อย่ามองเป็นผู้ร้าย! ‘ธรรมนัส’โวยกษ.ถูกกระทำ‘อธิบดี’รับเจ็บใจป้องป.ไม่เกี่ยว

อธิบดีกรมการข้าวเปิดปากครั้งแรก! ลั่นแขวนพระเต็มอกพูดแต่ความจริง บอกเจ็บใจมากจึงตั้งใจล่อซื้อ “จรูญเกียรติ” ปูดมีข้าราชการการเมืองเตรียมร้องแก๊งศรีสุวรรณอีกดอก ชี้หาก “เจ๋ง ดอกจิก” ไม่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ “พิมณัฏฐา” เป็นแน่ “ธรรมนัส” บอกอย่ามอง กษ.เป็นผู้ร้าย แต่เป็นผู้ถูกกระทำ ป้องลูกน้องและที่ปรึกษา แย้มรายงาน “เศรษฐา” ตั้งแต่ต้นทำให้นายกฯ ไม่ค่อยตอบเรื่องนี้ “พีระพันธุ์”  โวยจับ “เจ๋ง” คาทำเนียบฯ ทำให้เสียหน้า แต่ ครม.เมิน “วราวุธ” บอกให้รอ “ประภัตร” แจงเอง

เมื่อวันอังคารที่ 30 มกราคม 2567    ยังคงมีความต่อเนื่องในคดีนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ หรือการ์ตูน เลขานุการนายยศวริศ อดีตผู้สมัคร สส.พรรค รทสช. ร่วมกันข่มขู่เรียกรับเงินนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์  อธิบดีกรมการข้าว 3 ล้านบาท แลกกับการไม่ร้องเรียนโครงการทุจริต

โดยนายณัฏฐกิตติ์ได้แถลงชี้แจงกรณีถูกพาดพิงว่ามีนายหมูที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เป็นคนพาภรรยานำเงินไปมอบให้กับนายศรีสุวรรณเมื่อวันที่ 28 พ.ย.2566 โดยอ้างว่าต้องการให้เรื่องร้องเรียนยุติลง และไม่ทำให้เสื่อมเสียต่อองค์กร ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากความรำคาญใจของตนเองและภรรยา จึงตัดสินใจไปบ้านนายศรีสุวรรณ พร้อมนายหมูเพื่อเป็นพยานรวมเป็นสามคน ในฐานะที่นายศรีสุวรรณเป็นรุ่นน้อง จึงไปเพื่อสอบถามว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ ไม่ได้ไปเคลียร์เรื่องจ่ายเงิน แต่ไปถามว่าทำไมต้องร้องเรียนผิดอะไร ไปดูการสอบสวน 4-5 โครงการก็ไม่ได้ผิดอะไร ซึ่งก็คุยกันเข้าใจแล้ว จึงกลับกลับมา

 “ผมพูดความจริง ผมแขวนพระอยู่เต็มอก ผมพูดความจริงทุกอย่าง ไม่ได้โกหก ไม่ได้ไปเจรจาเรื่องการจ่ายเงินจ่ายทองอะไรทั้งนั้น” นายณัฏฐกิตติ์กล่าว

นายณัฏฐกิตติ์กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นอีก 2-3 สัปดาห์ นายศรีสุวรรณไปร้องกรมฝนหลวงแล้ววกมาที่กรมการข้าว ซึ่งในคืนก่อนเกิดเหตุก็ได้รับการติดต่อมาว่าจะมาดื่มกาแฟด้วย จึงสั่งลูกน้องให้ติดกล้องวงจรปิดทั้งกรม

 “มันไม่รู้จักหยุดสักที ผมเจ็บใจมาก มันเป็นใคร ประเทศไทยอยู่ได้ยังไง ถ้ามีคนประเภทนี้ ผมจึงวางแผนกันเอง โดยที่ไม่ให้ทีมงานท่านรัฐมนตรีเดือดร้อน ก็พอมีเงินอยู่ กลัวอะไร สู้ไม่ได้ก็แจ้งทนายนายสู้สิ ไม่ต้องไปเดือดร้อนใคร ผมจึงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.) ด้วยความรำคาญ ตายเป็นตาย ไม่ได้กลัวอยู่แล้ว ชีวิตเกิดครั้งเดียว ถ้าไม่ผิดอย่ามาแกล้งกัน” นายณัฏฐกิตติ์กล่าว

ส่วนเรื่องนี้ที่ปรึกษาของ รมว.กษ.ทราบเรื่องได้อย่างไรนั้น นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า ได้โทร.ไปกราบขอโทษแล้ว ต้องขอโทษนายที่ไม่ได้บอกก่อน เพราะกลัวทีมงานนายเดือดร้อน เรื่องนี้เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของข้าราชการคนหนึ่ง ทั้งกับตัวเองและครอบครัวที่ต้องมาเผชิญกับเรื่องห่าเหวอะไรก็ไม่รู้

นายณัฏฐกิตติ์ยืนยัน ว่าไม่มีการจ่ายเงินในวันที่ 28 พ.ย.ไม่รู้ว่าทนายคนนั้นไปพูดอะไร แต่ต้องฟังจากปากตนเอง ห้ามบิดเบือน ถ้ามีนายศรีสุวรรณจะร้องทำไม เจอนายศรีสุวรรณแค่ครั้งเดียวก่อนที่จะเกิดเรื่อง หลังจากนั้นไม่ทราบ เพราะได้มอบหมายให้ภรรยาของตนไป

ถามถึงกระแสข่าวการต่อรองจำนวนเงินจาก 3 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท นายณัฏฐกิตติ์กล่าวว่า มันแค้น ทำไมต้องทำตัวแบบนี้อีก ตนเองไม่ผิด เงินทั้งหมดตั้งใจล่อซื้อ ส่วนการล่อซื้อที่การกระทำหลายครั้งนั้น ครั้งเดียวจะไปจับคนได้อย่างไร ต้องมีหลักฐานชัดเจนแน่นหนา ไม่ได้ทำโดยพลการ

สำหรับกระแสข่าวเชื่อมโยงกับอดีตนักการเมือง ชื่อย่อ ป.ปลา นายณัฏฐกิตติ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่เกี่ยวกับตนเอง ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีผู้ใหญ่โทร.มาปรามนั้น ไม่มี ไม่รับโทรศัพท์ใครทั้งนั้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีอะไรเบื้องหลัง

ขรก.การเมืองถูกรีดด้วย!

ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในฐานะประธานคณะทำงานคดีดังกล่าวกล่าวว่า ล่าสุดมีข้าราชการการเมืองที่มีชื่อเสียงติดต่อเข้ามา เพื่อจะแจ้งความหลังถูกกลุ่มของนายศรีสุวรรณเรียกรับผลประโยชน์ในลักษณะเดียวกัน โดยยังไม่ได้พูดคุยในรายละเอียด แต่ประสานจะเข้าพบ ส่วนกรณีที่ปรึกษากฎหมายของอธิบดีกรมการข้าวกังวลปมนายยศวริศถูกปลดจากคณะทำงานเขตตรวจราชการที่ 11 ของรองนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ ธ.ค.2566 จะไม่เข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐขณะเรียกรับผลประโยชน์แล้วทำให้ข้อหาอ่อนลงนั้น หากมีคำสั่งปลดก่อนนายยศวริศจะไม่เข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เบื้องต้นยังไม่เห็นคำสั่งปลด และก่อนออกหมายจับได้รับการยืนยันจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้วว่านายยศวริศมีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งหากมีคำสั่งปลดจริง ก็ต้องตรวจสอบเอกสารให้ชัดเจน

 “ในขบวนการนี้มีคนที่เข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแน่ๆ คือ น.ส.พิมณัฏฐา ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะทำงานเขตตรวจราชการที่ 11 ของรองนายกฯ เช้าวันที่ 26 ม.ค.2567 ก่อนมีการล่อซื้อที่บ้านนายศรีสุวรรณ เพราะเป็นคนเจรจานัดหมายวางเงินวันนั้น ซึ่งเมื่อมีหนึ่งคนเข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ร่วมขบวนการก็ต้องเข้าข่าย สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐฯ ซึ่งตามกฎหมายจะต้องรับโทษ 2 ใน 3”พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว

เมื่อถามว่า การทำคดีนี้กลัวจะเป็นการล้มยักษ์หรือเปล่า เพราะเริ่มมีรายงานข่าวผู้ใหญ่โทร.เบรกทางฝั่งที่ปรึกษากฎหมายของอธิบดี พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ยืนยันว่าไม่กลัว เพราะรูปปั้นท้าวเวสสุวรรณหรือว่ารูปปั้นยักษ์หน้า บก.ปปป. ตัวใหญ่กว่า และอยากเจอหัวหน้ายักษ์เหมือนกัน เพราะเชื่อว่ายักษ์จะตัวใหญ่แค่ไหนก็สู้ความจริงไม่ได้

ขณะเดียวกัน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาเข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติเพื่อนำเอกสารหลักฐาน ซึ่งเป็นข้อความแชตสนทนาเกี่ยวกับคดีรีดเงินอธิบดีกรมการข้าวมามอบให้เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้กับนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษา รมว.กษ. ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด

นายอัจฉริยะกล่าวว่า นายเอกเป็นคนประสาน และเป็นตัวกลางระหว่างธนดลกับกลุ่มผู้ต้องหาชุดนายศรีสุวรรณ ซึ่งนายเอกเป็นคนใกล้ชิดนักการเมืองที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องงบประมาณของ กษ. โดยนายเอกเป็นตัวกลางเรียกรับเงินกับอธิบดีกรมการข้าว โดยติดต่อระหว่างนายธนดลกับนายยศวริศ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับนายธนดล เพราะนายธนดลยืนยันว่าไม่สามารถทำตามที่นายเอกบอกได้ นายเอกจึงได้ติดต่อนายหมูซึ่งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีเช่นกัน โดยหลังติดต่อนายหมูแล้ว นายหมูได้พาภรรยาอธิบดีกรมการข้าว พร้อมนำเงินไปจ่าย ให้นายศรีสุวรรณก้อนแรก 28 พ.ย. โดยมีทนายน้อย หรือนายดนุเดช ศิริวงษ์ตระกุล ที่ปรึกษากฎหมายอธิบดีกรมการข้าว เป็นผู้ยืนยันข้อมูล

ขู่ฟ้องอธิบดีกรมการข้าว

“อยากย้ำไปถึงอธิบดีกรมการข้าวอีกว่า สิ่งที่ผมพูดเป็นหลักฐานที่ ปปป.ใช้ขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหา ดังนั้นที่อธิบดีออกมาพูดถือว่าหมิ่นประมาทจะดำเนินคดี พร้อมท้านายหมูให้ออกมาเปิดเผยว่าวันที่ 28 พ.ย.นั้นไปในฐานะอะไร และทำไมต้องจ่ายเงินดังกล่าว” นายอัจฉริยะกล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวประเด็นนี้ว่า นายธนดลไม่ใช่นายหมูที่นายอัจฉริยะเคยบอกว่าเป็นตัวกลางพาอธิบดีและภรรยาไปที่บ้านนายศรีสุวรรณ โดยนายหมูมีชื่อจริงว่าสุธี เป็นที่ปรึกษาอีกคนของ รมว.กษ. ซึ่งนายหมูไม่ได้มีบทบาทอะไรในคดี แต่เมื่อมีเรื่องร้องเรียนเกิดขึ้นในกระทรวงเกษตรฯ ก็เชื่อว่าผู้บังคับบัญชาน่าจะใช้ให้เข้ามาดูปัญหาและจัดการปัญหาให้จบ

“ภรรยาของอธิบดีเองก็ยืนยันกับตำรวจว่านายหมูไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ตำรวจก็ยังไม่ปักใจเชื่อ ยังต้องขยายผล ซึ่งจะเชิญนายหมูเข้ามาให้ปากคำในสำนวนด้วย แต่ยืนยันว่านายธนดลไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคดี โดยได้รับความไว้วางใจจาก รมว.กษ.ให้มาตรวจสอบเรื่องนี้ โดยเชื่อว่านายธนดลมีข้อมูลที่จะนำเข้ามาพูดคุยกับผม” พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุ

ส่วนที่ สน.นางเลิ้ง นายธนดลเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กรณีสำนักข่าวดังแห่งหนึ่งรายงานภาพข่าวพาดพิงว่าเป็น 1 ในแก๊งตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ผ่านการดำเนินรายการโดยพิธีกรข่าว 3 ราย ในรายการอรุณอัมรินทร์ และผู้สื่อข่าวประจำสำนักข่าวดังกล่าว 1 ราย ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 16

นายธนดลกล่าวว่า ไม่ใช่นายหมูตามที่มีการรายงานข่าว เพราะชื่อเล่นว่าดล ส่วนที่มีภาพปรากฏว่าตนเองลงไปรับเรื่องกับนายยศวริศและนายศรีสุวรรณนั้น เพราะเขามาร้องเรียนต่อให้ไม่ใช่นายศรีสุวรรณ หรือเป็นประชาชน เราก็ต้องมารับเรื่องร้องเรียนอยู่แล้ว แต่แค่ข่าวไม่ได้นำเสนอออกไป

ด้านความเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีการร้องเรียนการทุจริตต่างๆ ว่า ที่ประชุม ครม.ได้เน้นย้ำป้องกันการทุจริตมาโดยตลอด ตั้งแต่เรื่องการบริหารการใช้จ่ายงบประมาณ รวมถึงเรื่องที่มีการร้องเรียนเกิดขึ้นจากที่เรียกกันว่านักร้องหรืออะไรก็ตามที ก็ต้องให้ความเป็นธรรมทุกๆ ฝ่าย และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า รวมไปถึงการแต่งตั้งบุคคลที่จะมาช่วยงานรองนายกฯ หรือรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ ซึ่งกรณีของนายยศวริศ มีรายงานว่าเป็นคณะทำงานของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ  และ รมว.พลังงาน นายเศรษฐากล่าวว่า นายพีระพันธุ์ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคณะทำงาน และเข้าใจว่ามีข่าวออกไปแล้ว

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า นายกฯ ได้ขอให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กษ. ไปดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกับโครงการต่างๆ ของ กษ. เช่น โครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าว โครงการการปรับปรุงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และให้ความจริงกระจ่างเป็นที่ปรากฏ และรายงานให้ ครม.รับทราบโดยเร็ว

พีระพันธุ์ฉุนจับในทำเนียบฯ

รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม.แจ้งว่า นายเศรษฐาได้สั่งการต่อที่ประชุม 4 เรื่อง แต่ระหว่างสั่งการในเรื่องที่ 3 ใกล้แล้วเสร็จ ได้พูดถึงประเด็นที่กำลังเป็นข่าวเรื่องราวการจับกุมกลุ่มนักร้องเรียนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหารีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าวขึ้นมาว่า เหตุการณ์ที่ปรากฏในสื่อต้องตรวจสอบ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ต่อมาได้เข้าสู่ ข้อสั่งการเรื่องที่ 4 จนเสร็จสิ้น ทำให้ ร.อ.ธรรมนัสพูดว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ได้มีการตั้งกรรมการตรวจสอบแล้ว ต่อมานายพีระพันธุ์พูดขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงจริงจัง ว่าการจับกุมในทำเนียบรัฐบาลไม่ถูก ที่นี่เป็นหน้าเป็นตารัฐบาล ไม่ให้เกียรติสถานที่ ทำไมตอนเช้าไปจับกุมนายศรีสุวรรณ ตำรวจยศนายพลนำกำลังไปจับกุม พอช่วงบ่ายที่จับกุมนายยศวริศ ตำรวจยศพันตำรวจเอกมาจับกุม ทั้งที่ก็ตามมาจากบ้านตั้งแต่เช้าแล้ว ทำไมไม่ไปจับกุมตั้งแต่ตอนนั้น เรื่องนี้เราอย่าหลงประเด็น ใครผิดใครถูกต้องตรวจสอบให้หมดทุกฝ่าย นายกฯ ก็เป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจ เรื่องนี้ถือว่าไม่เหมาะสม ไม่ให้เกียรติสถานที่

ในช่วงที่นายพีระพันธุ์กำลังพูดกระทั่งพูดจบ ไม่มีรัฐมนตรีคนอื่นนำเสนอความคิดเห็นอื่น โดยรัฐมนตรีบางคนอ่านวาระประชุม บางคนก้มดูโทรศัพท์มือถือ เมื่อไม่มีการนำเสนอความเห็นเพิ่มเติม นายกฯ ได้หันไปทาง เลขาฯ ครม.เพื่อให้ดำเนินเข้าวาระการประชุมตามปกติต่อไป

อย่ามอง กษ.เป็นผู้ร้าย

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม ครม. ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า สารตั้งต้นทุกอย่าง ตั้งแต่ต้นจนถึงการนำจับทราบทุกอย่าง จึงแนะนำให้ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ซึ่งมีฝ่ายกฎหมายกว่า 20 คน และอธิบดีมีการปรึกษามาโดยตลอด ขออย่ามองกระทรวงเกษตรฯ เป็นผู้ร้าย เนื่องจากเป็นผู้ถูกกระทำ เมื่อลูกน้องถูกกระทำ จะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์อะไรเลยเถิด

 “อย่าไปสงสัยที่ปรึกษาผม มั่นใจว่าที่ปรึกษาเวลาจะทำอะไร ไม่ทำโดยพลการ ไม่มีใครทำผิดกฎหมาย มีแต่จะจัดการกับผู้กระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง เรากำลังช่วยกันปัดกวาดบ้านเมืองให้สะอาด อย่าปล่อยให้มันเลอะเทอะเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้รายงานต่อนายกฯ มาโดยตลอด ผมจึงอยากถามสื่อมวลชนกลับว่า ไม่สงสัยหรือที่นายกฯ ไม่ตอบประเด็นนี้” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

ต่อมา ร.อ.ธรรมนัสแถลงอีกครั้งถึงกรณีแกลงข่าวของนายณัฏฐกิตติ์ว่า ไม่ต้องบอกอะไร เราลูกพระเจ้าตากอยู่แล้ว โทร.คุยกับอธิบดีกรมการข้าวกันทุกวัน ถ้าวันไหนไม่คุยกันรู้สึกเหงา ไม่ต้องพูดอะไรมาก ส่วนภรรยาของอธิบดีก็พูดคุยกัน พร้อมหันหน้าไปถามอธิบดีการข้าวว่า "ใช่ไหม" ก่อนอธิบดีกรมการข้าวจะตอบกลับว่า “ขอบคุณครับนาย ที่ให้กำลังใจกัน”

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวต่อว่า ตั้งแต่มีการร้องเรียนเรื่องแรกเมื่อปีที่แล้ว การมีหนังสือร้องเรียนเข้ามาจะเท็จหรือจริงอย่างไร ก็ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ให้โอกาสหน่วยงานที่ถูกร้องเรียนได้ชี้แจง ซึ่งปลัดกระทรวงก็ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบตั้งแต่ปีที่แล้ว และพบว่าไม่ผิด โดยเฉพาะประเด็นงบประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณที่เราจะนำมาพัฒนาคุณภาพข้าวสู่ประชาชนทั้งหมด ทั้งนี้ พอมีปัญหาเรื่องการที่จะต้องนำไปเยียวยาชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ก็นำงบไปหมด กระทรวงไม่ได้ใช้เงินเลย จึงอยากถามว่าจะไปร้องเรียนเรื่องอะไร

ส่วนกรณีพาดพิงถึงอดีตนักการเมือง  ป.ปลา ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่อยากให้ไปพาดพิงถึง เพราะชั่วโมงนี้มาปัดเป่ามาปัดกวาดบ้านหลังนี้ให้สะอาด ในสิ่งที่ผ่านมาจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากตนเองเป็นนักการเมือง จะต้องให้เกียรตินักการเมืองด้วยกัน

 “ไม่ใช่ว่าผมมานั่งอยู่ตรงนี้แล้วจะไปซัดคนเก่า ไม่ใช่แนวทางของธรรมนัส การเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง การจะพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเอง” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

ให้ไปคิดเองเรื่องแดงตอนนี้

เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน ทำไมถึงเพิ่งถูกร้องในตอนนี้ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวสั้นๆ ว่า “ขอให้เอากลับไปคิดเอง”

ขณะที่นายพีระพันธุ์ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม. ถึงกรณีให้นายยศวริศออกจากคณะทำงานตั้งแต่เดือน ธ.ค.2566 มีความชัดเจนเป็นอย่างไร และระบุวันที่ให้ออกจากตำแหน่งได้หรือไม่ว่า “ผมไม่รู้เรื่อง เรื่องนี้ไม่ยุ่ง” และเมื่อถามย้ำว่า สามารถระบุวันที่ให้พ้นจากคณะทำงานได้หรือไม่ นายพีระพันธุ์ ไม่ตอบและเดินขึ้นห้องประชุม ครม.ทันที

ที่พรรค รทสช. มีการประชุม สส.ของพรรค ต่อมานายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรค รทสช. แถลงว่า นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์ ในฐานะประธานกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎรได้ลงนามให้นายยศวริศพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาประธาน กมธ.ศาลฯแล้ว ขณะที่ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง น.ส.พิมณัฏฐา แต่ น.ส.พิมณัฏฐาได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรควันเดียวกันนี้ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ

นายอัครเดชกล่าวว่า พรรคยังสั่งให้ตรวจสอบคณะทำงานของรัฐมนตรีในส่วนของพรรคและประธาน กมธ. โดยการประชุมพรรคครั้งหน้าให้ส่งรายชื่อให้เลขาธิการพรรคตรวจสอบคุณสมบัติว่าไปกระทำการอันใดที่สร้างความเสียหายให้กับพรรคหรือไม่

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า ได้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างจบแล้ว แต่เมื่อถามถึงบุคคลที่ชักนำนายเจ๋งให้เข้ามาร่วมงาน นายเอกนัฏกล่าวปฏิเสธว่า ขอไม่ไปตรงจุดนั้น ปัญหาอยู่ตรงไหนก็จะไปแก้ตรงนั้น

ท็อปบอกให้ฟังประภัตรแจงเอง

ส่วนนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงความพยายามโยงนักการเมือง ป. อดีตผู้ใหญ่ใน กษ. เกี่ยวข้องกับแก๊งนายศรีสุวรรณ ว่าวันนี้นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา ลาการประชุมพรรค และพรรคคงเข้าไปชี้แจงในรายละเอียดไม่ได้ ต้องให้เจ้าตัวชี้แจงเอง เพราะคนที่ตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุดไม่ใช่หัวหน้าพรรค และไม่ใช่ใครทั้งนั้น และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พรรคเรายึดถือการทำงานรวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน เราย้ำจุดยืนเรื่องนี้ตลอดมา พอเกิดข่าวลือในลักษณะนี้ คนที่จะตอบได้ดีที่สุดก็ต้องเป็นเจ้าตัว

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายประภัตรเบื้องต้นหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า เท่าที่ได้พูดคุยกันมา นายประภัตรยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง อีกทั้งสมัยที่ดำรงตำแหน่ง รมช.กษ. นายประภัตรก็จะมาอัปเดตสถานการณ์ตลอด และไม่เคยได้รับรายงานกับปัญหาเหล่านี้

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะกำกับดูแล กษ. กล่าวว่า การตบทรัพย์ข้าราชการมีอยู่ในทุกกระทรวง คนธรรมดาหากแพ้ใจตัวเอง โอกาสที่จะเกิดคอร์รัปชันก็เกิดขึ้นได้ จึงควรระวังและจัดการให้เด็ดขาดตามที่นายกฯ ได้ให้นโยบายไว้ ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นได้ในทุกกระทรวง แต่จะมีหรือไม่มีหรือมากน้อยเพียงใดก็ต้องขึ้นอยู่กับความเป็นจริงด้วย ฉะนั้นเมื่อประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้น ก็ถือเป็นอุทาหรณ์ สะท้อนให้เห็นว่าไม่ควรเกิดขึ้นเด็ดขาด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวในเรื่องนี้ว่า  มท.ยุคตนเองยังไม่มี เพราะไม่มีอะไรให้มาตบ เพราะคนพวกนี้เป็นคนที่กระทรวงมหาดไทยไม่ให้ความสนใจอยู่แล้ว เราเป็นข้าราชการเราก็ต้องทำตามหน้าที่ของเรา และถ้าหากยึดตามหลักกฎหมายทั้งหลายก็ไม่ต้องมีอะไรต้องกังวล

 “ไม่ได้พูดถึงเลย มันไม่มีความสำคัญ ไม่มีอะไรที่ต้องไปใส่ใจกับคนเหล่านี้ และสุดท้ายก็อย่างที่เห็น” นายอนุทินกล่าวตอบข้อถามว่ามีการกำชับอะไรเป็นพิเศษใน มท.หรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง