7ต่อ1ฟัน‘เสี่ยโอ๋’ซุกหุ้น ‘น้องเพลง’นั่งสส.แทน

"ศาล รธน." ฟัน "ศักดิ์สยาม" พ้นตำแหน่ง รมต. เหตุพยานหลักฐานชี้ชัดให้นอมินีถือหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ แทน เจ้าตัวน้อมรับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ไม่กังวลกระทบการเมือง "อนุทิน" เผย "เสี่ยโอ๋" ลาออกเลขาธิการพรรค ภท.-สส.แล้ว "พิพัฒน์-ทรงศักดิ์-ไชยชนก" ลุ้นนั่งพ่อบ้านพรรคแทน ขณะที่ "น้องเพลง ชนม์ทิดา อัศวเหม" ขึ้นแท่น สส.บัญชีรายชื่อ

เมื่อวันที่ 17 มกราคม เวลา 14.00  น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ ลงมติและอ่านคำวินิจฉัย ในคดีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ว่าสมาชิกภาพนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในขณะนั้น สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่ จากกรณียังคงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและเป็นผู้ถือหุ้นและเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ทำให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหุ้น หรือกิจการของห้างหุ้นส่วนเป็นการกระทำต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี มาตรา 4 (1)

โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 1 วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยามสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) เนื่องจากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าหุ้นของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐ และนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ พนักงานห้างหุ้นดังกล่าวถืออยู่นั้น แท้จริงยังคงเป็นหุ้นของนายศักดิ์สยาม โดยศาลฯ มีคำสั่งให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยามสิ้นสุดลงนับตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.66 ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายศักดิ์สยามหยุดปฏิบัติหน้าที่

ทั้งนี้ ก่อนการพิจารณาคำร้อง   ประธานศาลรัฐธรรมนูญ​แจ้งว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ​ลาป่วย คือนายวิรุฬห์ แสงเทียน สำหรับตุลาการเสียงข้างน้อย 1 คนคือ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม เห็นว่าความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ

ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้เดินออกจากศาลรัฐธรรมนูญด้วยสีหน้าเรียบเฉย พร้อมระบุว่า รอคัดคำวินิจฉัยของศาลฉบับเต็มก่อน ภายใน 15 วัน เพื่อดูว่าศาลจะให้ปฏิบัติอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไร นายศักดิ์สยามส่ายหน้าพร้อมระบุว่า ไม่ได้รู้สึกอะไร เราเคารพคำวินิจฉัย

เมื่อถามว่า มีผลต่ออนาคตทางการเมืองหรือไม่ เพราะเป็นการถูกตัดสินว่าตั้งนอมินีมาถือหุ้นแทน นายศักดิ์สยาม ย้ำว่า ขอคัดคำวินิจฉัยของศาลก่อน  แล้วเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที

เมื่อถามย้ำว่า เรื่องนี้กังวลหรือไม่ นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ไม่มี

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยจากนายศักดิ์สยาม มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.2567 เป็นต้นไป ซึ่งพรรคจะได้แจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองต่อไป นอกจากนี้ ได้รับแจ้งจากนายศักดิ์สยามว่าได้ทำหนังสือลาออกจากการเป็น สส. ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.2567 เป็นต้นไปด้วย

 “การลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคและ สส. เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ แม้ว่าคำพิพากษาของศาลจะไม่มีผลต่อตำแหน่งเลขาธิการพรรคและสส. แต่ท่านยินดีที่จะลาออกด้วย” นายอนุทินระบุ

นายอนุทินกล่าวอีกว่า ยังไม่ได้อ่านคำพิพากษาอย่างละเอียด จึงขอสอบถามรายละเอียดก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อไป หากมีผลกระทบ นายศักดิ์สยาม​คงดำรงตำแหน่งใดๆ ทางการเมืองไม่ได้ ทั้ง สส.และเลขาธิการพรรค ซึ่งก็ต้องดำเนินการคัดสรรเลขาธิการพรรคคนใหม่มาทำหน้าที่

ส่วนกังวลหรือไม่ว่าจะส่งผลไปจนถึงขั้นยุบพรรค นายอนุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องการจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล แต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบการแจกแจงแจ้งทรัพย์สินให้กับทางรัฐให้รับทราบ นี่จึงเป็นเจตนารมณ์ในการแจ้งทรัพย์สินไป หากแจ้งไม่ถูกมีคนมาตรวจสอบก็ต้องแก้ไขให้ได้ หากแก้ไขไม่ได้ก็นำไปสู่การดำเนินคดี การร้องเรียนต่างๆ พร้อมย้ำว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่พรรคก็ยังเป็นพรรค ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายศักดิ์สยามลาออกจากการเป็นเลขาธิการพรรค และ สส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย ส่งผลให้ น.ส.ชนม์ทิดา อัศวเหม ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 5 ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทยคนใหม่ แต่ขึ้นอยู่กับ น.ส.ชนม์ทิดา จะรับตำแหน่งหรือไม่

นอกจากนี้ ตำแหน่งเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยคนใหม่ คาดการณ์ว่าอาจจะเป็นคนใดคนหนึ่ง โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นลูกชายของนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า นายศักดิ์สยามได้โทร.มาคุยกับตน ยังคุยกันสนุกสนานเฮฮา และเคารพในคำตัดสินของศาล พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่ได้ผิดอะไร แต่ในเมื่อศาลตัดสินแล้วก็ต้องยอมรับ ตนมองว่านายศักดิ์สยามมีกำลังใจดีกว่าตนเสียอีก เพราะตนพอทราบข่าวแล้วยังใจสั่นไม่หาย และการพูดคุยที่ผ่านมานายศักดิ์สยามยังกล่าวกับตนว่าอยากให้ตัดสินให้เสร็จเสียที จะได้เริ่มต้นใหม่ จนวันนี้ที่ศาลมีคำตัดสิน กลายเป็นนายศักดิ์สยามมาปลอบตนแทน รวมถึงสมาชิกพรรคและคนสนิทด้วย ทั้งนี้ นายชาดากล่าวว่า น้ำเสียงของนายศักดิ์สยามมีความหนักแน่น ไม่ได้แกล้งพูด ตนมองว่าเรื่องนี้เป็นเกมกติกาทางการเมือง รับได้หรือไม่ได้ก็ต้องรับ

นายชาดาเน้นย้ำว่า นายศักดิ์สยามไม่ได้ทุจริต คดีดังกล่าวเป็นเรื่องของบริษัท แต่ตัวนายศักดิ์ไม่ได้มีอะไรเสียหาย เรื่องของธุรกิจก็ว่ากันไป แต่ไม่ใช่การทุจริต ตัวของนายศักดิ์สยามเองจึงไม่ได้สนใจอะไร น้ำเสียงยังไม่เปลี่ยน

ส่วนนายศักดิ์สยามจะมีโอกาสกลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกหรือไม่นั้น นายชาดา กล่าวว่า กลับมาแน่นอน แต่ต้องไปถามนายศักดิ์สยามเอง ตนคงตอบแทนไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในนามของสมาชิกพรรคทุกคน ยังยึดมั่นในตัวนายศักดิ์สยาม แต่ต้องยอมรับตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ พร้อมยืนยันว่าคดีดังกล่าวไม่ส่งผลอะไรกับพรรคภูมิใจไทยแน่นอน เพราะไม่ใช่เรื่องทุจริตโกงกิน

ส่วนเรื่องนี้จะส่งผลต่อการเซ็นรับรองผู้สมัคร สส.ของพรรคหรือไม่นั้น ก็ไม่เกี่ยวข้อง เพราะคำตัดสินของศาลเกี่ยวข้องกับความเป็นรัฐมนตรี เป็นกฎหมายคนละฉบับกัน เป็นคนละเรื่องกัน และนายศักดิ์สยามยังคงเป็นเลขาธิการพรรคต่อไปได้ การสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีสองปี ตอนนี้เหลืออีกปีเดียวก็กลับมาเป็นรัฐมนตรีได้ เพราะคำตัดสินของศาลมีผลตั้งแต่ปี 2565 เหลืออีกปีกว่าๆ ก็กลับมาเป็นรัฐมนตรีได้ เพราะไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง

วันเดียวกัน ยังมีความเคลื่อนไหวของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)​ เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.ที่มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พร้อมดำเนินคดีอาญา น.ส.เกศกานดา อินช่วย ผู้สมัคร สส.กทม.เขต 16 พรรคประชาธิปัตย์ เพิ่มเติมอีกหนึ่งคดี จากกรณีหาเสียงเลือกตั้งและการแจกเงินซื้อเสียง เป็นการทุจริตการเลือกตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.2561 มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้ง สส.กทม. เขตเลือกตั้งที่ 16 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.เกศกานดา มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม จึงมีคำสั่งให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ น.ส.เกศกานดา ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 138วรรคหนึ่ง และให้ดำเนินคดีอาญา แก่ น.ส.เกศกานดา พร้อมพวก ตามกฎหมายเดียวกัน มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 158 วรรคหนึ่ง รวมทั้งให้กันผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนดังกล่าวไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดีตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 2560 มาตรา 46 ประกอบระเบียบ กกต.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกันบุคคลไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ.2563 ข้อ 5 และข้อ 6.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง