นับถอยหลังเข้าสู่การเมืองปีเสือดุ 2565 "โหร ส.ว.วันชัย" เตือนระวัง เสือหิว-เสือซุ่ม จ้องรุมขย้ำจน รบ.ถูกน็อกกลางปีหน้า นิด้าโพลเผยผลสำรวจสิ้นปี "บิ๊กตู่" ยังนำแคนดิเดตนายกฯ อึ้งเลย ลุงป้อมได้บุคคลแห่งปี! ฝ่ายค้านแนะหาก กม.ลูกสองฉบับยังไม่คลอด เกิดอุบัติเหตุการเมือง ให้ออกเป็น พ.ร.ก.ผ่าทางตัน ครป.กะซวกประยุทธ์ ล้มเหลวปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2564 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 4/2564 ทำการสำรวจประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวม 2,504 หน่วยตัวอย่าง โดยเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 36.54 ระบุว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้, อันดับ 2 ร้อยละ 16.93 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเป็นคนมีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ บริหารงานดี นโยบายช่วยเหลือประชาชนได้จริง, อันดับ 3 ร้อยละ 10.74 ระบุว่าเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล), อันดับ 4 ร้อยละ 10.55 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย), อันดับ 5 ร้อยละ 5.51 ระบุว่าเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย), อันดับ 6 ร้อยละ 4.83 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส (พรรคเสรีรวมไทย), อันดับ 7 ร้อยละ 4.35 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ, อันดับ 8 ร้อยละ 2.36 ระบุว่าเป็นนายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคกล้า), อันดับ 9 ร้อยละ 2.24 ระบุว่าเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย), อันดับ 10 ร้อยละ 1.84 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) และร้อยละ 4.11 ระบุอื่นๆ ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เป็นต้น
และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 3/64 เดือน ก.ย. พบว่า ผู้ที่ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์, นายพิธา, คุณหญิงสุดารัตน์, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และนายกรณ์ มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้และนายจุรินทร์มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 37.14 ระบุว่าไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย, อันดับ 2 ร้อยละ 23.52 ระบุว่าพรรคเพื่อไทย, อันดับ 3 ร้อยละ 13.18 ระบุว่าพรรคก้าวไกล, อันดับ 4 ร้อยละ 8.99 ระบุว่าพรรคพลังประชารัฐ, อันดับ 5 ร้อยละ 7.15 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์, อันดับ 6 ร้อยละ 2.43 ระบุว่าพรรคเสรีรวมไทย, อันดับ 7 ร้อยละ 1.60 ระบุว่าพรรคไทยสร้างไทย, อันดับ 8 ร้อยละ 1.56 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ, อันดับ 9 ร้อยละ 1.32 ระบุว่าพรรคภูมิใจไทย, อันดับ 10 ร้อยละ 1.08 ระบุว่า พรรคกล้า และร้อยละ 2.03 ระบุอื่นๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคไทยภักดี พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาชาติ และพรรคเพื่อชาติ
วันเดียวกันนี้ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง บุคคลของสังคมแห่งปี 2564 ในใจประชาชน โดยสำรวจจาก 1,124 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 21-25 ธ.ค. โดยเมื่อถามถึงบุคคลแห่งปีที่ช่วยเหลือแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนและปัญหาสังคม หนี้นอกระบบ ที่ดินทำกิน แหล่งน้ำ และอื่นๆ ลดความเดือดร้อนปัญหาปากท้องของประชาชน พบ 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับที่ 1 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และรองนายกฯ ร้อยละ 40.0 เพราะเป็นรองนายกฯ ที่ดูแลใส่ใจแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยเฉพาะความเดือดร้อนทุกข์ยากของคนฐานราก เช่น หนี้นอกระบบ ที่ดินทำกิน ปัญหาค้ามนุษย์, อันดับที่ 2 ได้แก่ นายจุรินทร์ และอันดับที่ 3 ได้แก่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง
ที่น่าสนใจคือ บุคคลแห่งปี ที่เป็นผู้ใหญ่ ผู้มีบารมีทางการเมือง พบ 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับที่ 1 นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ร้อยละ 48.7 เพราะเป็นผู้อาวุโส พี่ใหญ่ทางการเมืองมืออาชีพ เป็นนักกฎหมายที่มีความลุ่มลึกและแม่นระเบียบจึงคุมเกมในสภาได้อย่างละมุนละม่อม, อันดับที่ 2 ได้แก่ พล.อ.ประวิตร ร้อยละ 32.6 เพราะภาพใหญ่ของการเมืองไทยมาจากกลุ่มอิทธิพลทางการเมืองที่หลากหลาย แต่บารมีของ พล.อ.ประวิตรไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เพราะเป็นผู้มีคอนเนกชั่นหลายระดับ โดยเฉพาะในกองทัพทุกรุ่น การเมืองทุกมุ้ง อาจพูดได้ว่าประวิตรมา ปัญหาหมด สยบกลุ่มเฮี้ยนนักการเมือง จัดการพวกนอกลู่นอกทาง และอันดับที่ 3 ได้แก่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ร้อยละ 17.9 แนะดัน พ.ร.ก.กม.ลูกกันอุบัติเหตุการเมือง
แนะรัฐออก พ.ร.ก.เลือกตั้ง
ด้านความเห็นทางการเมืองต่างๆ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวมีความพยายามดึงกฎหมายลูกให้แล้วเสร็จช้าลง ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุการเมืองจน พล.อ.ประยุทธ์อยู่ไม่ครบเทอม ว่าตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่าไทม์ไลน์ในการจัดการกฎหมายลูกจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.2565 กว่าจะส่งกฎหมายลูกเข้ารัฐสภาในเดือน ม.ค.-ก.พ. 65 เมื่อรัฐสภาเห็นชอบ จากนั้นตั้งคณะกรรมาธิการ และโปรดเกล้าฯ ประมาณเดือน ก.ค.2565 แต่ส่วนตัวมองว่าการยื้อเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ ไม่เกี่ยวกับกฎหมายลูกโดยตรง แต่อาจเป็นทางอ้อมได้ เพราะไม่สามารถใช้ยื้อเวลาได้ หาก พล.อ.ประยุทธ์จะต้องไปจริงๆ สามารถจัดการเลือกตั้งได้ ตามรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดยฝ่ายบริหารต้องหาวิธีการกฎหมายมารองรับด้วยการออกพระราชกำหนด เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้งใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการเลือกตั้ง
"วิธีการมันไม่ได้ยาก ยิ่งสภากำลังพิจารณากฎหมายอยู่ แค่หยิบกฎหมายฉบับนั้น เปลี่ยนจากพระราชบัญญัติเป็นพระราชกำหนดก็เท่านั้นเอง พิมพ์เนื้อหาเหมือนกันทั้งดุ้น เปลี่ยนหัวก็เท่านั้นเอง มันไม่ได้ยากไม่ได้ง่ายด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นประเด็นการยื้อเวลาโดยอาศัยจังหวะเวลาการทำกฎหมายลูกเพื่อถ่วงมันไม่ได้เป็นเหตุโดยตรง ไม่มีผล" นพ.ชลน่านกล่าว และว่า ส่วนการยื้อเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้กลไกอื่นมากกว่า ทั้งการพยายามดื้อ พยายามทน ไม่สนใจต้องอยู่ให้ได้ และใช้อำนาจรัฐหรืออำนาจอะไร เพื่อจัดการไม่ให้เกิดกระแสเป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น การประท้วง และการชุมนุมเรียกร้องเพื่อไม่ให้เกิดการคุกรุ่นทางการเมืองมากกว่า
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์จะรอดจากประเด็นการดำรงตำแหน่งนายกฯ เกิน 8 ปีหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร หากวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ได้ก็รอด แต่หากวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไม่ได้ก็ต้องไป หลังจากนั้นจะเป็นข้อครหาระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเป็นผู้พิพากษา ซึ่งสถานการณ์มันคุกรุ่นแบบนี้บางทีประชาชนก็ทนไม่ได้
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ที่ชอบเรื่องโหราศาสตร์ ได้ทำนายดวงการเมืองและรัฐบาลในปีหน้า 2565 รัฐบาลอาจไปไม่รอด เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยบอกตอนหนึ่งว่า ปีหน้าเป็นปีเสือ ท่านว่าเป็นทั้งเสือหิวและเสือซุ่ม พร้อมที่จะมีเรื่องอยู่ตลอดเวลา 28 ก.พ. 65 ดาวเกตุทับดวงเมืองถึง 18 เม.ย.65 ดาวเสาร์ยังอยู่ในเรือนกัมมะ ดาวราหูอยู่ในเรือนกดุมภะ แต่ดาวพฤหัสยังเข้มแข็งอยู่ในเรือนลาภะ รวมทั้งดาวศุกร์ก็ยังอยู่ในเรือนลาภะเช่นกัน นั่นหมายความว่า ช่วงต้นปีถึงกลางปีบ้านเมืองยังมีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายสลับสับเปลี่ยนกันไป ไม่สงบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดสักที การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสถานการณ์ต่างๆ ในบ้านเมืองยังมีอยู่ตลอดเวลา ที่มองดูว่าทำท่าจะสงบ ไม่ว่าจะเรื่องโรคภัยไข้เจ็บหรือการชุมนุมประท้วงและการเมือง ไปๆมาๆ เดี๋ยวมันก็โผล่ขึ้นมาอีก บ้างก็แรง บ้างก็เบา แต่ช่วงกลางๆ ปีจะแรงและทะลุทะลวงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมดาวเสาร์และดาวราหูเป็นอุปสรรคชนักอย่างสำคัญที่ทำให้รัฐบาลคลอนแคลน ทั้งเรื่องปัญหาภายในของรัฐบาลเอง มีทั้งเสือหิวและเสือซุ่มที่รุมเร้าพร้อมที่จะลุกขึ้นมาขย้ำ เมื่อเพลี่ยงพล้ำก็จะบดขยี้ ตามดวงดาวก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก พวกกันเองทั้งนั้น ที่ซุ่มๆ อยู่ และเรื่องนโยบายที่กำหนดทั้งการเกษตรและการเงินก็ไม่บรรลุผลตามที่วางไว้
“มันเหมือนมวยยกสุดท้าย ทั้งเมาหมัดและเป๋ไปเป๋มา จะประคองตัวรอดหรือไม่ หรือจะโดนน็อกในยกสุดท้าย ทั้งดาวราหูและมฤตยูก็ยังรุมขย้ำซ้ำกันอยู่ ทับดวงเมือง กว่าจะออกก็ 7 ก.ค.นู่น ว่าตามดวงรัฐบาลนี้มีดาวพฤหัสฯ เป็นลาภะ ทำท่าจะไปๆ หรือจะโดนน็อก ก็มีดาวพฤหัสบดีดวงใหญ่ดวงโตนี่แหละเข้ามาคุ้มไว้ แต่ก็คอยดูก็แล้วกัน มีดาวร้ายอีกหลายดวง ทั้งเสือหิวเสือซุ่มที่จะรุมกันขย้ำ รอดหรือไม่รอด จะจอดหรือแจวก็กลางปีโน่น อุบัติเหตุทางการเมืองพร้อมที่จะเกิดได้ทุกเมื่อถ้าเสือขยับ ดวงดาวท่านว่าอย่างนี้" นายวันชัยบอกไว้
ครป.ตั้ง 10 ข้อหาฉกรรจ์บิ๊กตู่
ด้านคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) จัดแถลงข่าวสาธารณะ "สรุปวิกฤตการเมืองที่ผ่านมา มองอนาคตการเมืองไทยไปอย่างไรต่อปีหน้า" ที่โรงแรมมณเทียรริเวอร์ไซด์ โดยนายบุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ ประธาน ครป. แถลงว่า 10 จุดบอด พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถบริหารประเทศได้คือ 1.ล้มเหลวในการปฏิรูปตำรวจ 2. ความล้มเหลวในการปฏิรูปประเทศ 3.ล้มเหลวในการปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ 4.ล้มเหลวในการยึดหลักการสิทธิมนุษยชน 5.ล้มเหลวในกิจการต่างประเทศ 6.ล้มเหลวในการคุ้มครองสิทธิของประชาชน 7.ล้มเหลวในการสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ของสังคม 8.ล้มเหลวในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ 9.ล้มเหลวในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ และ 10.ล้มเหลวในการสร้างธรรมาภิบาล
"10 ประการดังที่กล่าวมานี้ แสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ขาดคุณสมบัติ ขาดวิสัยทัศน์ ขาดจริยธรรม ขาดเจตจำนงทางการเมือง ขาดความสามารถ และขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไป" นายบุญแทนกล่าว
นายสมชาย หอมลออ ที่ปรึกษา ครป.กล่าวว่า ขอยกย่องแกนนำราษฎร เยาวชนคนหนุ่มสาวที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง กลไกที่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ 60 สร้างปัญหาให้ประเทศไทย รู้สึกเป็นห่วงว่าทุกสถาบันกำลังเสื่อมถอย เสื่อมศรัทธา อาจเกิดภาวะล้มละลายได้ และอาจเกิดความรุนแรงทางสังคมในอนาคตปัญหาเกิดจากการผูกขาดอำนาจ ซึ่งคนรุ่นตนพูดถึงนายทุน ขุนศึก ศักดินา และวันนี้ก็มีการพูดถึงกันอีกครั้งอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นโจทย์เก่าการเมืองไทยที่ยังดำรงอยู่ กลุ่มทุน ขุนศึก ศักดินา จะไม่สามารถปิดกั้นหยุดยั้งการเติบโตของประชาชนและประชาธิปไตยได้อีกต่อไป แม้ว่าวันนี้จะมีการออกกฎหมายควบคุมประชาชนต่างๆ มากมาย ในอนาคตปีหน้า มีโอกาสอย่างสูงที่จะเกิดวิกฤตทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเกิดจากวิกฤตศรัทธาในปีนี้ต่อสถาบันต่างๆ ทางสังคม จะเกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญอย่างรุนแรงในปี 2565 ไม่ว่าจะมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ในปี 2565 หรือไม่ก็ตาม ขอให้ประชาชนร่วมกันติดตามกลโกงของผู้มีอำนาจจากนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นการยุบพรรคหรือการกลั่นแกล้งทางการเมือง หรือการล้มทั้งกระดาน ซึ่งกำลังจะมีการปั่นกระแสความขัดแย้ง สร้างบรรยากาศของขั้วข้างทางการเมืองเพื่อสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
สั่งประหารชีวิต ‘แอม ไซยาไนด์’ คุกผัวเก่า-ทนาย
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์" วางยาฆ่าก้อย พร้อมชดใช้ 2.3 ล้าน