“โอมิครอน” พ่นพิษ ทำคนไทยใช้จ่ายช่วงปีใหม่ลดลง หอการค้าฯ คาดอยู่ที่ 8.5 หมื่นล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 12 ปี อึ้ง! มีแค่ 0.1% ที่คาดว่าปีหน้าฟ้าใหม่เศรษฐกิจจะรุ่งโรจน์
เมื่อวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ว่า คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดจากการใช้จ่ายของประชาชนทั่วประเทศราว 85,796.49 ล้านบาท ลดลง 6.2% จากปีก่อน และถือว่าปีนี้ต่ำสุดในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่ปี 2554 เป็นผลจากปัจจัยความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเป็นหลัก โดยแบ่งเป็นการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว 49,642.57 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้า-เลี้ยงสังสรรค์-ทำบุญ รวม 36,153.92 ล้านบาท
"ก่อนหน้านี้ หอการค้าไทยคาดการณ์ผิดคาด จากเดิมที่คาดว่าการใช้จ่ายปีใหม่จะอยู่ในกรอบเดิมประมาณ 120,000-140,000 ล้านบาท แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดของโอมิครอนเข้ามา การยกเลิก Test & Go ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐที่จะออกมาช่วงปีหน้า รวมถึงการคำนวณรวมไปถึงสถานการณ์ที่อาจงดเคาต์ดาวน์ การใช้จ่ายของปี 65 จึงอยู่ที่ประมาณ 86,000 ล้านบาท ซึ่งโอมิครอนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้การใช้จ่ายหายไปถึง 30,000-50,000 ล้านบาท ทั้งนี้ 86,000 ล้านบาท ก็ต้องขึ้นอยู่กับบรรยากาศจริง ซึ่งอาจลดลงได้อีกประมาณ 5,000-10,000 ล้านบาท" นายธนวรรธน์กล่าว
นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า ของขวัญยอดนิยมในช่วงปีใหม่ 3 อันดับแรก คือ ซื้อกระเช้าของขวัญ รองลงมาคือซื้อของรับประทาน และซื้อเครื่องดื่มบำรุง ส่วนการเดินทางออกไปท่องเที่ยวช่วงปีใหม่นั้น พบว่า การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 5,445.28 บาท/คน ส่วนการท่องเที่ยวต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 21,508.32 บาท/คน ทั้งนี้ ประชาชน 33% มองว่าเทศกาลปีใหม่ปีนี้จะคึกคักพอๆ กับปีที่แล้ว แต่ประชาชน 27% มองว่าปีใหม่ปีนี้ไม่คึกคัก ในขณะที่ประชาชน 23% มองว่าปีใหม่จะคึกคักน้อยกว่าปีที่แล้ว และมี 17% มองว่าปีใหม่จะคึกคักมากกว่าปีที่แล้ว
“ประชาชนมองว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมีผลกระทบต่อการใช้จ่ายช่วงปีใหม่ 71.2% ส่วนการแพร่ระบาดของโควิดในปัจจุบันมีผลกระทบต่อการใช้จ่ายในช่วงปีใหม่ 68.3% และภาระหนี้สินมีผลกระทบต่อการใช้จ่ายในช่วงปีใหม่ 43.2%” นายธนวรรธน์ระบุ
สำหรับสิ่งที่ประชาชนต้องการได้เป็นของขวัญจากรัฐบาลมากสุดใน 5 อันดับ คือ อันดับแรก บริหารประเทศอย่างโปร่งใส ปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง, อันดับสอง กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพ, อันดับสาม จัดแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง เช่น คนละครึ่ง และชิมช้อปใช้ เป็นต้น, อันดับสี่ แก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้หมดไปจากประเทศ และอันดับห้า แก้ปัญหาการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ส่วนสิ่งที่อยากให้รัฐดำเนินการในปี 2565 อันดับแรกคือ เรื่องการดูแลค่าครองชีพให้เหมาะสม รองลงมาคือการแพร่ระบาดของโควิด-19 และอันดับสามปัญหาหนี้ครัวเรือน
ทั้งนี้ ประชาชนยังได้ประเมินผลการแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ ของรัฐบาลในรอบปีที่ผ่านมา โดย 3 อันดับแรกที่จัดการได้ดีคือการแพร่ระบาดของโควิด-19 รองลงมาคือการเตรียมความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ และอันดับสาม การแก้ไขปัญหาสังคม
นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า เมื่อสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยในปี 2565 เมื่อเทียบกับปี 2564 พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 28.4% มองว่าเศรษฐกิจไทยจะแย่ลงมาก รองลงมาประชาชน 26.5% มองว่าจะเหมือนเดิม ส่วนอีก 25.4% มองว่าแย่ลงเล็กน้อย มีเพียง 0.1% ที่มองว่าดีขึ้นมาก สำหรับการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ทราบหรือไม่แน่ใจ รองลงมาประชาชนมองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัวในระดับ 2.51-3.00% โดยมาตรการของรัฐบาลที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้ขยายเวลาการใช้มาตรการคนละครึ่งมากที่สุด รองลงมา คือโครงการช้อปดีมีคืน และเราเที่ยวด้วยกัน ตามลำดับ
“เมื่อถามถึงความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโอมิครอน พบว่าประชาชนมีความกังวล 72.7% และไม่กังวล 27.3% ซึ่งความกังวลดังกล่าวส่งผลต่อการตัดสินใจไปท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ถึง 59.6%”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชูศักดิ์ยอมนิกร พรบ.ประชามติ ไม่ใช่กม.การเงิน
“ชูศักดิ์” ลั่นเพื่อไทยเอาแน่ ค้าความปิดปากเอาคืน “ธีรยุทธ” แต่ไม่รู้เมื่อไหร่
ไฟเขียวไร่ละ1พัน10ไร่ ตรึงค่าไฟฟ้าราคาน้ำมัน
ชาวนาเฮ! นบข.ไฟเขียวช่วยไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จ่อชงเข้า ครม.สัญจรเชียงใหม่ 29 พ.ย.นี้
อวยทักษิณชนะนายกอบจ.
"ภูมิธรรม" โว พท.ชนะนายก อบจ.อุดรฯ เป็นเรื่องธรรมดา เหตุ ปชช.ยังรัก “ทักษิณ” ชอบผลงานที่ทำมา
ตร.เชียงรายรวบ‘สามารถ’ ‘เมีย-ลูก’หมอบุญนอนคุก
"ผบ.ตร." นั่งไม่ติดตั้ง "พล.ต.อ.ธนา" คุมสอบสวนคดี "หมอบุญ"
กรมที่ดินท้ารฟท.พิสูจน์เขากระโดง
กรมที่ดินยืนยัน ไม่เพิกถอนโฉนดเขากระโดง ยึดตาม กก.สอบสวน มาตรา 61
ม็อบเสื้อเหลืองคืนชีพ ‘สนธิ’นัดบุกทำเนียบฯ2ธค. ‘อ้วน’หวั่นซํ้ารอยปิดเมือง
"ภูมิธรรม" ไม่กังวล "สนธิ" ปลุกม็อบลงถนน เป็นสิทธิตาม รธน.