อึ้ง!คนไทย69%ไม่โกรธอดได้เงินหมื่น

นิด้าโพลเผยคน 64% มองไทยกับเผชิญวิกฤตอย่างเร่งด่วนแล้ว แต่ 35% กลับบอกไม่ต้องเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 69% ไม่โกรธหาก “เศรษฐา” ยกเลิก “อนุสรณ์” โวเดินหน้าแน่หากไม่ผิดกฎหมาย “นลินี” ชวนนางเอกคังคุไบพร้อมบริษัทอินเดียมาถ่ายทำหนังในเมืองไทย “อิ๊งค์” ได้ทีโวผลงานหนังไทยไปเฉิดฉายในเทศกาลหนังโอซากา ชี้เป็นผลดีของทำงานแบบเอกชนเป็นผู้นำ รัฐบาลเป็นผู้ตามหนุน!

เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2567 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง วิกฤตเศรษฐกิจกับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต โดยสำรวจประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทางโทรศัพท์ทั่วประเทศ รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง ซึ่งเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ พบว่า 63.51% ระบุว่าเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจในระดับที่ต้องหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน, 20.15% ระบุว่าเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจในระดับที่ต้องหาทางแก้ไขแต่ไม่เร่งด่วน, 10.08% ระบุว่าเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจในระดับที่ไม่น่าวิตกกังวลใดๆ, 5.65% ระบุว่าไม่ได้เผชิญ

กับวิกฤตเศรษฐกิจ และ 0.61% ระบุว่าไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

สำหรับการเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจของประชาชนในขณะนี้ พบว่า 36.72%  เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจในระดับที่ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเร่งด่วน, 31.91% เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจในระดับที่สามารถรับมือได้ด้วยตนเอง,  20.45% เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจในระดับที่ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่ไม่เร่งด่วน และ 10.92% ไม่ได้เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจใดๆ

ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการดำเนินนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า  34.66% ควรหยุดการดำเนินการในนโยบายนี้ได้แล้ว,  33.66% ดำเนินนโยบายต่อไปในปีนี้ตามที่ได้ประกาศไว้, 18.55% ดำเนินนโยบายต่อไปในปีนี้ แต่แจกเฉพาะกลุ่มที่เปราะบางทางเศรษฐกิจ, 5.88% เลื่อนการดำเนินนโยบายไปในปี 2568, 4.58% เลื่อนการดำเนินนโยบายไปในปี 2568 แต่แจกเฉพาะกลุ่มที่เปราะบางทางเศรษฐกิจ และ 2.67% ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ           

สุดท้ายเมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชนหากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตัดสินใจยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 68.85% ระบุว่าไม่โกรธเลย,  12.37% ค่อนข้างโกรธ, 9.39% โกรธมาก,  8.85% ไม่ค่อยโกรธ และ 0.54% ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ      

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงโพลนี้ว่า รัฐบาลยืนยันตลอดที่จะผลักดันและเดินหน้าโครงการนี้ แต่ในระหว่างทางไม่ว่าจะเป็นข้อสังเกตจากหน่วยงานรัฐหรือข้อเสนอแนะจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึงโพลที่สะท้อนความคิดเห็นของประชาชนเชื่อว่ารัฐบาลรับฟังอยู่แล้ว ฉะนั้นการดำเนินโครงการจะเป็นการดำเนินการที่ประชาชนสามารถมีส่วนร่วม  เสนอแนะ และตรวจสอบได้ ยืนยันว่ารัฐบาลมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะผลักดันและเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต่อ แต่จะเดินหน้าบนพื้นฐานของความชอบธรรม ความโปร่งใส บนพื้นฐานที่นำข้อเสนอแนะมาประมวลเพื่อจะดำเนินการให้ถูกต้องตามกรอบกฎหมาย

เมื่อถามว่า หากชะลอโครงการนี้ จากเดิมที่จะเริ่มแจกในเดือน พ.ค.นี้ จะมีผลกระทบกับความเชื่อมั่นของพรรคหรือไม่  นายอนุสรณ์กล่าวว่า คิดว่าประชาชนที่ติดตามโครงการนี้จะทราบว่ารัฐบาลตั้งใจทำทันที แต่มีข้อห่วงใย ข้อสังเกต จึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาในการที่จะพิจารณาและดำเนินการเรื่องนี้ ดังนั้นคิดว่าประชาชนเข้าใจว่ารัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าเร็วกว่านี้ได้ และเห็นอยู่แล้วว่าไม่ใช่ว่าเมื่อเราเป็นรัฐบาลแล้วเราบอกว่าจะไม่ทำ แต่เพราะมีเรื่องข้อสังเกตต่างๆ เข้ามาที่รัฐบาลต้องรับฟัง ทำให้กระบวนการอื่นๆ ต้องใช้เวลาสักระยะ แต่การใช้ระยะเวลาสักระยะนั้น จะไม่กระทบต่อความตั้งใจของรัฐบาลที่จะผลักดันโครงการนี้

เมื่อถามย้ำว่า มองว่าจะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของพรรคใช่หรือไม่  นายอนุสรณ์กล่าวว่า ถูกต้อง เพราะพรรค พท.ไม่ได้ทำให้ช้า และเราพร้อมทำทันทีตั้งแต่ต้น

ถามอีกว่า ในพรรค พท.ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้บ้างหรือไม่ นายอนุสรณ์กล่าวว่า ในที่ประชุมพรรคทุกวันอังคารมีเสียงสะท้อนมาว่าประชาชนแต่ละพื้นที่ตั้งตารอว่านโยบายนี้จะดำเนินการได้เมื่อไหร่ ซึ่ง สส.ของพรรคก็ได้สอบถามนายกฯ และรัฐมนตรีท่านอื่นๆ ซึ่งตั้งแต่เราเป็นรัฐบาลจนถึงวันนี้ไม่เคยได้ยินหรือไม่เคยมีการบอกว่าจะไม่ทำ มีแต่บอกว่าจะเดินหน้าต่อแต่จะเดินหน้าอย่างรอบคอบ ชอบด้วยกฎหมาย

ถามต่อว่า แล้วเบื้องต้นนายกฯ ได้ชี้แจงอะไรเพิ่มเติมกับ สส.ของพรรคหรือไม่ นายอนุสรณ์กล่าวว่า นายกฯ บอกว่า รัฐบาลนี้มีต่อนโยบาย ซึ่งจะดำเนินตามกรอบลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส และไม่ได้แปลว่าพรรครัฐบาลมีนโยบายเดียวคือดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลทำหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นโครงการแลนด์บริดจ์ ที่พยายามจะทำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เรื่องซอฟต์พาวเวอร์ การลดค่าไฟ ลดค่าพลังงาน ลดค่าน้ำมัน ก็มีการดำเนินการควบคู่กันไป ฉะนั้นเชื่อว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นหนึ่งในโครงการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในระหว่างที่ทำไม่ได้ทุกคนก็เห็นว่านายกฯ ได้ทุ่มเททำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“ยืนยันอีกครั้งว่าจนถึงขณะนี้รัฐบาลยังมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเดินหน้าโครงการนี้ แต่เป็นการเดินหน้าโครงการที่ชอบด้วยกฎหมาย เดินหน้าอย่างรอบคอบ รับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนแล้วนำมาประมวลเพื่อให้โครงการนี้สามารถเกิดขึ้นได้จริง ไม่มีผลที่ทำแล้วผิดกฎหมาย อาจจะช้าหน่อย แต่ช้าแล้วชัวร์ ย้ำว่าหากไม่ติดขัดเรื่องอะไรแล้ว โครงการนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้จริง” นายอนุสรณ์กล่าว

วันเดียวกัน นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า ได้พบกับคุณอาเลีย บาตต์ นักแสดงชาวอินเดีย ผู้รับบทคังคุไบ จากภาพยนตร์ฮิตเรื่องหญิงแกร่งแห่งมุมไบ โดยได้เชิญชวนให้คุณอาเลียมาถ่ายภาพยนตร์ในไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการมีนางเอกดังระดับโลกอย่างคุณอาเลียถ่ายทำภาพยนตร์ในไทยนั้น จะเป็นการเสริมสร้าง Soft Power ให้แก่ประเทศไทย โดยทุกอย่างที่คุณอาเลียทำ อาหารที่รับประทาน สถานที่ที่ไป จะเป็นกระแส และจะได้รับความนิยมจากฐานผู้สนับสนุนจากทั้งในอินเดียและประเทศอื่นๆ ในชั่วข้ามคืน

“คุณอาเลียนิยมเดินทางมาไทย โดยก่อนการหารือนั้นคุณอาเลียเพิ่งเดินทางกลับจากจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ ยังชื่นชอบอาหารไทยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ผัดไทย และที่สำคัญคือน้ำมะพร้าว ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่ต้องทานเมื่อเดินทางถึงไทย” นางนลินีกล่าว

นางนลินียังกล่าวว่า ได้มีโอกาสหารือและชักชวนให้คุณ Sajid Nadiadwala เจ้าของบริษัทภาพยนตร์ชั้นนำของอินเดีย Nadiadwala Grandson Entertainment ซึ่งผลิตภาพยนตร์ไปแล้วกว่า 200 เรื่อง และมีภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เช่น Kick หรือ Highway และยังเป็นประธานสภาผู้ผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์อินเดีย 11 สมัย โดยมีบริษัทผู้ผลิตในเครือราว 400 บริษัท สนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ Bollywood ในไทยเพิ่มเติม

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ทวีตข้อความผ่าน X ว่า ขอแสดงความยินดีกับภาพยนตร์ไทยทั้ง 6 เรื่องที่ได้ไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์ Osaka Asian Film Festival โดยรัฐบาลสนับสนุนจัดโปรแกรมภาพยนตร์ไทยในชื่อ Thai Cinema Kaleidoscope 2024 ภาพยนตร์ทั้ง 6 เรื่อง คือ 1.สัปเหร่อ (The Undertaker) 2.เพื่อน (ไม่) สนิท (Not Friends) 3.ทะเลของฉันมีคลื่นเล็กน้อยถึงปานกลาง (Solids by the Seashore) 4.หุ่นพยนต์ (Hoon Payon) 5.แว่วเสียงไฟ (Blazed Away) และ 6.How We Say Goodbye

น.ส.แพทองธารทวีตอีกว่า ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ภาคเอกชนจะเดินทางไปเทศกาลนานาชาติด้วยตัวเอง โดยแทบไม่ได้มีการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงไม่มีการประชาสัมพันธ์อัตลักษณ์ภาพยนตร์ไทยสู่สายตาชาวโลก แต่ครั้งนี้รัฐบาลได้จัดโปรแกรมภาพยนตร์ และภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ได้ไปฉายจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐ  เพราะถือว่าไปในนามรัฐบาล และการสนับสนุนเช่นนี้ เป็นผลจากการรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนคนทำภาพยนตร์ เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยหากเทียบกับภารกิจอีกมากมายของรัฐบาล แต่มีความหมายมากสำหรับคนทำภาพยนตร์ 

“จุดเปลี่ยนเล็กๆ ครั้งนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงวิธีคิดที่ภาครัฐมีต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยไปตลอดกาลค่ะ เพราะกว่าจะมีการสนับสนุนเป็นเรื่องยากมากๆ แต่เกิดขึ้นแล้วก็จะต้องมีครั้งต่อๆ ไปค่ะ โดยนอกจากงานเทศกาล Osaka Asian Film Festival รัฐบาลยังสนับสนุนภาพยนตร์ไทยที่ไปฉายในเทศกาลนานาชาติอื่นๆ นั่นคือ International Film Festival Rotterdam และที่ Berlin International Film Festival อีกด้วย” น.ส.แพทองธารกล่าว และว่า ผลงานนี้เกิดขึ้นเพราะการทำงานแบบเอกชนเป็นผู้นำ และรัฐบาลเป็นผู้ซัพพอร์ต นี่คือตัวอย่างเพียงเล็กน้อยที่เราได้เปลี่ยนแปลงจากการทำงานในช่วงเริ่มต้น หลังจากนี้ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ จะเกิดขึ้นอีก และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นในทุกอุตสาหกรรมที่สร้าง Soft Power อยากให้ทุกท่านติดตามการทำงานของเราต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง