ล้อมคอกพลุบึ้ม จ่อคลอดโซนนิง คุมเข้มตั้งโรงงาน

นายกฯ ส่ง "สมศักดิ์" ลงพื้นที่สุพรรณฯ สั่งเร่งเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต แจงได้รวมรายละ 3 แสนบาท  นัดประชุมทุกฝ่ายล้อมคอก ถกสาเหตุแก้ปัญหาระยะยาว ผบ.ตร.ยันยังเสียชีวิต 23  ราย สั่งตั้ง ศปก.พิสูจน์เอกลักษณ์บุุคคล   กำชับตำรวจทั่วประเทศหารือฝ่ายปกครอง จ่อคลอดโซนนิ่งคุมเข้มตั้งโรงงาน พม.ตั้งวอร์รูมช่วยเหลือ เตรียมทำบุญครบ 7 วัน อุทิศส่วนกุศลให้เหยื่อเหตุพลุระเบิด

เมื่อวันที่ 18 มกราคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส สมาพันธสวิส ได้แสดงความเป็นห่วงเหตุโรงงานพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี และเสียใจที่ทำให้เกิดความสูญเสียชีวิต 23 ราย โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม สำรวจการจัดตั้งโรงงาน ระบบความปลอดภัย,   กระทรวงสาธารณสุข ดูแลประชาชนในพื้นที่โดยรอบ หากได้รับผลกระทบจากวัตถุเคมีผลิตพลุที่ระเบิด, กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ดูสภาพอากาศที่กระทบและสภาพแสดล้อมต่างๆ รวมถึงกระทรวงแรงงาน ที่เยียวยาญาติผู้เสียชีวิตด้วย พร้อมสั่งให้ตรวจสอบโรงงานประเภทที่มีวัตถุอันตรายทั่วประเทศ ให้มีความมั่นใจว่าจะต้องไม่มีเหตุการณ์เกิดซ้ำซ้อนในทุกกรณี

ทางด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีพลุระเบิด ที่วัดโรงช้าง ตำบลศาลาขาว จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อแสดงความเสียใจและให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมชี้แจงแนวทางการช่วยเหลือกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งนายสมศักดิ์ได้นั่งพูดคุยกับญาติของผู้เสียชีวิต พร้อมยืนยันว่านายกฯ ห่วงใยและสั่งการให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือเยียวยาแบบเร่งด่วน

นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ว่า นายกฯ ได้มอบหมายให้ตน ซึ่งทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบในทุกด้าน พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และกำชับเรื่องการเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย โดยขณะนี้มีกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเยียวยากรณีเสียชีวิต 50,000 บาท, การทำศพ 30,000 บาท, ค่าดูแลบุตรที่กำลังศึกษาอายุไม่เกิน 25 ปี อีก 50,000 บาท รวมเป็นรายละ 130,000 บาท รวมถึงยังมีเงินเยียวยาของกระทรวงยุติธรรม ให้ผู้เสียชีวิตอีกประมาณ 200,000 บาท รวมทั้งยังมีเงินเยียวยาจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงมหาดไทย อีกจำนวนหนึ่ง ดังนั้นรวมแล้วครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยาประมาณรายละ 300,000 บาท

 “พรุ่งนี้ (19 ม.ค.) ผมจะประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นทุกประเด็น รวมถึงการบูรณาการในการแก้ปัญหาไม่ให้เกิดเหตุระเบิดซ้ำอีก พร้อมจะมีการหารือถึงการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ โดยข้อสรุปในที่ประชุม ผมจะนำเสนอต่อนายกฯ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 23 ม.ค.”

ส่วนสาเหตุที่เกิดครั้งนี้ ตนได้รับรายงานว่าโรงงานพลุมีวัตถุระเบิดคือดินปืนที่เป็นตัวจุดระเบิด แต่สิ่งที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิตเป็นเพราะตัวเร่ง คือ โพแทสเซียมคลอเรต ที่เป็นสารแคตตาไลท์ ซึ่งเมื่อมีดินปืนระเบิดทำให้เกิดการสันดาป จึงเกิดแรงระเบิดและแรงอัด ที่ทำให้ผู้อยู่ในบริเวณเสียชีวิตอย่างกะทันหัน โดยเป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นทุกปี ดังนั้น จากนี้ไปต้องมีการแก้ปัญหา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าโรงงานมีการขอใบอนุญาตการให้ทำและค้าดอกไม้เพลิงถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงกระทรวงกลาโหมได้ตรวจสอบการสั่งซื้อสารเคมีประกอบวัตถุระเบิด พบว่าปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้อง ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมตรวจสอบพบว่าสถานที่เก็บพลุแห่งนี้ไม่ได้ขออนุญาตเป็นโรงงาน จึงทำให้ไม่มีการตรวจสอบวัตถุอันตราย จึงมองว่าตรงนี้เป็นจุดอ่อน

นายสมศักดิ์ยอมรับว่า กฎหมายและระเบียบทั้งหมดที่มีอยู่ไม่สามารถควบคุมให้เกิดความปลอดภัยต่อโรงงานลักษณะนี้ในทุกประเด็น โดยจะเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการศึกษาว่าจะต้องปรับกฎเกณฑ์อะไรบ้าง

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางมาตรวจติดตามการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ วัดโรงช้าง โดยความคืบหน้าล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 23 ราย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ซึ่ง ผบ.ตร.สั่งการให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.) 2 จุด คือ ศปก.สน. ตั้งอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ และ ศปก.ร่วมฯ ณ วัดโรงช้าง เพื่อนำศพทั้ง 23 รายมาตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์ และให้การช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต รับแจ้งคนหายเพิ่ม

ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้พบร่าง 22 ราย ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ 4 ราย กำลังจะเคลียร์พื้นที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และอีโอดีเข้าไปเคลียร์พื้นที่อีกครั้ง ตอนนี้ยังทยอยนำศพออกมา ซึ่งการเข้าเคลียร์พื้นที่ต้องใช้ความระมัดระวัง และต้องรักษาสภาพที่เกิดเหตุไว้ให้ได้มากที่สุด  นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศ ร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานที่เก็บพลุ วัตถุอันตรายที่ในลักษณะใกล้เคียง เพื่อหามาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก และหารือฝ่ายปกครองว่าเราควรจะนำโรงงานแบบนี้ออกมาอยู่นอกชุมชน หรืออาจต้องกำหนดโซนนิ่งหรือไม่ ไม่อยากให้วัวหายแล้วล้อมคอก

ต่อมาเวลา 15.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. สาธารณสุข เดินทางมาติดตามความคืบหน้าเหตุโรงงานพลุระเบิด โดยได้ไปพูดคุยทักทายให้กำลังใจญาติของผู้เสียชีวิตทุกคนที่นั่งรอพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลอยู่ภายในบริเวณวัดโรงช้าง พร้อมกับบอกว่า เข้าใจความรู้สึกของผู้ที่สูญเสียของพี่น้องทุกคน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการเยียวยาจิตใจ และขอให้คำมั่นสัญญาว่าครอบครัวไหนที่สูญเสียบิดามารดา จะมีการเยียวยาโดยมีทุนการศึกษาให้บุตรหลานถึงขั้นเรียนจบและดูแลตนเองได้ นอกจากนี้จะเร่งหาแนวทางเยียวยาทั้งสภาพจิตใจและเรื่องของอาชีพให้แก่ครอบครัวอีกด้วย เชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการมีกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป

นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้แก้ระเบียบการขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตพลุดอกไม้ไฟทั่วประเทศใหม่ หลังเกิดโรงงานพลุระเบิดหลายครั้งว่า กำลังเร่งศึกษาอยู่ เพราะกว่าจะได้ใบอนุญาตต้องผ่านขั้นตอนเยอะ โรงงานพลุที่ จ.สุพรรณบุรี ใช้เวลา 2 ปี ส่วนเรื่องใบอนุญาต เชื่อว่าได้มีการเขียนกำกับไว้ว่ามีข้อห้ามข้อปฏิบัติอย่างไรไม่ให้เกิดความเสี่ยง เชื่อว่าจะต้องมีอะไรที่ล้ำเส้นเรื่องความปลอดภัยอย่างแน่นอนถึงเกิดเหตุรุนแรงได้ขนาดนี้ ทั้งนี้ โทษผู้ว่าฯ กับเจ้าหน้าที่ไม่ได้

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งได้ให้นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการ รมว.พม. และนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดพม. ตั้งศูนย์วอร์รูมของกระทรวง ระดมสรรพกำลังทุกหน่วย นักสหวิชาชีพ นักจิตวิทยา เร่งเข้าเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้ โดยจะมีงบประมาณจากหลายหน่วยงาน แต่ละรายคาดว่าจะมีเงินสนับสนุนไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท นอกจากนี้ ในฐานะรองประธานมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา ได้ทราบว่ามีเด็กๆ 10 กว่าขวบที่เรียนระดับมัธยม ที่สูญเสียทั้งบิดามารดา ทางมูลนิธิจะเข้าไปช่วยดูแลค่าใช้จ่ายในการศึกษาของน้องๆ ทุกคน ทั้งนี้ ต้องกราบขออภัยพี่น้องประชาชน เพราะขณะนี้ได้ขอลากิจ แต่ถึงอย่างไรการทำงานยังเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ

นายนิกร จำนง ประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบาย รมว.พม. และที่ปรึกษาศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน เปิดเผยว่า วันที่ 23 ม.ค.นี้ พม.เตรียมทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตในห้วงเวลาครบ 7 วัน บริเวณพื้นที่เกิดเหตุโรงงานพลุระเบิด โดยมี น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาฯ เป็นประธานพิธี และภายหลังเสร็จพิธีทำบุญแล้ว น.ส.กัญจนาและคณะจะเดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจเด็กและเยาวชน 3 ครอบครัว ที่ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียทั้งบิดามารดาพร้อมกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.จับตาศึก ‘อบจ.ราชบุรี’

ประธาน กกต.ยันจับตาเลือกตั้ง อบจ.ราชบุรีวันอาทิตย์นี้ เตือนอย่าทำอะไรผิดกฎหมาย “2 ผู้สมัคร” แห่หาเสียงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะเด็กค่าย ปชน.

ไปข้างหน้าเพื่อชาติ! อิ๊งค์วอนเสื้อแดงให้เข้าใจ ราชทัณฑ์ดิ้นโต้เสรีพิศุทธ์

"นายกฯ อิ๊งค์" เผย ครม.นิ่งแล้ว รอตรวจประวัติเสร็จทำงานได้ทันที แจงจับมือ "ประชาธิปัตย์" เพื่อเสถียรภาพรัฐบาล บอกเข้าใจหัวอกคนเสื้อแดง วอนก้าวไปข้างหน้าเพื่อชาติ