แห่ล้อมคอกโรงงานทำพลุ

มหกรรมล้อมคอก! นายกฯ เตรียมคุย รมว.อุตฯ แก้ กม.ควบคุมโรงงานพลุทั่วประเทศ แม้ไซส์เล็กแต่ผลิตสินค้าอันตราย ยันเร่งเยียวยาเหยื่อพลุสุพรรณฯ งานช้าง!“สมศักดิ์” มอบ 5 กระทรวงคุมโรงงานพลุ ขีดเส้น 10 วัน ต้องส่งกลับ มูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา มอบเงินให้กับ 17 ครอบครัว ครัวเรือนละ 2 หมื่น ส่งเด็ก 4 รายจนจบปริญญาตรี

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2567 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการให้ความช่วยเหลือเยียวยาในเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรีว่า ตอนนี้เรื่องทั้งหมดอยู่ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยเฉพาะเรื่องของการเยียวยาขึ้นอยู่กับ พม. อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะเกิดขึ้นบ่อย แต่ตอนนี้เราต้องทำในเรื่องของผู้ที่เสียชีวิต ต้องได้รับการเยียวยาที่ถูกต้อง รวมทั้งการพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิต คืนร่างให้กับญาติพี่น้อง เข้าใจว่าขณะนี้สามารถพิสูจน์ได้แล้วประมาณ 15 ราย และจะทยอยดำเนินการต่อไป

"เรื่องนี้เป็นเรื่องระยะสั้นที่ต้องดำเนินการไปก่อน ส่วนที่ต้องไปแก้ไขเรื่องกฎหมายก็ต้องไปดูกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะประเทศไทยมีโรงงานพลุจำนวนมาก จึงได้สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไป จัดการเรื่องนี้ให้ดี"

ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรฐานโรงงานในบ้านเรามีการกำกับดูแลได้ถูกต้องหรือไม่อย่างไร นายกฯ ตอบว่า ก็หวังว่าจะมีการกำกับดูแลที่ดีและถูกต้อง แต่เข้าใจว่าโรงงานพลุที่เกิดเหตุในครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะมีขนาดที่เล็กกว่ากำหนด ก็ต้องไปดูว่าจะมีกฎหมายตรงไหนที่จะทำให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าจะมีมาตรฐานความปลอดภัยได้

เมื่อถามย้ำว่า ควรจะให้โรงงานผลิตพลุทุกขนาดอยู่ภายใต้กำกับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรมหรือไม่ เพื่อจะได้เกิดมาตรฐานในการดูแล นายกฯ กล่าวว่า มันมีกฎที่ต้องควบคุมดูแลโดยกระทรวงอุตสาหกรรมอยู่แล้ว แต่ก็อย่างที่พูดกันว่าโรงงานที่เกิดเหตุเป็นโรงงานขนาดเล็ก ก็คงต้องไปพูดคุยกับ รมว.อุตสาหกรรม ว่าตามข้อเท็จจริงแล้วมีการขยายพื้นที่ของโรงงานหรือไม่ เพราะถ้าเป็นโรงงานใหญ่ขนาดนี้ ควรจะต้องให้ขึ้นเป็นโรงงานที่มีอันตรายและต้องอยู่ภายใต้การควบคุม อาจจะมีการจำกัดประเภทธุรกิจหรือสินค้า แม้ขนาดจะไม่ใหญ่ แต่หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น และมีความหายนะสูง ซึ่งอาจจะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามากำกับดูแลให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ฝ่ายปกครองท้องที่ ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมแนวทางการบริหารจัดการการอนุญาตให้ทำและค้าดอกไม้เพลิง การเยียวยา และแนวทางการแก้ไขในอนาคต

  โดยรองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องของการเยียวยา หากยังไม่ได้ใบมรณบัตรครบถ้วน จะยังไม่สามารถเยียวยาได้ครบทุกคน แต่คาดการณ์ว่าการออกใบมรณบัตรจะออกได้ครบภายในวันนี้ ส่วนการให้คำปรึกษาเรื่องผู้จัดการมรดก เพราะเงินหรือทรัพย์สินที่จะได้จากหน่วยงานต่างๆ แต่ละรายจะได้ไม่เท่ากัน หากบางคนมีบุตรยังเรียนหนังสืออยู่อายุไม่เกิน 25 ปี อาจจะได้อีก 5 หมื่นบาท หรือบางคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวอาจจะได้เพิ่มประมาณ 3 หมื่นบาท

นายสมศักดิ์กล่าวด้วยว่า ส่วนการบูรณาการกฎหมายว่าจะแก้ปัญหาในอนาคตอย่างไรนั้น เพราะระยะหลังเหตุโรงงานพลุระเบิดเกิดขึ้นทุกปี จากการตรวจสอบพบว่าหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องมี 5 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม แต่ประกาศที่ออกมาเป็นประกาศรวม ที่ประชุมจึงเห็นว่าควรมีการปรับประกาศของทั้ง 5 กระทรวงหลัก นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมไปดูประกาศ และจัดทำร่างกฎหมายเพื่อให้ส่วนรวมได้พิจารณาอีกครั้ง ว่าโรงงานประเภทที่มีกำลังน้อยกว่า 50 แรงม้า หรือคนงานน้อยกว่า 50 คน ซึ่งไม่เข้าข่ายในการควบคุมของกระทรวงอุตสากรรม ก็ให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมไปปรับร่างกฎหมายว่าจะควบคุมอย่างไรให้สอดคล้องความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยให้เวลา 7-10 วัน ให้ส่งกลับมาที่ตน เพื่อที่ตนจะส่งให้นายกฯพิจารณา

ด้านนายณัฐพลกล่าวว่า เราดำเนินการตามประกาศกระทรวงเกี่ยวกับโรงงาน โรงประกอบการ สถานที่จำหน่าย และสถานที่เก็บ ว่าต้องมีลักษณะอย่างไร รวมถึงการกำกับดูแลต่างๆ เป็นไปตามประกาศตั้งแต่ปี 2547 ดังนั้น รองนายกฯจึงมีดำริให้ปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยทาง 5 กระทรวง จะเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามมติที่ประชุมวันนี้ ส่วนการปรับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงงานอุตสาหกรรม พ.ศ.2535 ปัจจุบันจะครอบคลุมเฉพาะโรงงานเกิน 50 คน และเกิน 50 แรงม้า ซึ่งขณะนี้ในประเทศมี 8 โรงงานที่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.นี้ ส่วนอีก 42 โรงงานไม่ได้อยู่ในกำกับของกระทรวงอุตสาหกรรม การจะเข้าไปตรวจสอบเราจึงจะร่วมกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อเข้าตรวจสอบ 42 โรงงานที่พ.ร.บ.ฉบับนี้ควบคุมไม่ถึง

ขณะที่นายสมชัยกล่าวว่า ในส่วนของกรมการปกครองรับผิดชอบตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ซึ่งพลุเป็นส่วนประกอบของดอกไม้เพลิง นอกจากนี้ยังมีอนุบัญญัติเกี่ยวกับดอกไม้เพลิงหลายฉบับที่กำหนดการจัดเก็บพลุ รวมถึงมีหนังสือสั่งการที่กระทรวงมหาดไทยได้กำชับไปยังนายอำเภอ ให้ตรวจสอบสถานที่จำหน่าย สถานที่จัดเก็บและโรงงานผลิตดอกไม้เพลิง ซึ่งจากข้อมูลของกรมการปกครอง มีผู้ขออนุญาต จำหน่าย ผลิต นำเข้า ดอกไม้เพลิงกว่า 1,200 แห่ง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าเฉพาะฤดูกาล ส่วนโรงงานผลิตมีจำนวนน้อยมาก กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือสั่งการไปยังนายอำเภอให้ออกไปตรวจตราตามอนุบัญญัติที่ออกตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ พร้อมกับประกาศของ 5 กระทรวงข้างต้น

สำหรับความคืบหน้าที่วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว อ.เมืองฯ จ.สุพรรณบุรี สถานที่ตรวจอัตลักษณ์บุคคล และตั้งศพบำเพ็ญกุศลผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์พลุระเบิด ดร.อุดม โปร่งฟ้า ที่ปรึกษา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมทีมทนายความ เป็นตัวแทนบริษัท  ชมเดือน คอมเพล็กซ์ จำกัด มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย รายละ 10,000 บาท รวมเป็น 230,000 บาท รวมทั้งมอบเงินให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ทำงานกันแบบเหน็ดเหนื่อย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จากนั้นเดินทางไปดูที่เกิดเหตุ เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่เฝ้ารักษาที่เกิดเหตุ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจอัตลักษณ์บุคคลเสร็จแล้ว 8 ราย พร้อมจัดรถยนต์ 3 คัน รถพยาบาล 1 คัน ร่วมสนับสนุนเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตจำนวน 4 ราย ส่งบำเพ็ญกุศลวัดโป่งไหม อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี รถยนต์ น.เขต สมาคมร่วมใจสวนแตงสุพรรณบุรี นำร่างผู้เสียชีวิตนำส่งวัดขวาง วัดลาดกระจับ ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี และรถมูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี นำร่างผู้เสียชีวิตนำส่งวัดพระธาตุ ต.สวนแตง อ.เมืองสุพรรณบุรี ส่วนอีก 4 ราย ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี วันนี้ตรวจอัตลักษณ์บุคคลได้อีก 4 ราย รวมเป็น 12 ราย ให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลต่อไป

น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในนามตัวแทนของมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา จะได้มอบเงินให้กับ 17 ครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย เพราะบางครัวเรือนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ราย โดยจะมอบให้ครัวเรือนละ 20,000 บาท อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบข้อมูลเบื้องต้น มีเด็กเยาวชนที่อยู่ในวัยศึกษาซึ่งสูญเสียทั้งพ่อและแม่อยู่ประมาณ 4 ราย ดังนั้นมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา จะช่วยสนับสนุนทุนการศึกษาอย่างน้อยถึงระดับปริญญาตรี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.จับตาศึก ‘อบจ.ราชบุรี’

ประธาน กกต.ยันจับตาเลือกตั้ง อบจ.ราชบุรีวันอาทิตย์นี้ เตือนอย่าทำอะไรผิดกฎหมาย “2 ผู้สมัคร” แห่หาเสียงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะเด็กค่าย ปชน.

ไปข้างหน้าเพื่อชาติ! อิ๊งค์วอนเสื้อแดงให้เข้าใจ ราชทัณฑ์ดิ้นโต้เสรีพิศุทธ์

"นายกฯ อิ๊งค์" เผย ครม.นิ่งแล้ว รอตรวจประวัติเสร็จทำงานได้ทันที แจงจับมือ "ประชาธิปัตย์" เพื่อเสถียรภาพรัฐบาล บอกเข้าใจหัวอกคนเสื้อแดง วอนก้าวไปข้างหน้าเพื่อชาติ