นายกฯ หายไข้หวัดใหญ่แล้ว 2 ก.พ.กลับทำงานทำเนียบฯ ลุยงานทั้งวัน "เพื่อไทย-ก้าวไกล" จับมือยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ คลายปมเสียงข้างมาก 2 ชั้น-ปลดล็อก กกต.จัดวันเดียวกับเลือกตั้งได้ "ประธานวิปฝ่ายค้าน” ฟ้อง ปธ.สภาฯ สส.รัฐบาลฮุบห้องหลังบัลลังก์ โพลดัชนีการเมืองไทย ปชช.ให้คะแนน 5.48 เต็ม 10 "พิธา" เรตติ้งยังนำโด่งเหนือ "เศรษฐา"
เมื่อวันที่่ 1 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ซึ่งเป็นวันที่สองที่นายกฯ ลาป่วย ภายหลังจากวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมาได้แจ้งลาป่วย เพื่อพักรักษาอาการป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A อยู่ที่บ้านพักสุขุมวิท 16 โดยมอบหมายภารกิจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่แทน
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่นายกฯ ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และแพทย์รักษาโดยให้ยาต่อเนื่อง 3 วัน และให้พักผ่อนให้เพียงพอ โดยวันที่ 1 ก.พ. นายกฯ รับยาครบ 3 วันตามแพทย์สั่งและพ้นภาวะแพร่เชื้อ จึงจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 2 ก.พ.ทันที ซึ่งมีนัดหมายและประชุมตลอดทั้งวัน
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในช่วงพักรักษาตัวที่บ้าน นายกฯ ยังคงติดตามสถานการณ์และสั่งการต่างๆ เช่น จากกรณีปรากฏภาพถ่ายทางดาวเทียมจุดความร้อนจากการเผาไหม้ในกัมพูชาจำนวนมาก ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับฝ่ายกัมพูชา และในวันที่ 2 ก.พ. รมช.การต่างประเทศจะโทรศัพท์พูดคุยกับนาย Eang Sophalleth รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของกัมพูชา เพื่อเร่งแก้ไขปัญหา PM 2.5 ร่วมกัน นอกจากนี้ นายเศรษฐายังได้ติดตามผลการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายหลังมาตรการยกเว้นวีซ่า
“นายกฯ ยังคงทำงานปกติ แม้ในช่วงที่ป่วย และพักรักษาตัว ทั้งประชุมติดตามสถานการณ์ สั่งการผ่านการประชุมระบบซูม เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาของประชาชนให้ลุล่วงได้โดยรวดเร็ว เพื่อแบ่งเบาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน” นายชัย ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเปิดเผยจากคนใกล้ชิดของนายกฯ ระบุว่า อาการป่วยของนายกฯ เริ่มดีขึ้น ไม่มีอาการไข้ เสียงที่เคยแหบแห้ง รวมถึงอาการอ่อนเพลียดีขึ้นแล้ว
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.00 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังรับร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติ 2 ฉบับคือ ฉบับจากพรรคร่วมรัฐบาล ที่พรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอ และอีกฉบับจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่พรรคก้าวไกลเป็นผู้เสนอ ว่าจะนำร่างทั้ง 2 ฉบับนี้ให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ดำเนินการตามขั้นตอน และบรรจุเป็นระเบียบวาระการประชุมต่อไป ซึ่งน่าจะเสร็จโดยเร็ว เพราะมีเวลาในสมัยประชุมอีกไม่มาก ประมาณ 2 เดือน 10 กว่าวันเท่านั้น
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย 129 คน ร่วมกันลงชื่อ เพื่อขอแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติปี 2564 เนื่องจากกฎหมายฉบับปัจจุบันกำหนดให้การออกเสียงประชามติ เป็นเสียงข้างมาก 2 ชั้น โดยชั้นที่ 1 คือผู้มาใช้สิทธิ์ต้องเป็นเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และชั้นที่ 2 คือผู้ที่มาออกเสียง ต้องเป็นเสียงข้างมากของผู้ใช้สิทธิ์ จึงสุ่มเสี่ยงกรณีหากประชาชนไม่ออกมาใช้สิทธิ์ หรือไม่ประสงค์ใช้สิทธิ์ จะทำให้การออกเสียงประชามติเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต จึงควรแก้ให้เสียงข้างมากควรจะเกินเสียงของผู้ไม่ประสงค์จะใช้สิทธิ์ออกเสียง เพื่อความถูกต้องชอบธรรม
รวมทั้งยังมีอีก 3 ประเด็นที่ควรแก้ไปพร้อมกัน คือเห็นว่าการออกเสียงลงคะแนน ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินราว 3,000 ล้านบาท จึงคิดว่าหากการออกเสียงประจำมติใกล้เคียงกับวันเลือกตั้งทั่วไปหรือวันเลือกตั้งท้องถิ่น น่าจะจัดไปพร้อมกันในวันเดียวได้ เพื่อประหยัดงบประมาณ รวมทั้งควรใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาวิธีการออกเสียงลงมติ นอกจากการไปกาบัตร เช่น การส่งไปรษณีย์ หรือออนไลน์
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ฉบับของพรรคก้าวไกล แก้ไขใน 3 ประเด็น ดังนี้ คือ 1.ทำให้กติกามีความเป็นธรรมมากขึ้น เนื่องจากข้อกังวลของหลักการเสียงข้างมาก 2 ชั้น จึงเปลี่ยนกติกาให้เป็นเสียงเกินกึ่งหนึ่ง 1 ชั้น คือให้เสียงประชาชนผู้เห็นชอบมีเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ์ 2.ปลดล็อกให้ กกต. สามารถจัดประชามติในวันเดียวกันกับการเลือกตั้งอื่นๆ ได้ และยังเป็นประเด็นที่สอดคล้องกับพรรคเพื่อไทย 3.ทำให้ประชามติมีความทันสมัยมากขึ้น ให้ประชาชนออกเสียงประชามติผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ซึ่งแถลงข่าวครั้งนี้เป็นทั้งตัวอย่างและนิมิตหมายที่ดี แม้ว่าทั้งสองพรรคอยู่คนฝั่ง แต่พร้อมร่วมมือกันในประเด็นที่เห็นด้วย
วันเดียวกัน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) หารือว่า ที่่ผ่านมาสภาฯ ชุดที่ 25 จะมีห้องประสานงานวิปรัฐบาลอยู่ทางซ้ายมือสุดหลังบัลลังก์ และห้องประสานงานวิปฝ่ายค้านอยู่ห้องขวามือสุดหลังบัลลังก์ ซึ่งปรากฏว่าขณะนี้ห้องขวามือสุดกลับเป็นของพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง จึงได้หารือไปแล้วว่าให้ประธานสภาฯ ออกคำสั่งให้ห้องซ้ายสุดเป็นห้องวิปรัฐบาลและห้องขวาสุดเป็นห้องวิปฝ่ายค้าน มิเช่นนั้นจะเป็นการให้สิทธิพิเศษกับ สส.หนึ่งคน ที่ต้องการมีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองอยู่หลังบัลลังก์ พร้อมผู้ติดตาม ดังนั้นประธานต้องพูดคุยกันเรื่องนี้ เพราะคือบรรทัดฐานของสภา และเป็นเรื่องของ สส.ทั้ง 500 คนที่จำเป็นต้องมีบรรทัดฐานที่ชัดเจนและยุติธรรม และไม่ใช่แค่ห้องหลังบัลลังก์ นอกจากนี้ได้ยินว่ามี สส.บางคนไปยึดห้องที่ว่างอยู่ โดยไม่ได้มีการขออนุญาต อยากทราบว่าสภาแห่งนี้มีสิทธิการครอบครองปรปักษ์กันได้ด้วยหรือ
ขณะที่นายปดิพัทธ์ชี้แจงว่า เรื่องห้องหลังบัลลังก์จบวันนี้แน่นอน ขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเลย หากเป็นไปอย่างที่นายปกรณ์วุฒิพูด ช่วยจัดเตรียมห้องให้กับวิปฝ่ายค้านด้วย เพราะห้องหลังบัลลังก์มีไว้เพื่อการทำงานของวิป ไม่ใช่ของ สส.คนใดคนหนึ่ง ส่วนเรื่องของการครอบครองห้อง ขอตรวจสอบก่อนว่ามีการใช้งานผิดประเภทอย่างไรบ้าง โดยจะกำชับและให้นโยบายกับสำนักรักษาความปลอดภัย และฝ่ายอาคารสถานที่ ตรวจสอบเรื่องนี้
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศเรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย” เดือน ม.ค.2567 จำนวน 2,203 คน ระหว่างวันที่ 20-28 ม.ค.2567 ดังนี้ ประชาชนให้คะแนนภาพรวมคะแนน 5.48 คะแนน จากเต็ม 10 ขณะที่ให้คะแนน 25 ตัวชี้วัด “ดัชนีการเมืองไทย” เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย อาทิ อันดับ 1 สิทธิและเสรีภาพของประชาชน 5.77 คะแนน, อันดับ 4 ผลงานของนายกรัฐมนตรี 5.70 คะแนน, อันดับ 7 ผลงานของฝ่ายค้าน 5.60 คะแนน, อันดับ 15 ผลงานของรัฐบาล 5.53 คะแนน และอันดับ 25 ได้น้อยสุด คือเรื่องราคาสินค้า 5.04 คะแนน
สำหรับนักการเมืองที่ประชาชนคิดว่ามีบทบาทโดดเด่นในเดือน ม.ค.67 แบ่งเป็นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล อันดับหนึ่ง นายเศรษฐา ทวีสิน 51.46% รองลงมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล 25.50%, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 23.04% ส่วนนักการเมืองฝ่ายค้าน อันดับหนึ่ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 61.31% รองลงมา นายชัยธวัช ตุลาธน 20.44%, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล 18.25%
ขณะที่ผลงานที่ประชาชนชื่นชอบในเดือน ม.ค.67 แบ่งเป็นผลงานฝ่ายรัฐบาล อันดับหนึ่ง ตรึงราคาพลังงาน ไฟฟ้า น้ำมัน 48.38% รองลงมา แก้ปัญหาหนี้ทั้งระบบ 28.90%, 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว 22.72% ส่วนผลงานฝ่ายค้าน อันดับหนึ่ง ตรวจสอบโครงการต่างๆ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต แลนด์บริดจ์ 56.63% รองลงมา อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 27.28%, ผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม 16.09%.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กสม. ประณาม 'ทักษิณ' ปราศรัยเหยียดเชื้อชาติคนแอฟริกัน ย้ำไทยอยู่ภายใต้ CERD
กสม.ซัด 'ทักษิณ' จ้อเหยียดเชื้อชาติคนแอฟริกัน อบรมคนมีอิทธิพลทางสังคมไม่ควรทำ หวั่นโดนขยายความรุนแรง ซ้ำรอยความสูญเสียในอดีต
‘อิ๊งค์’ลุยภูเก็ต หนุนท่องเที่ยว กลุ่ม‘ลักซ์ชูรี’
"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานแสดงเรือนานาชาติ หนุนท่องเที่ยวลักซ์ชูรีไลฟ์สไตล์
ศาลนัด10ก.พ. 16บอสขอสิทธิ์ ได้ประกันสู้คดี
"ทนายดิไอคอน" จ่อยื่นประกันตัว 16 บอส ช่วงนัดตรวจหลักฐาน
2สัปดาห์ส่ง‘จ่าเอ็ม’กลับ เชื่อมีผู้ร่วมขบวนการอีก
นายกฯ สั่งทบทวนมาตรการป้องกันก่ออาชญากรรมในไทย
ชงแก้สัญญารถไฟฟ้าเชื่อม3สนามบิน
บอร์ดอีอีซีชงแก้สัญญารถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน เข้า ครม.ภายในเดือนเม.ย.นี้
นโยบายตปท.เสียเหลี่ยมเพื่อนบ้าน
สส.ฝ่ายค้านชำแหละ “นโยบายต่างประเทศ” เงียบๆ เสียเหลี่ยมเพื่อนบ้าน