‘สหายอ้วน’ลั่น อย่ากังวลมาก! ตั้ง9อนุกมธ.งบ

“ภูมิธรรม” ลั่นตั้งอนุ กมธ.งบฯ เป็นไปตามกฎหมาย อย่ากังวลเกินไป หวังเป็นการนำร่องจัดการงบประมาณแบบใหม่ หากได้ผลลัพธ์ดีจะเดินหน้าในปีต่อไป “เจ๊ไหม” ยังไม่เชื่อสนิททำให้งานเดินเร็วขึ้น แต่ข้อดีจะเป็นสารตั้งต้นนำไปสู่วาระสองและกฐินอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2567 ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน กมธ. มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการใน กมธ.งบประมาณปี 2567 จำนวน 9 คณะ ชุดละ 10 คน

โดยนายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นไปตามกฎหมาย และวันนี้ได้ให้อนุกรรมการต่างๆ เริ่มประชุม พร้อมขอให้คณะอนุฯ เข้าประชุม กมธ.งบฯ ชุดใหญ่ด้วย โดยการพิจารณางบนั้นควรเป็นกรอบเดียว และหาข้อสรุปร่วมกัน และได้บอกกับสมาชิกว่าเราไม่ได้ทำงานให้พรรคทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล แต่ทำงานเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ  เพื่อจะได้ร่วมมือกันทำงานด้วยดี แต่ยอมรับว่ามีความเห็นที่แตกต่าง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาในการทำงาน เพราะระบอบประชาธิปไตยต้องเคารพความเห็นที่แตกต่าง และทำให้เรามองประเด็นได้รอบด้านมากขึ้น ส่วนหากมีความเห็นที่แตกต่างในที่ประชุม ก็ไม่อยากให้ใช้วิธียกมือเอาความคิดใดเป็นหลัก อยากให้คุยหาข้อสรุป เข้าใจซึ่งกันและกันมากกว่า ให้ยึดเรื่องนี้เป็นแนวทาง

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า เรามีการเชิญข้าราชการกระทรวงและกรมต่างๆ มา ซึ่งล้วนมีความอาวุโสและมีประสบการณ์ ดังนั้นคำถามต่างๆ ต้องสั้น กระชับ และได้ใจความ ตรงประเด็น  รวมถึงให้เกียรติทุกคนในการถามคำถาม เพื่อเข้าถึงข้อมูล สิ่งสำคัญคือเรามีหน้าที่ดำเนินการให้เสร็จเร็วที่สุด เราทำงานกับงบปี 2567 ในภาวะที่ไม่ปกติ จึงอยากให้รีบทำ เพราะรัฐบาลได้ทำโครงสร้างพื้นฐานประกอบคิดไว้แล้ว หากใช้งบส่วนนี้ได้เร็ว ก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชน ส่วนการปรับลดงบประมาณนั้น ได้กำชับให้ดูว่าโครงการที่เสนอมาสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก  และได้ย้ำว่าการพิจารณานั้นต้องเคร่งครัดกับกรอบกฎหมายโดย รัฐธรรมนูญมาตรา 144 ต้องไม่ไปก้าวล่วงหรือเกี่ยวข้อง

“วันนี้เราใช้วิธีการใหม่ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน เดิมเราใช้แบ่งภาพรวม ซึ่งทำให้มีปัญหาว่าหน่วยราชการทำงานหนักต้องวิ่งไปวิ่งมาจนลำบาก จึงใช้วิธีรวมเป็นรายมาตรา ทำให้แต่ละกระทรวงสามารถชี้แจงจบได้ภายใน 1-2 วัน หากได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็จะเป็นแนวทางในอนาคต เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพเร็วที่สุด แต่หากไม่เป็นอย่างที่หวัง ก็พร้อมกลับไปใช้ระบบเดิม” นายภูมิธรรมกล่าว

เมื่อถามถึงกรณีการตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งคณะอนุ กมธ.ตามรายกระทรวงนั้น เป็นการปกป้องงบของกระทรวงตนเอง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ปกป้องไม่ได้ เพราะ กมธ.วิสามัญชุดใหญ่มาจากทุกภาคส่วนทางการเมือง สุดท้ายแม้จะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริง กมธ.ชุดใหญ่ก็ต้องเป็นผู้ตัดสินใจอยู่ดี อย่ากังวลเกินไป ขณะนี้เราดำเนินการมา 17 วัน ภายในกรอบระยะเวลา 105 วัน เราพยายามจะทำให้เสร็จก่อนอย่างน้อย 15 วัน หรืออาจเร็วกว่านั้น หากทุกอย่างเดินไปด้วยดี เพราะหากรีบทำให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด เราจะมีงบประมาณเพื่อไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้เร็วที่สุด

ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ กล่าวเรื่องนี้ว่า ปีนี้เป็นปีที่มีความแตกต่างจากเดิมที่เราพิจารณาแต่ละรายการหรือตามรายการว่าเราซื้ออะไร เช่น อนุฯ ครุภัณฑ์ อนุฯ สิ่งปลูกสร้าง แต่ปีนี้เราเริ่มจากการที่อยากให้ตั้งอนุฯ ตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณไปจนถึงยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเราต้องดูว่ามีความสอดคล้องกันในเชิงยุทธศาสตร์อย่างไร จึงอยากให้พิจารณาในชั้นอนุ กมธ.ตามแผนงานต่างๆ แต่สุดท้ายก็มีการแบ่งตามรายกระทรวง โดยวิธีการแบ่งตอนแรกเราคาดว่าน่าจะแบ่งตามด้าน เช่น ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านความมั่นคง

น.ส.ศิริกัญญากล่าวต่อว่า เมื่อแบ่งออกมาจริงๆ แล้ว ก็ทำให้มีความเข้าใจได้ว่าแบ่งตามพรรคการเมืองที่เป็นเจ้าของกระทรวงนั้นๆ ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า อยากให้ตั้งตามยุทธศาสตร์มากกว่า  แต่เราก็ยังไม่อยากตีตนไปก่อนไข้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจะมีการปกป้องงบประมาณของเจ้ากระทรวงหรือไม่ จึงตั้งข้อสังเกตเอาไว้เพื่อให้อนุ กมธ.ทำงานอย่างระมัดระวัง และไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่เราคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดขึ้นได้”

ถามว่า การตั้งอนุ กมธ.ขึ้นมา 9 คณะตามหลายกระทรวงนั้น เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการพิจารณา น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ในส่วนนี้ไม่มั่นใจเช่นกันว่าจะรวดเร็วสำหรับอนุ กมธ.หรือไม่ เนื่องจากในบางอนุ กมธ.ก็มีงบประมาณจำนวนมาก เช่น กลุ่มปกครองที่ต้องมีการพิจารณาในส่วนของกระทรวงมหาดไทย กลุ่มจังหวัด การปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 4 แสนล้านบาท และมีหน่วยงานที่จะต้องเข้ามาพิจารณาอีกกว่า 400 หน่วย แต่บางกลุ่มมีเพียงแค่กว่า 8 หมื่นล้านบาท สำหรับกลุ่มแรกคือ กลุ่มบริหาร เช่น สำนักงานนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า ต้องกำชับ กมธ.ในสัดส่วนของพรรคฝ่ายค้านหรือไม่ว่าต้องตรวจสอบให้รอบคอบ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เราพยายามเสนอวิธีการมองและวิเคราะห์งบประมาณแบบใหม่ๆ ซึ่งจากเดิมดูแค่ว่าถูกไปหรือแพงไปในแต่ละรายการ แต่เราจะเน้นให้ดูเรื่องของความคุ้มค่า ประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณ ความซ้ำซ้อนเป็นหลัก และในปีนี้เราอาจไม่ได้มีที่ว่างให้ตัดลดงบประมาณอะไรมากมาย เนื่องจากส่วนหนึ่งเป็นงบไปพลางด้วย เราจึงเน้นให้ดูเรื่องของความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณมากกว่า

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกันถึงการป้องกันเรื่องการตบทรัพย์หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ในส่วนของพรรค ก.ก. เราไม่กังวลเรื่องนี้ เพราะเราเชื่อมั่นและเตรียมตัวกันมาอย่างดีว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แต่เราก็จะทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์ว่าหากมีลักษณะที่เข้าข่าย จะรีบดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น

ถามอีกว่า ในการพิจารณาครั้งนี้ พรรค ก.ก.ได้ข้อมูลที่จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ได้เยอะแยะ อย่างน้อยก็ได้ข้อมูลที่จะนำไปสู่การอภิปรายในวาระสองแล้ว ส่วนข้อมูลเบื้องต้นที่จะใช้ในการอภิปรายทั่วไปหรือไม่ไว้วางใจนั้น  ก็เป็นเพียงแค่สารตั้งต้นที่จะทำให้เรานำไปสืบค้นต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเราจะทำงานคู่ขนานกันไปทั้งอนุ กมธ.งบฯ, กมธ.งบฯ และ กมธ.สามัญชุดต่างๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พ่อนายกฯขู่เช็กบิล! พรรคร่วมโดดประชุมครม.-นักร้อง/ขอพระเจ้าอยู่ต่ออีก17ปี

"เพื่อไทย" คึก! 3 นายกฯ ร่วมทีมขึ้นรถไฟสัมมนาพรรคที่หัวหิน "นายกฯ อิ๊งค์" ขอ  สส.ไม่แบ่งขั้ว-อายุ ยอมรับ 3 เดือนโฟกัสงานรัฐบาล

'ภูมิธรรม' ห่วง 4 ลูกเรือไทย สั่งดูแลครอบครัว 'บัวแก้ว' นัดเจรจาเมียนมา 19 ธ.ค.

'ภูมิธรรม' ห่วงลูกเรือคนไทย 4 คน ที่ถูกคุมตัวอยู่จังหวัดเกาะสอง สั่งเร่งประสานช่วยเหลือครอบครัวใกล้ชิด ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ นัดหารือฝ่ายเมียนมา 19 ธ.ค.นี้