บี้ฟันม.112‘ตะวัน’ คปท.ชงถอนประกันตัว บุ้งประกาศบริจาคร่าง!

“สนธิญา” ร้อง ผบช.น.ตรวจสอบ “ตะวัน" ป่วนขบวนเสด็จฯ ผิด ม.112 หรือไม่ จี้ "พิธา" ในฐานะนายประกันตอบรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่  "แทนคุณ" พร้อมกลุ่มสีดาจะไม่ทน ยื่นหนังสือรอง ปธ.สภาฯ สอบจริยธรรม "สส.พิธา" คปท.บี้ ผบ.ตร.ชงศาลถอนประกันแก๊ง 3 นิ้ว "บุ้ง ทะลุวัง" ทำหนังสือบริจาคร่างกายหลังอดอาหารประท้วง ศูนย์ทนายฯ เล็ง 14 ก.พ. ยื่นประกันผู้ต้องหาคดี 112 ครั้งใหญ่

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล วันที่ 9 ก.พ. นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร เดินทางมายื่นหนังสือขอให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. แต่งตั้งคณะทํางานตรวจสอบและพิจารณาการกระทําของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน ทะลุวัง ผู้ต้องหาคดี 112 หนึ่งในแกนนำกลุ่มทะลุวัง กรณีแสดงพฤติกรรมก่อกวนขบวนเสด็จฯ ด้วยการบีบแตรรถยนต์ลากยาวเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา เข้าข่ายคุกคามอาฆาตมาดร้ายตามมาตรา 112 และ 113 หรือไม่ รวมถึงขอให้มีการพิจารณาและวินิจฉัยให้เจ้าหน้าที่ตํารวจที่เกี่ยวข้องประสานไปยังศาลยุติธรรมว่าการกระทําดังกล่าวผิดเงื่อนไขการให้ประกันตัวด้วยหรือไม่ เพื่อนําไปสู่การเพิกถอนการประกันตัว

นายสนธิญากล่าวว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ น.ส.ทานตะวันแสดงพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งส่วนตัวมองว่าตะวันมีความเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล เนื่องจากก่อนหน้านี้นายพิธาได้ให้การช่วยเหลือทางคดีด้วยการเป็นนายประกันให้ รวมถึงยังเคยไปให้กําลังตอนแบม-ตะวันอดข้าวอดนํ้าประท้วงอีกด้วย

"นายพิธาต้องตอบให้ได้ว่ารู้เห็นกับการที่ตะวันแสดงพฤติกรรมก่อกวนขบวนเสด็จฯ หรือไม่" นายสนธิญากล่าว

นอกจากนี้ นายสนธิญาได้เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามฝ่ายทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นเรื่องเพิ่มเติมต่อ ป.ป.ช.นำเอกสารหลักฐานคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2564 และวันที่ 31 ม.ค.2567 เป็นคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อขอให้ตรวจสอบจริยธรรมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ที่เข้าชื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

นายสนธิญาเปิดเผยว่า พฤติกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นพฤติกรรมต่อเนื่องตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ ตั้งแต่ปี 2561-2567 แต่การยื่นญัตติเข้าที่ประชุมสภาให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ก็ถือว่ายังเป็นพฤติกรรมที่ยังคงกระทำสืบเนื่องกันเรื่อยมา จึงมองว่าเป็นพฤติกรรมตามอุดมการณ์ที่ร้ายแรง จึงเดินทางมายื่นเอกสารถึง ป.ป.ช.ในเรื่องที่ น.ส.ทานตะวันขัดขวางขบวนเสด็จฯ ก็เป็น 1 ใน 8 ประเด็น ที่นำมายื่นแสดงให้เห็นว่ากลุ่มบุคคลนี้ยังมีพฤติกรรมคุกคาม และเป็นเหมือนขบวนการที่กระทำกันอย่างต่อเนื่อง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย และยังมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเครือข่าย สส.ทั้ง 44 คนของพรรคก้าวไกล เพราะอดีตที่ผ่านมา ที่นายพิธาได้เข้าช่วยเหลือทางด้านคดีความและประกันตัวกลุ่มบุคคลเหล่านี้ในชั้นศาล" นายสนธิญากล่าว

ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์, นายนิยม นพรัตน์ หรือเค สามถุยส์, นางกัลยาณี จูปรางค์ หรือป้าอยุธยา กลุ่มสีดาจะไม่ทน, นายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูร ในฐานะแนวร่วมเพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร' เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เพื่อสอบจริยธรรมที่มีความร้ายแรงของนายพิธา กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายประกัน และผู้กำกับดูแล น.ส.ทานตะวัน ในการกระทำอันเป็นการแสดงพฤติกรรมมิบังควรต่อขบวนเสด็จฯ 504 การให้สัมภาษณ์ให้ร้ายประเทศไทย และการพูดโกหก

นายแทนคุณกล่าวว่า นายพิธาได้แถลงต่อศาลอาญาในการรับเป็นนายประกันให้ น.ส.ทานตะวัน จะทำหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแล เพื่อให้ปฏิบัติตนตามเงื่อนไขของศาล และจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่ตามที่กฎหมายรับรองไว้ บัดนี้พบว่า น.ส.ทานตะวันกระทำอันเป็นการแสดงพฤติกรรมมิบังควรต่อขบวนเสด็จฯ 504 โดยการพยายามขับรถยนต์ด้วยความเร็ว เพื่อไปให้ทันขบวนเสด็จฯ  จนตำรวจต้องสกัดกั้น มิให้แทรกเบียดเข้าไปในขบวน อันอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ รวมทั้งการแสดงกิริยาก้าวร้าว มีพฤติการณ์ไม่สมควร ในการบีบแตรรถเสียงดังยาวนาน การตำหนิมีปากเสียง และต่อว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งล้วนแต่เป็นพฤติการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้คนไทยทุกหมู่เหล่า

"การกระทำดังกล่าวข้างต้นเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายและจริยธรรม รวมทั้งพฤติการณ์ที่ชอบพูดโกหกซ้ำซาก และการสัมภาษณ์ในลักษณะให้ร้ายประเทศของนายพิธาหลายเรื่องที่กระทบต่อศีลธรรม และภาพลักษณ์อันดีของสภาผู้แทนราษฎร เช่น การให้สัมภาษณ์หลังศาลรัฐธรรมบูญมีคำวินิจฉัยต่อสื่อต่างประเทศ การกลับมางานศพพ่อไม่ทัน การติดสติกเกอร์ช่องยกเลิก ม.112 การวาดภาพลอกเลียนแบบงานของโมเนต์ เป็นต้น รวมทั้งการนำเด็กเยาวชนขึ้นเวทีปราศรัย ในลักษณะมีข้อความเกลียดชังอีกด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแบบอย่างที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชน และประชาชนทั่วไป" นายแทนคุณกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายพิเชษฐ์ไม่ได้ลงมารับหนังสือจากแนวร่วมเพจ 'วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร' ทางแนวร่วมฯ จึงต้องไปยื่นหนังสือผ่านระบบสารบรรณสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

จี้ ผบ.ตร.ยื่นถอนประกันตะวัน

ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดยนายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่ม ศปปส. นำมวลชนหลายสิบคนเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ท้วงติงการถวายอารักขาขบวนเสด็จฯ ไม่มีความปลอดภัย

นายอานนท์กล่าวว่า การที่ตำรวจไม่สามารถดูแลขบวนเสด็จฯ ให้มีความปลอดภัยได้ ผบ.ตร.ต้องออกมารับผิดชอบกับกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น อย่าปล่อยให้ประชาชนต้องออกมาปกป้องสถาบันเพียงลำพัง รวมทั้งอยาก

ให้ตำรวจและผู้มีอำนาจออกมาเรียกร้องให้ศาลเพิกถอนการประกันตัวของน.ส.ทานตะวันอีกทางหนึ่ง

จี้สอบจริยธรรม 'พิธา' นายประกันตะวัน

นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มบุคคลที่ไปขัดขวางขบวนเสด็จฯ ว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่มีความเหมาะสมทั้งกาละเทศะ รวมทั้งเป็นการละเมิดและย่ำยีจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งตนก็ยอมไม่ได้ ดังนั้นจึงขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย และขอให้ขยายผลถึงผู้อยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนให้กลุ่มคนเหล่านี้เคลื่อนไหว เพราะถือเป็นการกระทบต่อจิตใจและความรู้สึกของประชาชนทั้งประเทศด้วย

"การที่เกิดกรณีขัดขวางขบวนเสด็จฯ ทั้งๆ ที่ไม่มีการกั้นขบวน เพื่อให้รถปกติสัญจรไปมาได้นั้น ถือเป็นการกระทำที่ขัดกับหลักความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนและหลักการประชาธิปไตยอันเป็นสิ่งที่กลุ่มคนเหล่านี้ยึดถือในการเคลื่อนไหว เพราะผมจำได้ว่ากลุ่มดังกล่าวได้เคลื่อนไหวในประเด็นนี้ โดยอ้างว่าเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน แต่ในเมื่อมีการปรับวิธีการในการเสด็จฯ โดยทำให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุดนั้น คนกลุ่มนี้ก็ยังไม่พอใจ ฉะนั้นบุคคลที่เคลื่อนไหวกระทบต่อสถาบันฯ อย่างร้ายแรงนั้น ไม่สมควรที่จะได้การนิรโทษกรรม เพราะเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมและความรู้สึกของประชาชนทั่วไปด้วย" รองหัวหน้าพรรค ปชป.รายนี้ระบุ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงการป่วนขบวนเสด็จฯ ตอนหนึ่งระบุว่าว่า ส่วนตัวเห็นว่าปัญหาหรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากสาเหตุหลายประการ คือ 1.เป็นความอีโก้ส่วนตัวของเด็ก 2.เป็นเด็กหัวดื้อ ขวางโลก ทำตัวโดดเด่น 3.เป็นเด็กมองโลกในแง่ร้าย ไม่ยอมรับสภาพความเป็นจริงของสังคมไทย 4.ขาดการอบรมดูแลจากครอบครัว 5.การศึกษาในโรงเรียนไม่สามารถกล่อมเกลานิสัย ให้เป็นพลเมืองดีได้ 6.อยากสร้างจุดเด่น อยากเป็นฮีโร่ ให้เป็นที่ยอมรับในหมู่เด็กรุ่นใหม่ 7.เป็นเด็กที่มีปมด้อย มีปัญหาทางครอบครัว มีปัญหาทางจิตใจ

8.เป็นเด็กที่เสพสื่อโซเชียลเป็นหลัก ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่ถือปฏิบัติของคนในชาติ 9.เป็นเด็กที่ไม่เคารพกฎหมาย ไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น ยึดความคิดตัวเองเป็นใหญ่ 10.เป็นเด็กก้าวร้าว เชื่อมั่นในตัวเองสูง เชื่อในตำราทฤษฎีที่เรียนมากกว่า สภาพความเป็นจริงของสังคม 11.ไม่รู้จักกาลเทศะ ว่าอะไรควรหรือไม่ควร มีความเหมาะสมหรือไม่ 12.หัวหมอ ทำตัวเป็นกบฏต่อกฎเกณฑ์ ท้าท้ายอำนาจรัฐ และต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ฯลฯ ยังมีเหตุผลอื่นๆ อีกมากมาย ที่ผมไม่สามารถบรรยายออกมาได้หมด

ด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การแต้ม อดีตรอง ผบช.น. กล่าวผ่าน TikToK@vichai_tam ถึงกรณีการบีบแตรและขับรถไล่ขบวนเสด็จฯ ว่า ผมจะบอกเลยว่าการกระทำของคุณนั้น มีความผิดทางกฎหมาย และที่สำคัญที่สุด เด็ก...คนนี้กระทำความผิดต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชน ...ไม่มีคุณค่าอะไรเลยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยากจะบอกว่า จงสังวร แล้วบอกพวกที่สนับสนุนว่าจงสังวรเช่นเดียวกัน เลิกซะ ถ้าไม่เลิกจะได้พบกับภัยพิบัติ

เล็งยื่นประกันคดี 112 ล็อตใหญ่

วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก "ทะลุวัง-ThaluWang" โพสต์ภาพเอกสาร 2 ฉบับ ได้แก่ หนังสือแสดงเจตนาขอบริจาคร่างกาย และหนังสือเจตนาไม่ประสงค์จะขอรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียง เพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย ลงลายมือชื่อ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง แกนนำกลุ่มทะลุวัง

"ข้าพเจ้านางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หนังสือฉบับนี้ทำขึ้นเพื่อแสดงเจตนาของข้าพเจ้า ซึ่งถูกคุมขังอยู่ตามหมายขังของศาลอาญากรุงเทพใต้ และขณะนี้กำลังทำการอดอาหารและน้ำเพื่อประท้วงกระบวนการยุติธรรม และเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบตุลาการและกระบวนการยุติธรรมของไทย ข้าพเจ้าขอแสดงเจตนาต้องการบริจาคร่างกายของตนภายหลังจากที่ตายแล้ว โดยขออุทิศร่างนี้ให้กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อการศึกษาและวิจัย เพื่อนำร่างของข้าพเจ้าไปใช้ทำประโยชน์ เป็นการเผยแพร่ความรู้ถึงสภาวะที่จะเกิดขึ้นกับ ร่างกายของมนุษย์เมื่อเกิดการอดอาหารขึ้น" เอกสารดังกล่าวระบุ

ที่บริเวณหน้าป้ายศาลอาญา ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน เดินทางไปยื่นประกันตัวผู้ต้องขังคดีการเมืองชุดใหญ่ พร้อมแถลงข่าวเน้นย้ำหลักการว่าผู้ต้องหาบริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด โดยตัวแทนศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน นำโดยน.ส.คุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ ทนายความจากศูนย์เพื่อสิทธิมนุษยชน ตัวแทนศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และ ดร.เบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว นักวิชาการด้านสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน ร่วมกันยืนแถลงหน้าป้ายศาลาอาญา โดยมีการถือป้ายผ้าแคมเปญนิรโทษกรรมประชาชน และโปสเตอร์ข้อมูลผู้ต้องหาคดีทางการเมือง ที่ต้องการเรียกร้องสิทธิประกันตัวจำนวนมาก

น.ส.คุ้มเกล้ากล่าวว่า จำนวนของผู้ที่ไม่ได้รับการประกันตัวในระหว่างต่อสู้คดี มีผู้ที่ถูกคุมขังจากคดีตามมาตรา 112 จำนวน 14 คน และมีเยาวชน 2 คน ถูกคุมขังในข้อหานี้ เพราะกำหนดมาตรการพิเศษแทนการมีคำพิพากษา ส่วนในคดีครอบครองวัตถุระเบิดหรือเผารถตำรวจ มีผู้ไม่ได้ประกันตัวรวม 9 คน ดังนั้นประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากคดีทางการเมือง นักศึกษา และภาคประชาสังคม ได้รวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายนิรโทษกรรม จัดทำร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนและจัดให้มีการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย โดยมีกิจกรรมรณรงค์ต่อเนื่องในช่วงวันที่ 1-14 ก.พ. 2567 เพื่อให้รัฐยุติการดำเนินคดีจากการชุมนุมและแสดงออกทางการเมือง

"ตั้งแต่เมื่อวานและวันนี้ ทนายความพร้อมนายประกันจากกองทุนราษฎร ประสงค์จะเข้ายื่นประกันตัวผู้ต้องขังที่แจ้งความประสงค์ ขอใช้สิทธิประกันตัวทั้งหมด 15 ราย ได้แก่ ถิรนัย, ชัยพรประวิตร, มงคล, ขจรศักดิ์, คเชนทร์, แม็กกี้, ไพฑูรย์, สุขสันต์, ธนายุทธ,วีรภาพ, อุดม, กัลยา, จิวัฒน์ และทีปกร โดยใช้เงินจากกองทุนราษฎรประสงค์ ซึ่งเป็นเงินบริจาคของประชาชน ในการวางหลักประกันต่อศาล โดยจะมีวัตถุประสงค์ขอยื่นประกันตัวในวันที่ 14 ก.พ.2567 เนื่องจากเป็นวันเดียวกับการฟังคำพิพากษาในคดีของตัวเอง และอานนท์ นำภา ได้แจ้งความประสงค์ว่าจะยื่นประกันตัวเองพร้อมกับยื่นอุทธรณ์ในวันที่ 14 ก.พ.2567 เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นการยื่นอุทธรณ์ในคดีที่สืบเนื่องมาจากการปราศรัยในการชุมนุม 14 ต.ค. 2563" น.ส.คุ้มเกล้ากล่าว

ต่อมา น.ส.คุ้มเกล้าให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเก็ท โสภณ อ้างว่าถูกข่มขู่ในเรือนจำว่า ทนายความได้รับเรื่องและกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเรือนจำ ต้องยอมรับว่าเมื่อเกิดขึ้นในพื้นที่ปิด สิ่งสำคัญคือข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ซึ่งทนายความเร่งดำเนินการหาหลักฐานต่างๆ เพื่อที่จะคุ้มครองสิทธิในเรือนจำให้ได้มากที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง