แจกหมื่นเลิกหยอดน้ำข้าวต้ม

“ไทย-เยอรมนี” หารือผลักดันความร่วมมือ 2 ประเทศ “เศรษฐา” ชูแลนด์บริดจ์ ยกระดับขนส่งโลจิสติกส์   “ปธน.เยอรมนี” บอกสัญญาณดีหลังศาลมีคำพิพากษา “พิธา” แสดงให้เห็นไทยมีพื้นฐาน ปชต. ระบุประชาคมทั่วโลกเฝ้าดูสถานการณ์ "นายกฯ" ชี้จุดยืนไทยยึดมั่นความเป็นกลาง "เสี่ยนิด" ย้ำกลางงานสัมมนา ศก.ไทยวิกฤต จำเป็นต้องแจกเงินหมื่นกระตุ้นการใช้จ่าย เหน็บแจกทีละพันสองพันแบบหยอดน้ำข้าวต้มไร้ประโยชน์

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 25 ม.ค. เวลา 10.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับ ดร.ฟรังค์-วัลเทอร์  ชไตน์ไมเออร์ (H.E. Dr. Frank-Walter Steinmeier) ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีนำประธานาธิบดีเยอรมนีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นเชิญไปยังห้องสีม่วง เพื่อแนะนำคณะรัฐมนตรี และไปยังห้องสีงาช้างด้านนอก  เพื่อลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน จากนั้นทั้งสองฝ่ายร่วมหารือกลุ่มเล็ก ณ ห้องสีงาช้างด้านใน ซึ่งต่างเห็นพ้องกันว่าไทยและเยอรมนียังมีศักยภาพเพิ่มพูนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยเฉพาะในด้านการลงทุน ซึ่งภาคเอกชนเยอรมนีลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก และให้ความสนใจขยายการลงทุนเพิ่ม โดยนายกฯ ได้เชิญชวนภาคเอกชนเยอรมนีเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะในโครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อสร้างโอกาสผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าการขนส่งของภูมิภาค

ต่อมานายเศรษฐาพร้อมด้วย ดร.ฟรังค์-วัลเทอร์ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายเศรษฐากล่าวว่า ตนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีได้นำคณะภาคเอกชนเยอรมนีร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ด้วย ซึ่งตนได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพด้านเศรษฐกิจของไทยและโอกาสใหม่ๆ สำหรับภาคเอกชนเยอรมนี หลังจากที่ไทยกับสหภาพยุโรปสามารถบรรลุการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีได้สำเร็จ ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายไว้ภายในปี 2568 นอกจากนี้ยังได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมทั้งโครงการ แลนด์บริดจ์และโครงการยกระดับการขนส่งระบบรางและโลจิสติกส์ของไทย การส่งเสริม Ease of Doing Business รวมทั้งการสร้างทรัพยากรมนุษย์

นายเศรษฐากล่าวว่า วันเดียวกันนี้ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และภริยา มีกำหนดเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และในวันที่ 26 ม.ค. ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีจะเดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำไฮบริดที่เขื่อนสิรินธร ซึ่งผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังน้ำใหญ่เป็นอันดับต้นของโลก และโครงการเกษตรยั่งยืนที่เป็นความร่วมมือระหว่างเยอรมนีกับไทย รวมทั้งเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่เป็นที่นิยมของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

 “ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีในครั้งนี้ จะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างไทยกับเยอรมนี ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือที่ใกล้ชิดและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะในด้านยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด เศรษฐกิจหมุนเวียน และความร่วมมือในด้านอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ประเทศไทยกับเยอรมนีมีความร่วมมือในทุกมิติที่แน่นแฟ้นมากขึ้น โดยในห้วงเดือน มี.ค.นี้ ผมมีกำหนดที่จะเดินทางเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีอย่างเป็นทางการ เพื่อสานต่อและผลักดันความร่วมมือระหว่างกัน อันจะนำไปสู่การสถาปนาความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกันต่อไป” นายกฯกล่าว

เยอรมนีชี้ปมพิธาสัญญาณดี

ขณะที่ ดร.ฟรังค์-วัลเทอร์กล่าวว่า ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศไม่ได้เพิ่งเริ่มต้น แต่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 160 ปีแล้ว ซึ่งเดิมเคยทำสัญญาการค้าระหว่างกัน การสำรวจเส้นทางการเดินเรือทางทะเล ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยเพิ่งผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งมีคนไทยออกมาใช้สิทธิ์ถึง 75% เป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงความเข้มแข็งในระบอบประชาธิปไตย ในโอกาสนี้จึงขอกล่าวแสดงความยินดีกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และอวยพรให้สมัยของท่านเป็นสมัยที่ประสบความสำเร็จ และยินดีที่จะได้ความร่วมมือของทั้งสองประเทศให้ก้าวต่อไปได้ และเป็นการร่วมมือพัฒนาภาคีเครือข่าย

"ความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและประเทศไทย เราได้ให้การสนับสนุนในเรื่องของการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี เชื่อว่าทั้งสองประเทศจะบรรลุข้อตกลงในระยะเวลาอันใกล้ น่าจะโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องการขยายต่อไป สำหรับสหภาพยุโรป มีโครงการชื่อ Global Gateway มีศักยภาพในการเข้ามาช่วยเหลือโครงการโครงสร้างพื้นฐานในอนาคตที่จะเกิดขึ้น" ดร.ฟรังค์-วัลเทอร์กล่าว

ประธานาธิบดีเยอรมนีกล่าวว่า ตนและนายกฯ ของไทยหารือถึงบทบาทสำคัญในภาคประชาสังคม ที่เราแลกเปลี่ยนทัศนะ โดยตนยินดีสำหรับข่าวคำพิพากษาของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล คิดว่าคำพิพากษาที่ออกมาเป็นสัญญาณที่ดีของการดำเนินไปในทิศทางที่ดีของประเทศไทย นอกจากนี้ยังพูดถึงวิกฤตการณ์ความขัดแย้งภูมิภาคต่างๆ ในโลก และบทบาทต่างๆ ที่เราจะมีท่าทีต่อความขัดแย้งต่างๆ ได้

จากนั้นภายหลังการแถลงข่าวได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถาม โดยผู้สื่อข่าวต่างประเทศถามถึงการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลไทยที่กลับมาเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะมีการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไรโดยเฉพาะกับเยอรมนี นายเศรษฐากล่าวว่า เราประกาศชัดเจนว่าประเทศเราพร้อมสำหรับการดำเนินการธุรกิจ โดยในเดือนมี.ค.นี้จะเดินทางไปเยือนทวิภาคีกับรัฐบาลเยอรมนีอีกครั้ง

ส่วนประธานาธิบดีเยอรมนีกล่าวว่า  คำถามนี้พูดถึงอุปสรรคความร่วมมือ ซึ่งเป็นเพียงอดีตในช่วงที่ผ่านมา และในช่วงสถานการณ์การเมืองที่อาจมีความไม่สงบเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้ แต่ตนเชื่อว่าหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา เรามองเห็นแนวทางเชิงบวกในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกัน และในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราเห็นแนวทางที่จะสร้างความเชื่อมั่นของนายเศรษฐา เยอรมนีและประชาคมทั่วโลกไม่เพียงแค่เฝ้าดูสถานการณ์ แต่มีความคาดหวัง ในการเสริมสร้างความร่วมมือในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่เราไม่อาจตั้งความคาดหวังให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างรวดเร็ว

"ปัจจัยที่สำคัญคือ เสถียรภาพ การแสดงออก และคำพิพากษาของนายพิธา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้นำฝ่ายค้าน และแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีพื้นฐานของระบบประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพในการแสดงออกที่เกิดขึ้น" ประธานาธิบดีเยอรมนีกล่าว

นายเศรษฐากล่าวว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน และตลอดเวลาที่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศ ได้ให้สิทธิเสรีภาพที่เหมาะสม อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และสนับสนุนด้านนี้อย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องการค้าระหว่างประเทศ 4 เดือนที่ผ่านมา เราเดินทางไปทั่วประเทศและทั่วโลก นอกจากนี้ ในเรื่องของจุดยืนทางการเมือง เรายึดมั่นความเป็นกลาง ไม่สนับสนุนความขัดแย้ง ในแง่ของผู้บริสุทธิ์ และคนไทยที่อยู่ในต่างแดน จะต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

'นิด' ย้ำจำเป็นแจกเงินหมื่น

จากนั้น เวลา 11.05 น. นายเศรษฐา ได้หารือเต็มคณะร่วมกับนายฟรังค์-วัลเทอร์, นาย Michael Kellner รมช.กระทรวงเศรษฐกิจและการปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMWK) และคณะผู้แทนภาคเอกชนเยอรมนี ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจาก 12 บริษัท ใน 5 สาขา ได้แก่ สาขานิทรรศการงานแสดงสินค้านานาชาติ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ พลังงานหมุนเวียนและสิ่งแวดล้อม บริการ ดิจิทัลและการศึกษา และวัสดุก่อสร้าง การก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและความต้องการด้านการส่งเสริมการค้าและการลงทุน

ในช่วงท้าย นายกฯ เน้นย้ำว่า ไทยพร้อมบูรณาการความร่วมมือ อำนวยความสะดวกให้แก่ภาคธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการขยายการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งศักยภาพและเสถียรภาพทางการเมืองของไทย ชี้ชัดและมีความสำคัญอย่างมากต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้เพิ่มมากขึ้น โดยรัฐบาลยินดีพิจารณาทุกข้อเสนอแนะและจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

ที่ SCBX Next Tech ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เวลา 15.00 น. นายเศรษฐาเดินทางไปร่วมงานสัมมนา “The Better Future Forward 2024” พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "Reinventing Thailand : Toward Becoming a Key Global Player ทำประเทศไทยให้ดีกว่าเดิม : สู่พลังขับเคลื่อนหลักในเวทีโลก"

นายเศรษฐากล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจนักลงทุนต่างชาติ อย่างบริษัทยาประเทศสวิตเซอร์แลนด์หลายบริษัทมีความประสงค์ที่จะมาตั้งโรงงานในไทย แต่ติดขัดในเรื่องของ อย. ถ้าเราสามารถแก้ไขปัญหาได้ทีละเปลาะ อะไรทำได้ทำก่อน

"เรื่องเศรษฐกิจวิกฤต-ไม่วิกฤตเชื่อว่าทุกคนมีความเห็นที่แตกต่างกันไป แต่รัฐบาลยืนหยัดชัดเจนว่าเศรษฐกิจวิกฤต  วันนี้ GDP ประเทศเราแพ้คู่แข่ง 2-3 เท่าตัว ก่อนหน้านี้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบหยอดน้ำข้าวต้ม ที่แจกเงินทีละ 1,000- 2,000 บาท ไปถึงไหนไหมครับ 10 ปีหลังเศรษฐกิจขยายตัว 1.8% เฉลี่ยไปไม่ถึงไหน วิธีการนี้ไม่เวิร์ก เราจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่เราก็ต้องรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบคอบ" นายเศรษฐากล่าว

นายกฯ กล่าวว่า สมมุติหากดิจิทัลวอลเล็ตเกิดขึ้นในวันที่ 1 มิ.ย. เชื่อว่าทุกคนต้องตีปีก พร้อมที่จะผลิตสินค้าเพิ่มมากยิ่งขึ้น ถ้าท่านเป็นผู้ผลิตท่านจะไม่ผลิตสินค้าหรือ และจะทำให้มีการจ้างงาน ทำงานแบบ Over time เงินในกระเป๋าตังค์ของพี่น้องจะเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่

นายเศรษฐายังกล่าวถึงการแก้ปัญหาด้านต่างๆ ของรัฐบาล ทั้งเรื่องหนี้สิน เรื่องแลนด์บริดจ์ เรื่องการเมืองระหว่างประเทศที่ยืนยันไทยเป็นมิตรกับทุกประเทศ เรื่องการท่องเที่ยว เรื่องแก้ปัญหายาเสพติด เรื่องสิทธิเสรีภาพ เรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องสิทธิการประกอบอาชีพ

"หลายเรื่องราวพยายามทำอยู่ ขอให้มั่นใจว่าโอกาสที่มีเป็นโอกาสที่จะทำให้หัวใจของประชาชนทุกคนฟูขึ้นได้จากการมีสิทธิเสรีภาพที่ดีขึ้น และก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ" นายเศรษฐากล่าว

วันเดียวกัน นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยืนยันว่าพรรค รทสช.มีนโยบายส่งเสริมโครงการแลนด์บริดจ์อยู่แล้ว เพราะจะเป็นโครงการสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งสนับสนุนระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้

ส่วนนายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรค รทสช. กล่าวถึงโครงการแลนด์บริดจ์ว่า ขอให้ภาครัฐสั่งให้ทางจังหวัดและกระทรวงที่เกี่ยวข้องลงไปให้ความรู้กับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องของการเวนคืนที่ดิน เพราะมีหลายหน่วยงานไปพูดด้วยข้อมูลที่ไม่ชัดเจน รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประชาชนเกิดความกระจ่าง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.จับตาศึก ‘อบจ.ราชบุรี’

ประธาน กกต.ยันจับตาเลือกตั้ง อบจ.ราชบุรีวันอาทิตย์นี้ เตือนอย่าทำอะไรผิดกฎหมาย “2 ผู้สมัคร” แห่หาเสียงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะเด็กค่าย ปชน.

ไปข้างหน้าเพื่อชาติ! อิ๊งค์วอนเสื้อแดงให้เข้าใจ ราชทัณฑ์ดิ้นโต้เสรีพิศุทธ์

"นายกฯ อิ๊งค์" เผย ครม.นิ่งแล้ว รอตรวจประวัติเสร็จทำงานได้ทันที แจงจับมือ "ประชาธิปัตย์" เพื่อเสถียรภาพรัฐบาล บอกเข้าใจหัวอกคนเสื้อแดง วอนก้าวไปข้างหน้าเพื่อชาติ