โหน‘วันเด็ก’โยงคดีม.112

ทำเนียบรัฐบาล ๐ "ลุงนิด" เปิดทำเนียบฯ รับวันเด็ก ไฮไลต์นั่งเก้าอี้นายกฯ "น้องโชค" โชคดีสมชื่อได้นั่งคนแรก ส่วนนักการเมือง เอ็นจีโอ โหนวันเด็กกันคึกคัก  "พิธา" แนะจะเป็นนักการเมืองไม่จำเป็นต้องพูดเก่ง แต่ต้องมีจิตสาธารณะ ส่วนแอมเนสตี้มามุกใหม่  เด็กอายุต่ำกว่า 18 สองคนโดน ม.112  เรียกร้องให้ทางการไทยหยุดข่มขู่และดำเนินคดีอาญาต่อเด็ก

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 13 มกราคม ทำเนียบรัฐบาลเปิดให้เด็กและเยาวชนเข้ามาเยี่ยมชมและร่วมกิจกรรมภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งไฮไลต์สำคัญคือการนั่งเก้าอี้ทำงานนายกรัฐมนตรี  โดยมีเด็กจำนวนมากที่คาดหวังจะเป็นเด็กคนแรกที่ได้นั่งเก้าอี้ทำงาน “นายกฯ ลุงนิด” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

สำหรับปีนี้เด็กที่เดินทางมาทำเนียบรัฐบาลคนแรกและได้นั่งเก้าอี้ทำงานนายกรัฐมนตรี “ลุงนิด” ได้แก่ “น้องโชค” เด็กชายชนะโชติ แสนงบ นักเรียนชั้น ม.1 จากโรงเรียนวัดชมนิมิตร อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งได้เดินทางออกจากบ้านพร้อมกับคุณย่า ตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น. โดยน้องโชคคาดหวังจะได้รับรางวัลเป็นจักรยาน เพื่อใช้ขี่ไปโรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือ ซึ่งปีนี้เป็นปีที่สองแล้วที่ได้เดินทางมาร่วมกิจกรรมวันเด็ก ณ ทำเนียบรัฐบาล

น้องโชคกล่าวว่า ประทับใจบรรยากาศ รวมถึงได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ   มากมาย ทั้งสนุกและได้รับความรู้ ได้รับของรางวัลจำนวนมาก ทั้งนี้ น้องโชคได้ฝากบอกนายกรัฐมนตรี “ลุงนิด” ขอให้อยู่ทำงานไปนานๆ และขอให้สุขภาพแข็งแรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเดินดูซุ้มกิจกรรมวันเด็กในช่วงเช้าแล้ว นายเศรษฐาได้ใช้เวลาช่วงบ่ายในการคุยงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นเวลา 15.30  น. นายเศรษฐาได้เดินทางออกจากตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อไปขึ้นรถบริเวณประตู 1  โดยสวมเสื้อฟุตบอลทีมลิเวอร์พูลสีแดง  สกรีนข้างหลังตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า   ST หมายเลข 4 ซึ่งมีเด็กผู้ชายได้ถือลูกฟุตบอลเข้าไปให้นายกรัฐมนตรีเซ็น และมีเด็กๆ ต่างวิ่งเข้ามาขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งนายปริญญา สุขชิต  ผู้สืบสานตำนานว่าวไทย ได้นำหนังสือตำราเล่นว่าวมามอบให้กับนายกฯ โดยนายเศรษฐากล่าวว่า "ผมคิดว่าน่าจะอยู่ในซอฟต์พาวเวอร์ได้ แสดงในเทศกาลต่างๆ"

จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ใน ส.ค.ส.ที่ส่งมาถึงนายกฯ มีน้องคนหนึ่งอยู่ ม.4 เขียนถามว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ตจะได้เมื่อไหร่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่มีเวลาอ่าน ส.ค.ส.เลย แต่เด็ก ม.4 ถ้าอายุ 16 ปีแล้วก็มีสิทธิได้    เมื่อถามอีกว่าเด็กเขียนมาด้วยว่าอยากเป็นลูกนายกฯ นายเศรษฐาเพียงตอบรับว่า ครับ

วันเดียวกันนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เข้าร่วมกิจกรรมวันเด็ก ณ มิวเซียมสยาม  กรุงเทพฯ ซึ่งมีบูธต่างๆ ภายใต้ธีม Play เช่น Play Gallery เล่นเล่าเรื่อง, Play Gourmet เล่นรู้รส, Play and Growth เล่นล่าฝัน โดยนายพิธาแวะเยี่ยมชมบูธ Play Grooming หรือเล่น Learn เพลิน  ซึ่งเป็นบูธที่เน้นการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็ก ฝึกระบายสี ประกอบของเล่นไม้ เช่น ว่าว ลูกข่าง คอปเตอร์ไม้ไผ่

นายพิธากล่าวถึงเรื่องคำอวยพรเนื่องในวันเด็กแห่งชาติว่า ตนไม่มีคำอวยพร คำขวัญใดๆ นอกจากคำมั่นสัญญาว่าอยากจะให้ทุกวันเป็นวันเด็ก  ไม่ใช่แค่วันใดวันหนึ่งที่เรามาพบปะกันที่เราเล่นกันเล็กน้อย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้คือการมีพื้นที่แบบภายในงานนี้  แบบที่ทุกหน่วยงานจัดขึ้นในวันเด็ก เพื่อให้เด็กๆ มีพื้นที่ในแสดงออกการเป็นตัวของตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องประนีประนอม

นายพิธายังตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า หากมีเด็กอยากโตเป็นนักการเมือง จะมีคำแนะนำอย่างไร พิธากล่าวว่า อันดับหนึ่งต้องเข้าใจตนเองว่าทำไมอยากเป็นนักการเมือง จะเป็นนักการเมืองไม่จำเป็นต้องพูดเก่ง แต่ต้องมีจิตสาธารณะ หรือ public minded ที่สนใจสิ่งรอบข้าง ตนขอเป็นกำลังใจ อยากให้มีคนรุ่นใหม่ คนที่มีกำลังเข้าสู่การเมืองเยอะๆ

ส่วนแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล   ประเทศไทย จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ที่ด้านหน้าทำเนียบฯ ประตู 5 ฝั่งกระทรวงศึกษาธิการและหน้ารัฐสภาไทย กรุงเทพมหานคร ใช้ชื่อกิจกรรมในครั้งนี้ว่า "ปล่อยผ้าเรียกร้องรัฐไทยหยุดคุกคามสิทธิเสรีภาพเด็ก" มีเป้าหมายเพื่อส่งเสียงเรียกร้องถึงนายเศรษฐา  พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ให้หยุดข่มขู่คุกคาม หยุดติดตาม  และยุติการดำเนินคดีอาญากับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบในช่วงปี 2563 จนถึงปัจจุบัน

ข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนพบว่า ปัจจุบันมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีถูกดำเนินคดีจากการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและชุมนุมประท้วงโดยสงบมากกว่า 286 คน รวม 215 คดี ในจำนวนนี้มีเด็กที่ถูกดำเนินคดีที่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือคดี "หมิ่นประมาทกษัตริย์" มากกว่า 20 คน รวม 23 คดี และมีเด็กประมาณ 2 คน ต้องมีชีวิตที่ไร้อิสรภาพเพราะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจากคดีนี้

ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย   เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2563-2566 นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่กระบวนการยุติธรรมดำเนินคดีอาญากับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ หากมองตามหลักสิทธิมนุษยชนระดับสากล สะท้อนให้เห็นว่าทางการไทยกำลังลิดรอนสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกของเด็กอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ พ.ศ.2532 (UNCRC) ระบุว่า เด็กทุกคนมีสิทธิมนุษยชนเท่าเทียมกับผู้ใหญ่ ทั้งการใช้สิทธิในการพูดและแสดงความคิดเห็น  รวมถึงสิทธิการได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัย เข้าถึงการศึกษา และอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี แต่การที่รัฐไทยดำเนินคดีอาญากับเด็กที่มาร่วมชุมนุมช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เหมือนการลดมาตรฐานเกินกว่าที่ประชาสังคมโลกจะยอมรับได้  เพราะเด็กทุกคนไม่เพียงแต่เป็นอนาคตของชาติ แต่พวกเขาคือปัจจุบันที่จะนำพาประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้

“วันเด็กไม่ควรเป็นเพียงแค่วันที่ผู้ใหญ่ให้คำสอนว่าเด็กควรปฏิบัติตัวอย่างไร แต่เป็นวันที่ผู้ใหญ่และรัฐควรคำนึงถึงความสำคัญและสิทธิต่างๆ   ของพวกเขา ตามสิทธิที่ถูกเขียนเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศและในประเทศ วันเด็กแห่งชาติปี 2567 นี้ แอมเนสตี้เรียกร้องให้ทางการไทยหยุดข่มขู่และดำเนินคดีอาญาต่อเด็ก”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง