ขัดใจนายดีกว่าคุก! ‘ชวน’ยกอุทาหรณ์รุ่นน้อง โพลชี้ชั้น14ไม่กระทบรบ.

"นิด้าโพล" เผย ปชช.มอง "ทักษิณ" รักษาตัวที่ รพ.ตำรวจไม่กระทบความอยู่รอดของรัฐบาล ไม่นำไปสู่วิกฤตการเมืองใหญ่โตเหมือนยุคม็อบเสื้อสี “ภูมิธรรม” เชื่อไม่มีปัญหาฝ่ายค้าน-สว.ซักฟอกเรื่องทักษิณ อ้างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว  "อนุสรณ์" หยามฝ่ายค้านไม่มีอะไรใหม่  ไล่ไปแก้ปัญหาเสถียรภาพพรรคร่วมฯ  “สว.วันชัย” แนะปล่อยวาง ละกิเลส   อย่าเอาความโกรธเกลียดมาเป็นอุปสรรคปรองดอง "นิพิฏฐ์" ดีดปาก "เสี่ยอ้วน" ตอนทักษิณเรืองอำนาจก็เหลิงแบบนี้ สุดท้ายชะตากรรมเป็นอย่างไรก็รู้กันดี 

เมื่อวันอาทิตย์ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง “กรณีทักษิณ ชินวัตร กับความอยู่รอดของรัฐบาล”   สำรวจระหว่างวันที่ 15-17 มกราคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา  อาชีพและรายได้ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น  1,310 หน่วยตัวอย่าง เมื่อถามถึงความอยู่รอดของรัฐบาล จากกรณีทักษิณ ชินวัตร ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 39.62 ระบุว่าไม่ส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของรัฐบาลเลย รองลงมา ร้อยละ 21.98 ระบุว่าค่อนข้างส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของรัฐบาล, ร้อยละ 18.70 ระบุว่าไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของรัฐบาล, ร้อยละ 15.42 ระบุว่าส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของรัฐบาลอย่างมาก และร้อยละ 4.28 ระบุว่าเฉยๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

เมื่อถามความคิดเห็นต่อการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ส่งตัวทักษิณ ชินวัตร กลับเข้าเรือนจำ จะลุกลามจนนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองรอบใหม่เหมือนการชุมนุมของเสื้อเหลือง เสื้อแดง และ กปปส.ในอดีต พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.60 ระบุว่าจะไม่นำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองรอบใหม่แน่นอน รองลงมา ร้อยละ 41.30 ระบุว่า จะนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองรอบใหม่ แต่ไม่ใหญ่โตเหมือนในอดีต ร้อยละ 11.15 ระบุว่าจะนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองรอบใหม่เหมือนในอดีตแน่นอน และร้อยละ 5.95 ระบุว่าเฉยๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ      

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านและสมาชิกวุฒิสภา (สว.) อาจนำประเด็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 153 ว่า ไม่น่ามีปัญหา เพราะกฎหมายที่ออกมายกโทษให้สามารถกลับไปอยู่บ้านของตัวเองหรือนอกเรือนจำ มีมาตั้งนานแล้ว เพราะในเรือนจำอยู่ยากและมีความแออัด เขาคิดว่าเรื่องใดที่โทษไม่รุนแรง ปฏิบัติตัวดี ก็สามารถออกมาพักข้างนอกได้ อันนี้เป็นวิธีคิดของสากล

 “สิ่งที่นายทักษิณได้รับประโยชน์ก็ได้จากกฎหมายออกมาในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ไม่มีปัญหาอะไรที่ต้องกังวล เมื่อเรียกร้องให้นายทักษิณเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมก็เข้ามาแล้ว ซึ่งอยู่ตามกระบวนการยุติธรรม” นายภูมิธรรม กล่าว

"ท่านอดีตนายกฯ เคยถูกรัฐประหารมา ถ้าเวลาจะพักโทษจะไม่ได้รับสิทธิ์เช่นคนอื่นอีก ถามว่ามันเป็นธรรมแล้วหรือไม่ ผมเชื่อในความรู้และประสบการณ์ของท่านว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบน่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด" นายนพดลกล่าว

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี สว.จะยื่นอภิปรายตามรัฐธรรมนูญ ม.153 ว่า รัฐบาลเข้าใจในการทำหน้าที่ของ สว.ที่กำลังจะหมดวาระลงไป สิ่งใดที่จะทำเพื่อให้ประชาชนระลึกถึงการทำหน้าที่ของ สว.ในวาระท้ายๆ สว.คงต้องทำ แต่ขอให้เป็นการอภิปรายเพื่อให้ข้อเสนอแนะกับรัฐบาลจริงๆ ประชาชนที่ติดตามรับฟังจะสามารถตัดสินใจได้เองว่าช่วงระยะเวลา 3 เดือนกว่าที่รัฐบาลเข้ามาทำงาน รัฐบาลได้แก้ปัญหา ให้กับประเทศชาติและประชาชนได้มาก ทั้งที่งบประมาณปี 2567 ยังไม่ผ่าน แต่รัฐบาลก็สามารถผลักดันสร้างผลงานที่จับต้องได้มากมาย ทั้งการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสให้กับประชาชน

 ถ้า สว.บางท่านจะมาอภิปรายกันแบบระเบิดภูเขาเผากระท่อม เอาเป็นเอาตาย โดยไม่สนใจข้อเท็จจริง ทำหน้าที่แบบค้านสายตาประชาชน ก็จะเป็นการอภิปรายที่ประเทศชาติและประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร

เย้ยฝ่ายค้านไม่มีอะไรใหม่

นายอนุสรณ์กล่าวว่า กรณีพรรคฝ่ายค้านที่เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ก็ไม่มีอะไรที่รัฐบาลต้องวิตกกังวล เพราะเป็นการทำหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญให้สิทธิรับรองไว้ มีประเด็นใดที่ฝ่ายค้านต้องการคำอธิบาย รัฐบาลก็พร้อมทำหน้าที่มาตอบข้อซักถามนั้น เป็นห่วงแต่ผู้อภิปรายของฝ่ายค้านมากกว่าเสถียรภาพของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่สารภาพเองว่ามีปัญหากันนั้นได้รับการแก้ไขหรือยัง ผู้อภิปรายจะหาประเด็นอะไรใหม่ๆ มาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะหากติดตามจากการอภิปรายงบประมาณปี 2567 ก็ไม่มีอะไรที่รัฐบาลชี้แจงไม่ได้อีก ทั้งนิด้าโพลก็สะท้อนความคิดเห็นประชาชนกรณีอดีตนายกฯ ทักษิณไม่ส่งผลต่อความอยู่รอดของรัฐบาล

"การที่รัฐบาลทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้พี่น้องประชาชนตั้งแต่ฐานราก ควบคู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองก็มีความคืบหน้าไปมาก เชื่อว่าคะแนนนิยม ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก รัฐบาลเศรษฐามีเวลา 4 ปีในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ  ขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตนเองอย่างตรงไปตรงมา เคารพซึ่งกันและกัน เชื่อว่าประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างดี" นายอนุสรณ์กล่าว

นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการวิจารณ์ว่าการจะพักโทษอดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นการเลือกปฏิบัติและมีสิทธิพิเศษว่า ขอเรียกร้องให้เอาข้อเท็จจริงและระเบียบมาดู เนื่องจากประชาชนทั่วไปมีสิทธิรู้ว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ประกาศเรื่องการพักการลงโทษของกรมราชทัณฑ์นั้นออกสมัยรัฐบาลก่อนตั้งแต่ปี 2563 หลายปีก่อนที่พรรคเพื่อไทยจะมาเป็นรัฐบาล ไม่ได้ออกโดยรัฐบาลนี้ ดังนั้นระเบียบคงไม่ออกเพื่อช่วยอดีตนายกฯทักษิณ ประกาศนี้ใช้เป็นการทั่วไป ใช้กับทุกคนที่ต้องโทษมาแล้ว 1 ใน 3 และเข้าเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่ง คือ 1) เจ็บป่วยร้ายแรง 2) พิการ หรือ 3) อายุ 70 ปีขึ้นไป เจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติไม่ได้ และมีคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง และฝ่ายการเมืองไปแทรกแซงสั่งไม่ได้ การพักการลงโทษเป็นเรื่องสากล ไม่ใช่นวัตกรรมของไทย ประเทศพัฒนาแล้วก็มีการพักโทษ (parole)

นายนพดลกล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ถ้าท่านทักษิณเข้าเงื่อนไขก็มีสิทธิเฉกเช่นคนอื่น อย่าไปสร้างความสับสนและใส่ร้ายเลยว่าใช้อภิสิทธิ์ในการพักโทษ การวิจารณ์ก็เป็นสิทธิ์ แต่ต้องทำบนข้อเท็จจริงหรือ fact ไม่ใช่ fake หรือข้อมูลเท็จ ประชาธิปไตยไม่งอกงามด้วยอคติและความเท็จ บ้านเมืองต้องเดินหน้าเราควรมีความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน

นายวันชัย สอนศิริ สว. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า เมื่อคืนไปสวดมนต์เจริญจิตภาวนาที่วัดไก่เตี้ย  เขตตลิ่งชัน พระท่านว่าเมื่อเราละโลภ โกรธหลงได้ ดวงตาก็จะเห็นธรรม เพราะกิเลสทั้งสามเป็นตัวปิดกั้นที่จะทำให้จิตหลุดพ้น ทำให้คิดได้ว่าการละความโกรธเกลียดเคียดแค้น ชิงชัง อาฆาตมาดร้าย เป็นหนทางสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ตราบใดที่จิตใจยังฝังด้วยความโกรธความเกลียด ก็จะมองฝั่งตรงข้ามผิดไปทั้งหมด ส่วนคนใดที่เราชอบ เรารักก็จะถูกไปทั้งหมดทางพระเรียกว่า “อคติ’ ซึ่งมิใช่เป็นไปตามหลักการที่ถูกต้อง แม้จะทำตัวเป็นเจ้าหลักการตะโกนเรียกร้องหาความเป็นธรรม แต่แท้ที่จริงแล้วจิตใจฝังไปด้วยอคติ รักก็ว่าดีเกลียดก็ว่าชั่ว บ้านเมืองจึงไม่สามารถก้าวข้ามความขัดแย้ง ความปรองดองสมานฉันท์ได้ก็เพราะไอ้ตัวอคตินี่แหละ

'นิพิฏฐ์' ดีดปาก 'เสียอ้วน' อย่าเหลิง

นายวันชัยระบุต่อว่า แม้แต่เรื่องของคุณทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 มันก็มาจากอคติ คือความโกรธ ความเกลียด ความชิงชังที่ฝังอยู่ในกระดูก ไม่ยอมปล่อยวาง แล้วก็ทำตัวเป็นเจ้าหลักการแห่งกระบวนการยุติธรรม คนประเภทนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความถูกต้องหรือมีหลักการแต่อย่างใด ใครที่เป็นพวกของตัวเองและตัวเองชอบ แม้จะทำไม่ถูกต้อง ผิดหลักการทั้งหมด จะเผด็จการเบ็ดเสร็จ ไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ก็เห็นว่าถูกและเห็นว่าใช่ ไม่ปริปากสักคำ แม้คดีที่ศาลตัดสินเป็นพวกตนและถูกใจก็ว่าใช่ แต่ถ้าไม่ใช่พวกตน ศาลตัดสินมาไม่ถูกใจก็ว่าไม่ใช่ทั้งหมด ไม่ได้มีหลักการอะไร มาจากจิตใจที่โกรธเกลียดอาฆาตมาดร้ายประเภทไม่เผาผี อาฆาต 7 ชั่วโคตร พวกนี้เป็นอุปสรรคต่อการปรองดองสมานฉันท์

 “ความรักความสามัคคีเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของประเทศ ทั่วโลกเขาเรียกร้องเรื่องนี้ เรื่องอื่นเขาถือว่าเป็นเรื่องเล็ก ประเทศเราเดินมาถึงวันนี้ที่มีประชาธิปไตยจะเต็มใบความรักความสามัคคี ความปรองดองสมานฉันท์กำลังจะเกิดขึ้น ควรปล่อยวาง ทำจิตใจให้สงบ ลด ละ เลิกกันเสียบ้าง” นายวันชัยระบุ

นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ “เหลียวหลังแลหน้า ธรรมศาสตร์และประชาชน” ตอนหนึ่งถึงกรณีที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลตำรวจว่า ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ท.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.ปี 2566 ว่าควรปกป้องแพทย์ไว้ก่อน ให้คำแนะนำว่าอย่าไปเซ็นหรือรับรองอะไรที่มันไม่ถูก ช่วยกรุณาป้องกันเอาไว้ก่อนเรื่องนี้มีปัญหา เพราะความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ วันนี้ไม่ปรากฏวันหน้าก็ต้องปรากฏ รู้ว่าหลายๆ คนไม่อยากทำผิด

"ในอดีตมีแพทย์คนหนึ่งซึ่งเป็นคนคนหนึ่งต้องติดคุกเพราะเกรงใจ ผมมีรุ่นน้อง 2 คนจบธรรมศาสตร์ เป็นนายตำรวจยศ พล.ต.อ.กับ พ.ต.อ. เป็นนักกฎหมายทั้งคู่ แต่เพราะความเกรงใจ จนเป็นเหตุให้ต้องติดคุก 2 ปี ซึ่งน่าเสียดายมาก มาเสียตอนปลายชีวิต เพราะถึงเวลาไปทำอะไรที่ไม่สมควรก็โดนมาตรา 157 วันนี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ต้องสอนในสิ่งที่ถูกต้อง ผมเคยพูดเสมอว่ายอมขัดใจนายดีกว่าติดคุก เพราะผมเห็นอดีตปลัดกระทรวงคลังคนหนึ่งถูกไล่ออกเพราะไม่เอาเด็กของนักการเมืองขึ้นมาเป็นปลัด นี่คือความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าน่าเสียดาย รวมถึงศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ของเราด้วย ที่ไปทำในสิ่งที่ผิดพลาด ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เกิดจากความเกรงใจ วันนี้ความจริงไม่ปรากฏ แต่วันหนึ่งในอนาคตความจริงก็จะปรากฏหากมีการร้องเรียนขึ้นมา”  นายชวนกล่าว

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ "อำนาจทำให้ฉ้อฉล" ว่า ความจริง ผมชอบวิธีคิดของคุณภูมิธรรม เวชยชัย เป็นความคิดที่ไม่แข็งกร้าวจนเกินไป ประสานทุกฝ่ายได้ดี เสมือนมือประสานสิบทิศ บุคคลเช่นนี้ เป็นบุคคลที่พรรคก้าวไกลไม่มีแต่ระยะหลังๆ นี่ วิธีคิดของคุณภูมิธรรมเริ่มเปลี่ยนไป เช่น กรณีดิจิทัลวอลเล็ต คำพูดที่ว่าขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)อยู่ในโลกของความเป็นจริง อย่าจินตนาการ หรือคำพูดที่ว่า กรณีคุณทักษิณเป็น กม.ที่ออกมาสมัยพลเอกประยุทธ์ ทำนองว่า ถ้าจะโทษก็ไปโทษคุณประยุทธ์ เรื่องนี้ไม่มีใครเถียงว่า กม.มีการแก้ไขในสมัยพลเอกประยุทธ์ แต่ปัญหามันคือ “ป่วยจริงถึงขนาดนั้นหรือเปล่า” (เรื่องนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ ของคุณประยุทธ์ก็เป็นเด็กดี เงียบไม่กล้าหือหรือแก้ต่างให้พลเอกประยุทธ์หรอก)

"คุณภูมิธรรมกำลังย้อนอดีตไปเหมือนในสมัยที่คุณทักษิณเรืองอำนาจ ตอนคุณทักษิณเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และเป็นนายกรัฐมนตรี สมัยนั้นรัฐมนตรีต่างก็เหลิงในอำนาจ ดาหน้ากันมาพูดแบบนี้แหละครับ ไม่ฟังใคร ใครเห็นต่างก็หาว่าตกยุค จนที่สุดชะตากรรมเป็นอย่างไรก็รู้กันดี คุณภูมิธรรมวันนี้ก็เหมือน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี สมัยนั้นที่สนองนโยบาย จนถูกศาลฎีกาจำคุก 1 ปี ผมคาดการณ์ว่า หลังจากนี้ เมื่อมีใครติดคุกขึ้นมา เราจะได้ยินคำพูดเรื่อง “นิติสงคราม” บ้างละ “ตุลาการภิวัฒน์” บ้างล่ะ ออกมาจากปากของคนในรัฐบาลมากขึ้น แต่ตอนเหลิงอำนาจ ข่มขืนกระบวนการยุติธรรมไม่มีใครคิด #ควายใครก็เข้าคอกคนนั้น" นายนิพิฏฐ์ ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง