นายกฯขึงขัง! บี้ตำรวจสาง ปม‘ป้าบัวผัน’

“เศรษฐา” ขึงขัง สั่ง ผบ.ตร.สางปมแก๊งเยาวชนฆ่าป้าบัวผัน ลั่น รับไม่ได้จับแพะ “ชัยชนะ” แนะปิดช่องโหว่ กม.ลงโทษเด็ก ครบ 18 ปีให้นำตัวเข้าคุกต่อ “บิ๊กโจ๊ก” ระบุปมคลุมถุงดำ ความผิดสำเร็จแล้ว กรมพินิจฯ แยกขัง 5 ทรชนเด็ก

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มเยาวชนที่ จ.สระแก้ว รุมทำร้าย น.ส.บัวผัน ตันสุ หรือป้ากบ วัย 47 ปีจนเสียชีวิต ซึ่งภายหลังปรากฏมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามามีลักษณะช่วยเหลือผู้กระทำความผิดในคดีดังกล่าวว่า ตนได้กำชับไปกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แล้วว่าเรื่องนี้ต้องไปถึงรากฐานที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วไม่เหมาะสม ต้องจัดการให้ได้ ซึ่งในวันที่ 20 ม.ค. ตนมีกำหนดการไปดูโครงการตามพระราชดำริฯ ที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ด้วย จะมีการพูดคุยกัน เรื่องนี้ต้องสืบให้จบ และที่สำคัญต้องแถลงข่าวให้ประชาชนทราบว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร แท้จริงมันคืออะไร

เมื่อถามถึงการจับแพะแทนผู้กระทำความผิด นายเศรษฐากล่าวว่า “โอ๊ย คงรับไม่ได้หรอกครับ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎหมาย” เมื่อถามว่า จะสะสางคดีเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนสู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องทำให้ได้ และหากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนกระทำผิดกฎหมายด้วยต้องดำเนินการตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีความผิดของกลุ่มเยาวชนที่มีหลายฝ่าย รวมทั้ง ผบ.ตร.อาจจะมีการเสนอให้ปรับกฎหมาย ให้ผู้ที่มีอายุน้อยได้รับโทษ เพราะปัจจุบันมีผู้กระทำความผิดเป็นเยาวชนจำนวนมาก แต่ได้รับโทษสถานเบา นายกฯ ตอบว่า เรื่องนี้ต้องขอพูดคุยก่อน ตนได้ยินมาคร่าวๆ เหมือนกันระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ จะไปพูดคุยกับ ผบ.ตร.ว่าเหตุผลคืออะไร ข้อดี-ข้อเสียคืออะไร

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีของป้าบัวผันนั้น ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย  พ.ศ.2565 ต้องเปิดภาพการทำงาน แต่ไม่มีการบันทึกเทปในการเข้าจับกุม ทำให้เกิดข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใส จึงต้องนำมาซึ่งการปรับปรุงการทำงาน กฎเกณฑ์ระเบียบของราชการ และจะต้องอธิบายเหตุผลให้ในการปฏิบัติงานได้

นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ กล่าวว่า กรณีที่มีการเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อเอาผิดเยาวชนนั้น ต้องยอมรับว่ากฎหมายเปิดช่องให้เยาวชนพอสมควร ดังนั้น คิดว่าถ้าจะมีการแก้กฎหมายในอนาคต ต้องแก้ในส่วนที่กระทำผิดที่กำหนดว่าอายุ 18 ปี ต้องออกจากสถานพินิจ แต่การกระทำความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน ควรที่จะให้บุคคลนั้นออกจากสถานพินิจแล้วเอาไปคุมขังที่เรือนจำกลาง

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะประธาน กมธ.การสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 73, 74 และ 75 ระบุไว้ว่า เด็กที่มีอายุไม่เกิน 12 ปี ไม่ต้องรับโทษ​โดยส่งไปยังสถานพินิจ แต่อยู่ได้ไม่เกินอายุ 18 ปี หมายความว่าหากเด็กที่กระทำความผิดอายุ 14 ปี จะส่งให้คุมขังที่สถานพินิจได้สูงสุด 4 ปี สังคมอาจจะมองว่าเป็นการลงโทษที่เบามาก เป็นบทลงโทษที่ไม่สมควรแก่เหตุ ฉะนั้น เรื่องนี้ทาง กมธ.สวัสดิการฯ ได้เตรียมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารืออีกครั้ง ทั้งนักสิทธิมนุษยชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตัวแทนอธิบดีกรมกิจการเด็กฯ มาร่วมพูดคุยว่าเมื่อเกิดเหตุแล้วจะต้องดำเนินการอย่างไร

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กว่า หากจะมีการแก้ไขกฎหมาย ถ้าเป็นพฤติกรรมโหดร้ายรุนแรงพอๆ กับที่ผู้ใหญ่กระทำต่อผู้อื่น ก่อนที่ศาลจะพิจารณาโทษ อาจมีองค์คณะที่มีตัวแทนจากสหวิชาชีพเข้ามาดูพฤติกรรม เพื่อประเมินว่าเป็นพฤติกรรมที่รุนแรงเกินไป จะใช้โทษแบบเดิมไม่ได้ ต้องใช้โทษที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อเป็นทางออก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงสาเหตุที่ตำรวจต้องการปิดคดีให้เร็วว่า ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือลูกตำรวจด้วยกันแน่นอน แต่ความผิดที่เกิดขึ้นในกรณี พ.ร.บ.อุ้มหาย มันสำเร็จแล้ว ดังนั้น หากบุคคลใดที่เข้าไปเกี่ยวข้องต้องถูกดำเนินคดีโดยไม่มีการละเว้น ตอนนี้ได้สั่งให้แจ้งข้อหากับดาบตำรวจที่พบการกระทำความผิดแล้ว ทั้งมาตรา 157 และ พ.ร.บ.อุ้มหาย

นายโกมล พรมเพ็ง รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวถึงกรณีมีเพจเฟซบุ๊กโพสต์รูปภาพเยาวชน 1 ในกลุ่มวัยรุ่น 5 ราย คดีรุมอุ้มฆ่า น.ส.บัวผัน ในอิริยาบถนั่งกินดื่มอยู่ที่ทางเท้าหน้าร้านแห่งหนึ่ง จนโลกโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์ตั้งข้อสังเกตว่าถูกคุมตัวอยู่ในสถานพินิจฯ หรือไม่ ว่า เด็กทั้ง 5 รายยังอยู่ในการควบคุมของสถานพินิจฯ โดยเมื่อวันที่ 18 ม.ค. ได้มีการส่งตัวเยาวชน 3 ราย ประกอบด้วย ด.ช.แบงค์ อายุ 13 ปี, ด.ช.โก๊ะ อายุ 14 ปี และ ด.ช.บิ๊ก อายุ 16 ปี ไปควบคุมไว้ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.จันทบุรี โดยยังอยู่ระหว่างการกักโรคโควิด-19 ส่วนสาเหตุที่ย้ายจากสถานพินิจฯ สระแก้วนั้น เพราะสถานพินิจฯ สระแก้วเป็นสถานที่ควบคุมชั่วคราว มีลักษณะเป็นห้องแถว ไม่เหมาะสมกับการดูแลเด็กระยะยาว

นายโกมลกล่าวว่า ส่วนอีก 2 รายที่เป็นลูกตำรวจ ได้แก่ ด.ช.อายุ 14 ปี (เชน) และ ด.ช อายุ 13 ปี (กัส) ในวันเดียวกันจะมีการส่งตัวไปควบคุมไว้ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.ระยอง เพราะ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน มองว่าทั้งหมดต้องการแยกออกจากกัน เกรงว่าหากอยู่รวมกันจะเกิดปัญหาตามมา หรือเกิดการสมคบให้ถ้อยคำในบางประเด็นที่อาจทำให้เสียรูปคดีได้ เพราะทางเจ้าหน้าที่ต้องมีการตรวจสอบเป็นรายบุคคล

ที่สถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พร้อมทีมงานได้พาเยาวชนหญิงอายุ 15 ปี และพ่อของเด็กชายอายุ 16 ปี มาเข้าแจ้งความและร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.อรัญประเทศฯ เพิ่มอีก 2 ราย หลังผู้เสียหายเยาวชนหญิงวัย 15 ปี ถูกแก๊งทรชนลูกตำรวจกระทำชำเรา โดยบังคับขู่เข็ญ หากไม่ยินยอมจะเรียกเพื่อนมารุมข่มขืน

วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวกรณีคลิปเสียงตำรวจ สภ.อรัญประเทศ คดีป้าบัวผันหลุดออกมา โดยในคลิปมีคำพูดคล้ายกับว่าเจ้าหน้าที่ผิดพลาด เพิ่งเห็นคลิปวิดีโอกลุ่มวัยรุ่นขณะที่ลุงเปี๊ยก ถูกอนุมัติขังไปแล้ว ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงคลิปเสียงดังกล่าวว่า มีบันทึกการโทร.จริงหรือไม่ ล่าสุด ในรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ หนุ่ม กรรชัย ได้เผยที่มาของคลิปที่ตำรวจได้ให้กับสื่อมวลชนเองว่า โทร.ปรึกษากันในวันที่ 13 ม.ค. และอัดเสียงเอาไว้ เพื่อให้เข้าใจว่าเหตุการณ์โทร.ได้เกิดขึ้นหลังจากที่ฝากขังลุงเปี๊ยกไปแล้ว ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า การที่ตำรวจปล่อยหน้าจอโทร.เข้าและออกนั้น เพื่อยืนยันว่าเป็นข้อเท็จจริงใช่หรือไม่ โดยตำรวจสามารถโต้ได้ว่า มันสามารถยืนยันได้ด้วยวันที่ของคลิปที่อัดเสียงไว้  ซึ่งหนุ่ม กรรชัย ได้ทดลอง โทร.ผ่านระบบแอนดรอยด์พร้อมอัดเสียงในรายการ และทำการเปลี่ยนวันที่ เวลาโทร. ปรากฏว่าสามารถแก้ไขวันที่โทร.ออกได้จริง.