ป.ป.ช.ตอกรัฐบาล แนะดู‘คนละครึ่ง’!

กรุงเทพฯ ๐ เลขาฯ ป.ป.ช.ตอกหน้าหงาย รัฐบาลต้องไปดูเองกลุ่มเปราะบางคืออะไร เผยอยู่ในหลักเกณฑ์ของสภาพัฒน์อยู่แล้วว่าคือกลุ่มยากจน คือใครบ้าง มีฐานข้อมูลอยู่ ป.ป.ช.พูดไม่ได้มโนเอง แนะดูโครงการคนละครึ่งมีใครบ้าง หรือดูจากการเสียภาษีก็จะรู้ว่าใครมีรายได้อย่างไรบ้าง ถือเป็นหลักทางวิชาการ 

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ตั้งคณะทำงานมาทบทวนข้อท้วงติงของ  ป.ป.ช. ในการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า อาจไม่ใช่การถอย แต่เป็นการพิจารณาข้อเสนอ ป.ป.ช.ที่มีความเห็นหลากหลาย ควรมีการศึกษาให้รอบคอบก่อนขับเคลื่อนต่อไป เป็นเรื่องดีให้ทั้งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.ให้รอบคอบ ถือเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลรับฟังข้อเสนอแนะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตั้งข้อสังเกตข้อเสนอป.ป.ช. ที่แนะนำให้แจกเงินเฉพาะกลุ่มเปราะบาง จึงอยากทราบว่าต้องมีรายได้แค่ไหนจึงเรียกว่ากลุ่มเปราะบาง  เลขาธิการ ป.ป.ช.ตอบว่า เป็นหน้าที่ฝ่ายบริหารต้องไปพิจารณา จะให้กลุ่มใดบ้าง มีเหตุผลอะไรบ้าง รัฐบาลอาจจะคิดให้เพิ่มขึ้นมา นอกจากกลุ่มเปราะบางก็ต้องดูเหตุผล แต่ความจริงแล้วคำว่ากลุ่มเปราะบางอยู่ในหลักเกณฑ์ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อยู่แล้วว่าคือกลุ่มยากจน  คือใครบ้าง มีฐานข้อมูลอยู่ สิ่งที่ ป.ป.ช.พูดไม่ได้มโน เป็นฐานข้อมูลที่หน่วยงานส่งมาให้ ป.ป.ช. เช่น สิทธิโครงการคนละครึ่งมีใครบ้าง หรือดูจากการเสียภาษีก็จะรู้ว่าใครมีรายได้อย่างไรบ้าง ถือเป็นหลักทางวิชาการ 

นายนิวัติไชยกล่าวว่า ข้อแนะนำของป.ป.ช. ไม่ได้ทำเกินอำนาจหน้าที่ เพราะมีบทบัญญัติมาตรา 32 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ให้อำนาจ ป.ป.ช.ให้ข้อเสนอแนะต่อ ครม.ได้ ส่วนที่บอกโครงการยังไม่ได้เดินหน้า เหตุใดให้ข้อเสนอแนะนั้น หากโครงการเดินหน้าไปแล้ว แล้วให้ ป.ป.ช.ให้ข้อเสนอแนะ จะไม่สายไปหรือ อาจมีการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว จึงต้องให้ข้อเสนอแนะไปก่อน เหมือนป้องกันไว้ก่อนดีกว่าแก้ไข

“วันนี้เรื่องผ่าน ป.ป.ช.ไปแล้ว อยู่ที่ฝ่ายบริหารต้องไปพิจารณา ดีใจที่นายกฯ รับฟังข้อเสนอแนะ ป.ป.ช. แสดงว่าไม่ได้ทำอะไรผลีผลาม ไม่รีบทำโดยไม่สนใจฟังเสียงให้ข้อแนะนำ เป็นการขับเคลื่อนแบบมีความรอบคอบ เป็นเรื่องดี ขอชื่นชม” เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าว

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความคิดเห็นเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตว่าไม่มีความแน่ชัด และเหมือนเป็นการพายเรือในอ่างแล้วไม่จบสักทีว่า รัฐบาลยินดีรับฟังทุกข้อเสนอแนะ รวมถึงทุกข้อสังเกตจากทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้ความเห็นจาก ป.ป.ช. ซึ่งการฟังของรัฐบาลนั้นต้องฟังอย่างเข้าใจและศึกษาอย่างครบถ้วน

เขายืนยันว่า รัฐบาลไม่มีความจำเป็นที่จะประวิงเวลา รัฐบาลต้องเดินหน้าผลักดันโครงการนี้อยู่แล้ว เพราะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล แต่เมื่อมีข้อสังเกตจากองค์กรตรวจสอบก็ต้องฟัง และในระหว่างนี้ไม่ได้หมายความว่าจะมีแค่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเรายังมีอีกหลายนโยบาย อาทิ นโยบายส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ การท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งอะไรที่ทำได้ก็ทำไปก่อน แต่อะไรที่ยังเห็นไม่ตรงกัน ยังมีเวลาในการเดินหน้าโครงการให้ทุกฝ่ายยอมรับได้

"จนถึงวันนี้ขอให้ประชาชนได้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลยังคงเดินหน้าผลักดันนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตนี้ต่อไป ไม่ได้ประวิงเวลาเพื่อจะไม่ทำ เพียงแต่เมื่อมีข้อท้วงติงมา ก็ต้องฟัง และเราให้ความเคารพ ระมัดระวังในการเดินหน้า ซึ่งโจทย์ใหญ่คือจะเดินหน้าผลักดันโครงการนี้อย่างไรให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย" นายอนุสรณ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุสรณ์ยังได้ร้องเพลง รอรับได้เลย ของติ๊ก ชิโร่  ท่อนหนึ่งว่า "รอรับได้เลย ไม่เคยบิดพลิ้ว สัญญา คือสัญญา"

ขณะที่ นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรค และ สส.นครศรีธรรมราชพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอฝากเรื่องนี้ให้ถึงนายเศรษฐา จากการติดตามการประชุมคณะกรรมการพิจารณาเงินดิจิทัลฯ เป็นที่น่าผิดหวังว่ารัฐบาลกลับมานับหนึ่งใหม่ในการเริ่มต้นโครงการเงินดิจิทัล ความจริงแล้วตนติดตามการทำงานของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ว่าเมื่อไหร่สิ่งที่ให้คำมั่นสัญญากับประชาชนไว้จะทำให้ได้เสียที รอในงบประมาณปี 67 ก็ไม่มี ก็ต้องรอในร่างปี 68 อีก แต่จากคำแนะนำของ ป.ป.ช. บอกว่าไม่ควรใช้เงินกู้ ควรใช้เงินในร่างงบประมาณ อยากบอกนายกฯ ว่า อย่าเป็นคนที่มีบุคลิกกลับไปกลับมา ท่านจำได้หรือไม่ว่า 9 เดือนที่ผ่านมา สิ่งที่ท่านให้คำมั่นสัญญากับประชาชนไว้ว่าจะแจกเงินให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน คนละ 10,000 บาท และจะไม่กู้เงิน แต่วันนี้เหมือนนายกรัฐมนตรีมีมันสมองที่กลับ กลับไปกลับมา พูดจำหน้าไม่ได้ เสมือนคนเป็นอัลไซเมอร์ 

“ขอใช้เสียงนี้ไปถึงนายกรัฐมนตรี ให้เร่งรีบทำเรื่องที่รับปาก และให้คำมั่นสัญญากับประชาชนผู้ที่สร้างนายกฯ ขึ้นมา และขอเตือนนายกฯ ว่าสิ่งไหนที่ผิดต่อระเบียบกฎหมาย สิ่งไหนที่ไม่ถูกต้อง  ขอให้นายกฯ อย่ากระทำ จงกระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน”

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าเสียใจที่สุดวันนี้คือ 6 เดือนที่ผ่านมาที่เรามีรัฐบาล แต่เศรษฐกิจของประเทศไทยไม่มีความกระเตื้องคืบหน้าขึ้นเลย เป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง ที่ประชาชนรอคอยว่ารัฐบาลใหม่น่าจะมีเศรษฐกิจดีขึ้น ปากท้องของพี่น้องประชาชนน่าจะดีขึ้น ท้ายที่สุดกลับไม่ดีขึ้นเลย ตนจึงขอมอบเพลง “รอจนพอ” ของนักร้อง จิรศักดิ์ ปานพุ่ม ให้พี่น้องประชาชนคนไทย ที่มีเนื้อหาว่า “ใจหนึ่งบอกให้รัก ใจหนึ่งบอกให้รอ ฉันก็ยังจะรอ รอ รอต่อไป เจ็บมาตั้งกี่ครั้ง ยังไม่จำใส่ใจ เขานั้นรักเราไหมก็ยังไม่รู้เลย”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง