‘แก๊งมินนี่’อ่วม! ‘บิ๊กโจ๊ก’พร้อมสู้

กรุงเทพฯ ๐ เปิดข้อหา 14 ผู้ต้องหาเเก๊งมินนี่ ข้อหาหนักอ่วม อัยการสั่งสอบเพิ่ม "8 ตำรวจ" ขณะที่ ตร.ลูกน้องบิ๊กสีกากีขาดขังหลุดอำนาจคุมตัว ส่วน "บิ๊กโจ๊ก" กับพวก 5 คนโดนด้วย ส่ง ป.ป.ช.พิจารณาทำคดีเองหรือส่งกลับให้ตำรวจ

จากกรณีการสอบสวนกลุ่มผู้กระทำความผิดเว็บพนันออนไลน์และฟอกเงิน  น.ส.ธันยนันท์ หรือสุชานันท์ หรือมินนี่   กับพวก ล่าสุด มีการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ. และ พล.ต.ต. ในข้อหา เปิดเว็บพนันออนไลน์และฟอกเงิน โดยมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา พนักงานอัยการสำนักงานปราบปรามทุจริตฯ ได้รับสำนวนการสอบสวน คดีอาญาที่ 724/2566 บก.สอท.1 ที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นทางคดีสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา 14 คน (เดิมผู้ต้องหามีทั้งหมดกว่า 60 คน) ประกอบด้วย

1.นายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 2.น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี ผู้ต้องหาที่ 2 3.น.ส.อรณี ทองอรุณ ผู้ต้องหาที่ 3 4.พ.ต.ต.ชานนท์ อ่อมทร ผู้ต้องหาที่ 12 5.น.ส.ทักษพร หงษ์เหมวัฒนา ผู้ต้องหาที่ 13 6.นายกิตติชัช ปภันโรบล ผู้ต้องหาที่ 14 7.พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 20 8.พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ผู้ต้องหาที่ 21 9.พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 22 10.พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผุ้ต้องหาที่ 23 11.พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 24 12.ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผีต้องหาที่ 25 13.ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ คนยงค์ ผู้ต้องหาที่ 26 14.นางภัสราวดี พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 61

โดยเห็นควรสั่งฟ้อง นายณัฐวัตร  พิมพ์สวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 นางสาวอรุณี ทองอรุณ ผู้ต้องหา ที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.การพนัน 2478 มาตรา 4, 4 ทวิ, 5, 6, 12 (2) พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (9), 5 (1) (2) (3), 9 วรรคสอง, 60 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

และเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1, 3  ในความผิดฐานสนับสนุนผู้อื่น ให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่, สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184, 157, 86

น.ส.ธันยนันท์ หรือสุชานันท์ หรือมินนี่ สุจริตชินศรี หรือกุลวัฒนโยธิน ผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5 ทวิ, 5, 6, 12 (2) พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (9), 5 (1/2) (3), 9 วรรคสอง, 60 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 (เช่นเดียวกับผู้ต้องหาที่ 1, 3)

และเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐานให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่, สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144, 157, 86

ข้อหาเป็นหางว่าว

น.ส.ทักษพร หรือโม พงษ์เหมวัฒนา ผู้ต้องหาที่ 13 นายกิตติชัช หรือชัชวาล ปภัสโรบล ผู้ต้องหาที่ 14 ในความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (9), 5 (1) (2) (3), 9 วรรคสอง,  60 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

และเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 13, 14 ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด   หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542มาตรา 3 (5), 5 (1) (2) (3), 9 วรรคสอง,  60 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157, 86

พ.ต.อ.ภาคภูมิ หรือหนึ่ง พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 20 ในความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน,  สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 4 ทวิ, 5, 6, 12 (2) พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542มาตรา 3 (4), 5 (1) (2) (3), 9 วรรคสอง,  60 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 (เหมือนผู้ต้องหาที่ 1-3)

และในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง  ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้อื่น นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542มาตรา 3 (5), 5 (1) (2) (3), 9 วรรคสอง,  10, 60 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 128, 169) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157, 83

นายพันยันนายสิบ

พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร ผู้ต้องหาที่ 12, พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ผู้ต้องหาที่ 21, พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผู้ต้องหาที่ 22, พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้ต้องหาที่ 23, พ.ต.อ.เขมรินทร์ หรือเปียก พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 24, ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผู้ต้องหาที่ 25, ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ คนยงค์ ผู้ต้องหาที่ 26 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้อื่น

นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์และจำนวน ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนด ตาม  พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (5), 5 (1) (2) (3), 9 วรรคสอง, 10, 60 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 128, 169 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149, 157, 83 (เหมือนกับผู้ต้องหาที่ 20)

นางภัสราวดี พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 61 ในความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน,  ร่วมกันฟอกเงิน, สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542มาตรา 3 (5), 5 (1) (2) (3), 9 วรรคสอง,  10, 60 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 86

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิชาต ถาใจ อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน เมื่อรับสำนวนพิจารณาเเล้ว มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม 14 ข้อ โดยมีรายงานว่ามีข้อปลีกย่อยกว่า 6 หน้ากระดาษ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2566 เเละให้ส่งผลสอบเพิ่มภายในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันคดีครบขังสุดท้ายแล้ว ส่งผลให้ 8 นายตำรวจเเละผู้ต้องหาบางรายขาดขังเเละต้องปล่อยตัว

ต่อมาเมื่อคดีขาดขังแล้วได้แจ้งคืนสำนวนบางข้อหา และบางคน เช่น ข้อหาตาม พ.ร.บ.การพนันฯ ข้อหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน

'บิ๊กโจ๊ก' ลั่น! พร้อมสู้คดี

โดยยังมีรายงานอีกว่า ต่อมาคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขยายผลพบพยานหลักฐานและผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้ต้องหาข้างต้นในคดีเพิ่มเติม จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีข้าราชการตำรวจอีก 5 นาย คือ 1.พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร 2.พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ข้าราชการบำนาญ 3.พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม. 5.พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี 6.ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ผบ.หมู่ สายตรวจ 3 บก.จร.บช.น.

โดยลำดับที่ 1, 3-5 กล่าวหาว่า เป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ หรือกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบในหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้กระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้อื่น นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายฯ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561มาตรา 128, 172 ป.อาญา มาตรา 149,  157 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (9), 5 (1) (2) (3), 9 วรรคสอง, 10, 11  ประกอบกับ ป.อาญา มาตรา 83

ส่วนลำดับที่ 2 กล่าวหาว่า สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้กระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่มีการสมคบกัน, และร่วมกันฟอกเงิน และ สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 86, 157 และ พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (9), 5 (1) (2), 9วรรคสอง ประกอบ ป.อาญา มาตรา 83

ซึ่งขณะนี้ได้ส่งให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.พิจารณาอยู่ว่าจะทำการสอบสวนคดีนี้เอง หรือส่งกลับมาให้พนักงานสอบสวนชุดตำรวจทำ ซึ่ง ป.ป.ช.รับไปตั้งเเต่วันที่ 28 ธ.ค. เเต่ยังไม่มีคำสั่งกลับมา

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ให้สัมภาษณ์ว่าได้เห็นกระแสข่าวดังกล่าว แต่ก็ไม่กังวลใดๆ เป็นเรื่องเก่าตั้งแต่ที่ตนเองถูกเข้าค้นบ้าน แล้วถูกนำมาเล่าใหม่ และคดีนี้พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนให้อัยการไปหมดแล้ว เชื่อว่าความจริงก็คือความจริง เป็นไปตามกฎหมาย ใครจะมากลั่นแกล้งกันไม่ได้

"ผมเองทำคดีมาเยอะ ก็ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเยอะ เป็นเรื่องปกติ แต่หากมีการดำเนินคดี ก็ต้องสู้คดีตามกระบวนการ และผมเองก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะพิพากษาถึงที่สุด เพราะกฎหมายไทยเป็นระบบกล่าวหา แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีการแจ้งข้อหากับผม" รอง ผบ.ตร.กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง