“ธรรมนัส" ควง "ไชยา” สยบความขัดแย้งตรวจพื้นที่ไฟไหม้ "ไชยา" ใช้พื้นที่กรมชลฯ เป็นที่ทำงานชั่วคราว วอนอย่าเอาการเมืองมาเกี่ยวข้องและกดดัน "บิ๊กเต่า" แย้มออกหมายจับเพิ่มอีก 1 ราย คดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าวภายใน 7-8 ก.พ.นี้ ออกหมายเรียกพยานแล้วกว่าสิบปาก ยันหลักฐานเพียงพอไม่จำเป็นต้องเผาทำลาย “อัจฉริยะ” นำ 2 รายชื่อ ขรก.กรมการข้าว-ฝนหลวงฯ ชงข้อมูลให้ "เอก ปากน้ำ" ใช้ตบทรัพย์
ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยว่า หลังการประชุมงบประมาณที่กรมชลประทาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว. เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายไชยา พรหมา รมช. เกษตรและสหกรณ์ เข้าตรวจพื้นที่จุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยได้รับการอนุญาตจากกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อเข้าไปเก็บของและสำรวจความเสียหาย ตลอดจนดูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเพื่อวางแผนปรับปรุง หลังจากที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายเสร็จสิ้นแล้ว
โดยเบื้องต้นพบว่าบริเวณห้องครัวได้รับความเสียหายหนักสุด และคาดว่าน่าจะเป็นจุดต้นเพลิง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก และยังมีร่องรอยการเผาไหม้ที่เกิดขึ้น สันนิษฐานว่าต้นเพลิงจากห้องครัวทำให้เปลวไฟลุกลามติดผ้าม่าน วอลเปเปอร์ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เปลวไฟทวีความรุนแรงและได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัสได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าสำรวจความเสียหายของพื้นที่ทันที และวางแผนปรับปรุงห้องใหม่ทั้งโซน ซ่อมแซมทั้งโครงสร้าง พื้นเพดานใหม่ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย และให้ใช้พื้นที่ "กรมชลประทาน" เป็นที่ทำงานชั่วคราวของนายไชยาระหว่างการปรับปรุง
ขณะที่นายไชยากล่าวว่า สิ่งของภายในห้องทำงานของตนไม่ได้รับความเสียหาย ทุกอย่างอยู่ครบตามปกติ มีเพียงแค่พื้นชุ่มฉ่ำเปียกน้ำ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ใช้น้ำฉีดสกัดเพลิงตอนเกิดเหตุ จึงกลายเป็นน้ำท่วมขังอยู่ในห้อง วันนี้ตนมาดูห้องจึงได้นำของที่สำคัญและเอกสารในการทำงานออกมา เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อในพื้นที่ทำงานชั่วคราวที่กรมชลประทาน และยืนยันว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ ยังคงเดินหน้าทำงานต่อตามปกติ
ส่วนกรณีที่ สส.พรรคก้าวไกลเรียกร้องให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด โฆษกกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า อยู่ในดุลพินิจของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งได้รวบรวมเอกสารข้อมูลไว้หมดแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ตามประจักษ์พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ขอเน้นย้ำไม่ควรเอาประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความสับสนหรือการสร้างภาวะความกดดันใดๆ แก่ผู้ปฏิบัติงานตามกฎหมาย
ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เรียกประชุมทีมสืบสวนสอบสวนในคดีเรียกรับผลประโยชน์อธิบดีกรมการข้าว ติดตามความคืบหน้าของคดีหลังจากออกหมายจับและสามารถจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญไปแล้ว 4ราย คือ นายศรีสุวรรณ, นายยศวริศ, นางสาวพิมณัฏฐา และนายเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญ และผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวออกไป
พล.ต.ต.จรูญเกียรติเปิดเผยว่า จากการประชุมน่าจะประมาณวันที่ 7-8 ก.พ.นี้ น่าจะออกหมายจับเพิ่มเติมได้ อย่างน้อย 1 คน เป็นคนในกลุ่มนี้ที่มีพฤติการณ์ร่วมกัน ขณะนี้ตำรวจได้ออกหมายเรียกพยานไปแล้วจำนวนมาก เกินกว่า 10 ปาก ทั้งพลเรือนและข้าราชการ มีทั้งในกรมการข้าวและพยานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะเคสนี้มีหลายกรณีที่จะต้องนำหลักฐานเข้าสำนวนการสอบสวน ส่วนบัญชีม้ามีข้อมูลว่าสมัครใจที่จะเข้ามา ส่วนจะอยู่ในรูปผู้ต้องหาหรือพยานขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการก่อน ทั้งนี้ยังไม่ต้องมีการสอบภรรยาผู้ต้องหา เพราะเป็นเรื่องของพยานหลักฐาน และคดียังไม่จบยังต้องมีการสอบปากคำอีกหลายปาก
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวต่อว่า ส่วนการให้การของผู้ต้องหาที่ให้ไปทำคำชี้แจงภายใน 15 วันนั้น ขณะนี้ก็ยังไม่มีการทำคำชี้แจงกลับมาให้พนักงานสอบสวน ส่วนวงอื่นที่มีความเสียหาย 90-100 ล้านนั้น ก็มีผู้เสียหายเข้ามาหลายรายและยืนยันว่าจะเดินทางมา แต่ก็ยังไม่มีใครเข้ามาให้ปากคำ ซึ่งในส่วนผู้เสียหายก็อยากให้เข้ามาแจ้งความ แต่ก็ไม่ได้บังคับ เพราะถ้ามาก็จะทำให้เปิดคดีของวงใหม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีไฟไหม้ชั้น 2 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุว่า ยังไม่มีความเกี่ยวโยงกัน แต่วงอื่นนั้นตนยังไม่ทราบ ตำรวจทำไปตามพยานหลักฐาน และอะไรที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงก็พยายามเจาะข้อมูลไป
"หลักฐานเบื้องต้นมีเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องเผาทำลายให้หายไป และเชื่อว่ามีพยานหลักฐานเก็บในที่อื่น ส่วนจะมีเจตนาเผาทำลายหรือเป็นอุบัติเหตุให้พิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบก่อน" พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว และยืนยันว่าคดีนี้ยังไม่มีใครโทร.เข้ามาขอเคลียร์ สบายใจได้
สำหรับกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้นำข้อมูลของข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ 2 คน ที่พบว่าเป็นคนให้ข้อมูลของกรมการข้าวแก่นายเอกลักษณ์นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ตนยังไม่เห็นหลักฐานแต่ได้พูดคุยกัน ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเพราะเป็นพยานแวดล้อม โดยจะนำหลักฐานไปเข้าสำนวน ว่าแก๊งนี้มีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดอย่างไร เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และเท่าที่ฟังมีแผนประทุษกรรมใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะได้นำรายชื่อข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ 2 รายมามอบให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ โดยทั้ง 2 คนให้ข้อมูลการทุจริตโครงการต่างๆ ในกรมการข้าวและกรมฝนหลวงและการบินเกษตรแก่นายเอกลักษณ์ วารีชล หรืออาจารย์เอก ปากน้ำ ผู้ร่วมขบวนการรีดทรัพย์กับนายศรีสุวรรณ โดยคนแรกเป็นเพื่อนสนิทของอาจารย์เอก มีชื่อเล่นว่าโอ เป็นข้าราชการระดับสูงของกรมการข้าว อยู่ระหว่างถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ไม่ขอระบุว่าถูกตรวจสอบเรื่องอะไร ซึ่งตนมีหลักฐานว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอาจารย์เอกในการให้ข้อมูลเรื่องการทุจริตภายในกรมการข้าว
อีกรายหนึ่งคือ นาย ก. เป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯ อยู่เบื้องหลังรัฐมนตรีรายหนึ่งของกระทรวงเกษตรฯ แต่ไม่ใช่นายธรรมนัส ทำหน้าที่ชงข้อมูลกรมฝนหลวงฯ ให้ขบวนการดังกล่าวนำไปร้องเรียนที่คณะกรรมาธิการต่างๆ โดยต้องการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติเชิญทั้งสองคนมาให้ข้อมูลในฐานะพยาน และเชื่อว่าทั้ง 2 คนจะยินดีให้ความร่วมมือ แต่ทั้งคู่จะมีส่วนร่วมในขบวนการดังกล่าวหรือไม่ ไม่ขอก้าวล่วง
ที่รัฐสภา นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ในฐานะที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการมีข้อกังวลถึงเอกสารที่ถูกไฟไหม้ในกระทรวงเกษตรฯ ว่า ฝากไปถึง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในการขอดูกล้องวงจรปิดว่ามีใครเข้าไปในบริเวณนั้นหรือไม่ โดยปกติพื้นที่เก็บเอกสารต้องผ่านระบบรักษาความปลอดภัยก่อน แต่ถ้าเอกสารที่ถูกไฟไหม้ไม่ได้มีความสำคัญก็คงไม่มีปัญหา และเรียกร้องให้เปิดสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง เพราะในหน่วยงานราชการต้องมีระบบดับเพลิงอัตโนมัติ ความเสียหายมีผลต่อกรมฝนหลวงฯ ที่จะต้องเข้ามาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการในวันที่ 15 ก.พ.นี้ อธิบดีกรมฝนหลวงฯ ได้ตอบรับแล้วว่าจะมาชี้แจงเช่นเดียวกับอธิบดีกรมการข้าว
"หวังว่าคงไม่โชคดีถึงขั้นไฟไหม้เอกสารสำคัญที่เกี่ยวกับการต้องเข้ามาชี้แจง หากถูกไฟไหม้จริงคงต้องไปไล่บี้เอาว่าเหตุใดจึงเกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือเหตุการณ์เป็นเช่นใดกันแน่ต้องมีคำตอบให้ประชาชน" นายกรุณพลกล่าว
ถามว่า กังวลหรือไม่ว่าการตรวจสอบไฟไหม้ครั้งนี้ จะเชื่อมโยงกับกรมการข้าวและกรมฝนหลวงฯ นายกรุณพล กล่าวว่า ไม่หนักใจเพราะมีเอกสารในมือ ซึ่งมีลายเซ็นคำสั่งของอธิบดี รองอธิบดี และเอกสารรายรับรายจ่าย ซึ่งเชื่อว่าแม้ไม่มีเอกสารใดๆ ถ้าอธิบดีไม่ได้มีปัญหาเรื่องความจำสั้น ก็น่าจะตอบข้อชี้แจงได้ชัดเจน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตั้งกก.สอบผกก.บางซื่อ ทนายปาเกียวเล็งทิ้งตั้ม
“ดีเอสไอ” เตรียมสรุปสำนวนคดี 18 บอสดิไอคอนเสนออัยการคดีพิเศษภายใน 20 ธ.ค.นี้
นิกรหักเพื่อไทย เตือนส่อผิดกม. ให้กมธ.ตีความ
“นิกร” หักข้อเสนอ “ชูศักดิ์” เลยช่วงเวลาแปลงร่างประชามติเป็นกฎหมายการเงินแล้ว
‘สนธิ’ลั่นการเมืองใกล้สุกงอม!
“อุ๊งอิ๊ง” เมินปม กกต.สอบครอบงำต่อ เด็ก พท.ยันเป็นการดำเนินการตามปกติ
จ่อส่งคดีหมอบุญให้DSI
ตร.สอบปากคำอดีตภรรยา-ลูกสาว “หมอบุญ” เพิ่มเติม
ทักษิณรอดคลุมปี๊บ! ส้มเหลวปักธงอุดรธานี ‘คนคอน’ตบหน้า‘ปชป.’
เลือกตั้ง อบจ. 3 จังหวัด “เพชรบุรี-อุดรธานี-นครศรีธรรมราช” ราบรื่น
‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ
“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป