แจกเงินดิจิทัลเจอคนดักตีหัว

"เศรษฐา" ควง ผบ.ทบ.ตรวจเยี่ยมค่ายทหารอุดรฯ พร้อมเทงบดูแลความเป็นอยู่กำลังพล กางแผนพัฒนาโมเดล รพ.ทหารนำร่อง ยกระดับการรักษาพยาบาล   ขณะที่ "จุลพันธ์" ประกาศลั่นแจกเงินดิจิทัลเลื่อนเพราะพวกคัดค้านอยู่บนหอคอย เจอคนดักตีหัวรัฐบาลหน้าบ้าน ปชช.ต้องอดทนรอ ด้านชาวบ้านต้านเหมืองแร่โปแตชหวดกลับ รบ.ยกโขยงดูความคืบหน้าโครงการ ประกาศลั่นปักหลักสู้ ไม่ให้รัฐบาล-นายทุนหน้าไหนลอบขุดแร่ลอดใต้ถุนบ้าน ทิ้งหายนะกองเกลือไว้ให้ลูกหลาน

 เมื่อวันจันทร์ เวลา 08.45 น. ที่จังหวัดอุดรธานี  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง พร้อมด้วย นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เดินทางไปยังค่ายทหารประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี เพื่อติดตามตรวจเยี่ยมและดูความเป็นอยู่ของกำลังพล ปรับปรุงสวัสดิการและคุณภาพชีวิตของทหารโดยรวมให้ดีขึ้น เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ

โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า บ้านพักหลายจุดก่อสร้างตั้งแต่ปี 2495 สภาพเก่าและชำรุดทรุดโทรมมาก จำนวนไม่เพียงพอ ซึ่งเราก็ควรจะดูแลชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นอย่างเท่าเทียม การมาดูครั้งนี้รัฐบาลตั้งใจจะทดลองปรับปรุงที่พักอาศัยใหม่ให้สอดคล้องกับชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันมากขึ้น โดยจะทดลองปรับปรุงในพื้นที่ค่ายทหารต่างจังหวัดที่มีพื้นที่เยอะก่อน

จากนั้นนายกฯ เดินทางต่อไปที่โรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคม ติดตามการบริหารจัดการและการให้บริการรักษาทั้งกำลังพลและประชาชนทั่วไป ซึ่งกำลังพัฒนาโรงพยาบาลทหารให้สามารถรองรับผู้ป่วยและนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ได้ เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ป่วยในการเข้าถึงระบบสาธารณสุข

นายกฯ กล่าวว่า โรงพยาบาลทหารในค่ายประจักษ์ศิลปาคมและที่อื่นๆ สามารถพัฒนาให้รองรับกับนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ได้ ซึ่งโรงพยาบาลทหารที่นี่ดูแลประชาชนที่เป็นผู้ป่วยนอก คิดเป็นสัดส่วน 77%  ต่อปี อัตราการรักษา แพทย์ 1 คน ต่อคนไข้ 14,000  คนต่อปี และยังมีรถโมบายออกพื้นที่ตรวจรักษาประชาชนในอุดรธานี จังหวัดใกล้เคียง และตามแนวชายแดนหนองคาย แต่ยังประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากร อุปกรณ์  ระบบไอที รถพยาบาลเคลื่อนที่ไม่พอ

 “บุคลากรทางการแพทย์สังกัดกระทรวงกลาโหมก็ลาออกกันเยอะ เพราะไม่มีโอกาสเติบโต ไม่มีโอกาสบรรจุ  อัตราเงินเดือนน้อยกว่าเงินสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทั้งหมดนี้ผมตั้งใจจะช่วยแก้ปัญหาให้โดยเร็วที่สุด และพัฒนาเป็นโมเดลโรงพยาบาลทหารนำร่องที่อุดรธานีและไปในที่อื่นๆ ต่อไป” นายกฯ ระบุ

จากนั้นนายเศรษฐาให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า การเดินทางไปเยี่ยมค่ายทหารประจักษ์ศิลปาคมและโรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคม ได้เดินทางไปร่วมกับ พล.อ.เจริญชัย  หินเธาว์ ผบ.ทบ. เพื่อไปตรวจเยี่ยมค่ายและดูบ้านพักทหารที่สร้างมากว่า 100 ปี บางแห่งก็กว่า 80 ปี และได้เดินทางต่อไปดูที่ รพ.ประจักษ์ศิลปาคม ที่มี 200 เตียง  ซึ่งมีประชาชนหนาแน่น โดยได้พูดคุยกับ ผบ.ทบ.ไปหลายเรื่อง ทั้งเรื่องบ้านพัก เรื่องของโรงพยาบาล เรื่องหนี้ของทหาร รวมทั้งเรื่องกำลังพลที่มีการพูดกันว่าจะมีการลดจำนวนกำลังพล

ยันไม่ลดกำลังพล

 “แต่อย่าไปพูดถึงการลดกำลังในส่วนของแพทย์และพยาบาล และเทคนิคการแพทย์ เพราะบางเรื่องที่เป็นเรื่องเฉพาะทาง อย่างเช่นแพทย์ พยาบาล หรือเทคนิคการแพทย์ ไม่ควรจะลดกำลังพล เพราะโรงพยาบาลทหารทั่วประเทศทุกโรงพยาบาลบริการประชาชนประมาณ 70% ถึง 80% และแพทย์มีไม่เพียงพอ อย่างที่โรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคมมีหมอเพียง 19 คน มีจำนวนเตียงผู้ป่วย 200 เตียง ทำให้ไม่เพียงพอ จะเห็นได้ว่ามีประชาชนจำนวนมากเข้าไปรับบริการ”  นายกรัฐมนตรีระบุ 

เมื่อถามว่า 30 บาทรักษาทุกที่จะสามารถเริ่มใช้ได้ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีส่วนและประชาชนก็ใช้อยู่แล้ว แต่ยังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายเยอะแยะไปหมด ซึ่งจะมีการพูดคุยกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข  เมื่อถามย้ำว่า จะสามารถเข้าร่วมในโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ได้ด้วยกันใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้แน่นอนทั้งหมด แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่บุคลากรที่มีไม่เพียงพอ

เมื่อถามว่า ทั้งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขและทางทหาร สามารถที่จะบูรณาการงานร่วมกันได้หรือไม่  นายกฯ กล่าวว่า แน่นอนเพราะโรงพยาบาลทหารปัจจุบัน  70% เป็นพลเรือนที่เข้ารับการรักษา โรงพยาบาลใหญ่ๆ อย่างโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และอีกหลายที่ ประชาชนก็เข้าไปรับบริการ ซึ่งโรงพยาบาลจำนวน 200  เตียงมีกว่า 10 โรงพยาบาลทั่วประเทศ และทุกโรงพยาบาลกว่า 70% ทำหน้าที่ดูแลประชาชน อีกทั้งสถานบริการขนาดเล็กอย่างสถานีอนามัยก็ต้องช่วยกันดูแลตรงนั้นด้วย

ด้าน ผบ.ทบ.กล่าวด้วยว่า โรงพยาบาลทหารสามารถอยู่ร่วมในโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ได้ และโรงพยาบาลทหารก็รับบัตรทองด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนนายกฯ เดินทางมาถึง  นายจุลพันธ์ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีกับประชาชนถึงเงินดิจิทัล  10,000 บาทว่า วันนี้เรายืนยันว่าแม้จะมีอุปสรรคแต่เดินหน้าแน่นอน ยังไงก็ต้องแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตให้ประชาชน แต่ขอความเห็นใจ ซึ่งทุกคนก็เห็นแล้วว่ามีหนังสือจากหน่วยงานรัฐ และมีการคัดค้านจากบางกลุ่มบางคน และบางคนอยู่บนหอคอยไม่ได้ลงมาสัมผัสแบบพวกเรา และบอกว่าไม่มีความจำเป็น เพราะประชาชนมีกำลังซื้อ มีเงิน แต่อยากให้ลองตบกระเป๋าตัวเองดูว่ามีเงินจริงหรือไม่

แจกดิจิทัลแต่มีคนดักตีหัว

”ยืนยันนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตรัฐบาลยังเดินหน้า และรัฐบาลยืนยันที่จะให้ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป  ยืนยันว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจเราต้องทำตามนโยบายที่วางไว้ และที่มีคนถามว่าทำไมถึงต้องเลื่อน เพราะเปิดประตูเข้าบ้านแล้วมีคนดักตีหัว จะเดินเข้าไปเหรอ รัฐบาลก็ต้องอดทน ประชาชนก็ต้องอดทนรอ แต่ยืนยันไม่นานเกินรอ มาช้าแต่มาชัวร์ 10,000 บาท ต้องถึงมือพวกท่านทุกคนให้ได้ วันนี้ขอเรียนกับพี่น้องว่าเป็นกำลังใจให้กันและกัน พวกผมทำงานให้พวกท่านสุดตัว” นายจุลพันธ์ ระบุ 

ขณะที่นายเศรษฐากล่าวว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตก็พยายามที่จะออกมาให้เร็วที่สุด เมื่อถามว่า คิดว่าที่มีการเสนออะไรต่างๆ เยอะมาก พอที่จะเดินหน้าไม่ต้องพะวง เรื่องเงินดิจิทัลได้หรือยัง นายกรัฐมนตรีระบุว่า อย่างที่ตนเองบอกไปมีทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา และหลายคนก็เสนอมาก็ต้องรับฟัง ถ้าตนไม่รับฟังเดี๋ยวพวกท่านก็มาบอกอีกว่าไม่รับฟัง ก็พยายามทำให้อยู่ในกรอบเวลาให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็บอกแล้วว่าเพิ่งเห็น ก็ขอเวลา ซึ่งตนก็ยินดีมีอะไรก็บอกมา ก็ยินดีรับฟัง

ถามต่อว่า ที่ผู้ว่าฯ ธปท.ขอเวลา ไม่ได้ระบุระยะเวลาใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนก็บอกขอเร็วที่สุดแล้วกัน  ให้ได้ภายใน 30 วัน อีก 1-2 สัปดาห์ค่อยมาว่ากัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในเวลา 14.45 น. นายเศรษฐาไปตรวจติดตามสภาพพื้นที่ก่อสร้างเหมืองใต้ดินและจุดเจาะอุโมงค์ ณ โครงการเหมืองแร่โปแตช ตำบลหนองไผ่ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี พร้อมไปพบกับกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ที่รวมตัวกันคัดค้านการก่อสร้างเหมืองแร่โปแตชมากว่า 20 ปีในพื้นที่ โดยเรียกร้องให้นายกฯ ยกเลิกการก่อสร้าง เพราะที่ผ่านมาประชาชนไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการ EIA และอยากให้เปิดเผยสัญญา โดยให้กลับไปดำเนินการตามพระราชบัญญัติเหมืองแร่ปี 2560

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หนังสือเรียกร้องของกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีระบุด้วยว่า  หลังการเลือกตั้งปี 2566 ประเทศไทยได้รัฐบาลที่บอกกับนานาชาติว่าเป็นประชาธิปไตย โดยมีนักธุรกิจใหญ่ชื่อ "เศรษฐา ทวีสิน"  เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มาพร้อมกับการผลักดันโครงการเหมืองแร่โปแตชอย่างออกนอกหน้า แถมยังสั่งการเร่งรัดผู้ได้รับประทานบัตรทั้ง 3 ราย คือ 1.บริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) พื้นที่ อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ 2.บริษัท ไทยคาลิ จำกัด พื้นที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา และ 3.บริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด "กลุ่มทุนอิตาเลียนไทย" พื้นที่ จ.อุดรธานี  เร่งดำเนินการขุดเจาะแร่โปแตชขึ้นมาขายให้จงได้

กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีระบุด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้มาลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี ด้วยตนเอง จึงเป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า โครงการเหมืองแร่โปแตช ในภาคอีสานจะต้องถูกผลักดันอย่างเต็มกำลัง ขณะเดียวกันรัฐบาลกลับเพิกเฉย ละเลยในประเด็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และผลกระทบต่อชุมชนซึ่งเกิดขึ้นแล้ว

 “พวกเราในนามกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ขอประกาศว่า เราจะยึดมั่นในสิทธิชุมชนที่ปกป้องวิถีเกษตรกรรม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจชุมชนที่ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เราจะคัดค้านการทำเหมืองจนถึงที่สุด โดยไม่ยอมให้รัฐบาลและนายทุนหน้าไหนเข้ามาขุดเอาแร่ใต้ถุนบ้านเราไปขาย แล้วทิ้งไว้เป็นโพรง ดินเค็ม น้ำเค็ม และกองเกลือมหาศาล ซึ่งจะเป็นผลกระทบไปจนชั่วลูกหลานสืบไป” กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีระบุ 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังนายกรัฐมนตรีรับหนังสือของกลุ่มคัดค้านก็ได้เดินทางกลับทันที.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อิ๊งค์โวพ่อสร้างลูกซ่อม

เปิดผลโพล "นักการเมืองแห่งปี  67" ปชช.ชื่นชอบ "แพทองธาร" กว่า 15% "เท้ง"  ตกไปลำดับ 9 ได้แค่ 5% คนเสื้อแดงคึกคัก