลา 180 วัน ตามที่กฎหมายกำหนดให้ ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้น จึงต้องการมาเร่งรัด  เพราะจากการให้สัมภาษณ์ของบุคคลต่างๆ และภาพนายทักษิณที่ปรากฏวันนี้   ชัดเจนว่าไมได้ป่วยตามที่มีการกล่าวอ้าง

เช่นเดียวกับนายศรชัยกล่าวว่า วันนี้มีการขอเอกสาร หลักฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โรงพยาบาลตำรวจ รวมถึงเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ได้ข้อมูลมาแล้วส่วนหนึ่ง แต่การทำงานของ ป.ป.ช.มีขั้นตอนกระบวนการอยู่ เมื่อรับเรื่องแล้วก็ต้องตรวจดูพยานหลักฐาน ไปหาพยานหลักฐานว่าจะตั้งไต่สวนได้เมื่อไร ยืนยันว่าถ้าข้อเท็จจริงพยานหลักฐานในส่วนที่เกี่ยวข้องพร้อม และมีมูลความผิดก็จะมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หนู’ ลั่นฟังแค่ ‘อิ๊งค์’ ยันร่วมรัฐบาลเป็นไฟต์บังคับ ‘ทักษิณ’ พูดไม่นำพา

"อนุทิน" ลั่น! รับสัญญาณจากนายกฯ อิ๊งค์เท่านั้น ยันที่ "ทักษิณ" พูดไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย "ท่านทักษิณพูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก"

ใต้อ่วม! ทางรถไฟ-ถนนขาด

ฝนตกหนักน้ำท่วม เส้นทางลงใต้อัมพาต ทางขาดทั้งรถไฟและถนนสายเอเชีย รถไฟไปต่อไม่ได้ ติดค้างที่ชุมพรเพียบ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ส่วนที่นครศรีฯ น้ำทะเลจ่อหนุนซ้ำเติม

เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า ผสมนํ้ายาดองศพ

เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า พบน้ำยาดองศพ สารก่อมะเร็งในบุหรี่ไฟฟ้าเพียบ เสี่ยงเกิดมะเร็ง แนะผู้ปกครองสอดส่องพฤติกรรมบุตรหลาน ย้ำเตือนเด็กและเยาวชนอย่าหลงเชื่อค่านิยมผิดๆ

บึ้มงานกาชาด สอบเกียร์ว่าง! ตำรวจอุ้มผาง

"ผบ.ตร." สั่งสอบตำรวจพื้นที่ปล่อยปละละเลยหรือไม่ เหตุ 2 คนร้ายปาระเบิดกลางเวทีรำวงงานกาชาดอุ้มผาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เจ็บ 48 คน "อุ๊งอิ๊ง"