นายกฯต่อสายฮุน มาเนต เล็งผุดคณะทำงานแก้ฝุ่น

“เศรษฐา” เผยยกหูคุย “ฮุน  มาเนต” แล้ว ตั้งคณะทำงานร่วมแก้ PM  2.5 เตรียมประชุมวงเล็กสระแก้ว ก่อนนัดลงพื้นที่ร่วมกันดูปัญหาจริง “ชัย” ตีปี๊บ  กทม.ขานรับแก้ฝุ่นพิษตามดำรินายกฯ  “ดร.เอ้” ยกต่างประเทศแก้ได้หากทำจริงจัง

เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2567 ที่วัดพระธาตุดอยคำ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM  2.5 ว่า เมื่อคืนวันที่ 11 ม.ค. ได้โทร.คุยกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และตั้งคณะทำงานกันขึ้นมา และฮอตไลน์คุยกันได้ตลอด โดยบ่ายนี้น่าจะมีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการขึ้น เป็นการตั้งคณะทำงานร่วม เพราะท่านเองก็ตระหนักในปัญหานี้ ซึ่งปัญหาของเราก็ขึ้นกับทิศทางลมด้วย ถ้าเราเผาอาจไปทางเขา เขาเผาอาจมาทางเรา อันนี้ต้องเป็นความร่วมมือของทั้งสองประเทศ ก็ดีใจที่ผู้นำของกัมพูชาได้ให้ความสำคัญและพูดคุยกัน

นายเศรษฐากล่าวต่อว่า เมื่อเช้านี้สำนักงานเลขาฯ นายกรัฐมนตรีได้มีการติดต่อกันแล้ว จะเป็นการตั้งคณะทำงานขึ้นมา อาจใช้จิสด้าของเราเป็นจุดศูนย์กลางในการวัดค่าฮอตสปอตทั้งหลาย และจะพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง จะได้ชี้เบาะแสได้ว่าตรงไหนมีการเผาเยอะ หากเราไม่ประชุมกันตนก็อาจไม่ทราบ ที่มีการรายงานเข้ามา ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ถือว่าสำคัญ  ไม่ใช่แค่จะมาส่งเสริมการท่องเที่ยวหรือเศรษฐกิจอย่างเดียว สิทธิพื้นฐานของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน เรื่องอากาศสะอาดและพระราชบัญญัติอากาศสะอาดได้เข้าสภาเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่จบ เข้าใจว่ามีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง แต่อาทิตย์หน้าก็น่าจะจบได้

เมื่อถามว่า มีโอกาสจะลงพื้นที่ร่วมกันหรือไม่กับกัมพูชาเพื่อดูปัญหา นายกฯ กล่าวว่า แน่นอน หากจำได้ครั้งที่เดินทางไปจังหวัดสระแก้ว มีการดำริจะประชุมวงเล็กที่นั่น ซึ่งต้องดูก่อน เพราะสมเด็จฮุน มาเนต จะมาไทยวันที่ 7 ก.พ. จะพูดคุยกันเรื่องนี้ และนัดประชุมครั้งต่อไปจะมีการลงพื้นที่จริงๆ ในพื้นที่ จ.สระแก้ว เพราะเป็นจุดศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ การค้าระหว่างสองประเทศ และถือโอกาสพูดคุยกันในหลายเรื่อง ถือว่าดี เพราะเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน  มีการพูดคุยกันได้อย่างดี ขณะเดียวกันผู้บัญชาการทหารก็ได้มีการพูดคุยกับผู้นำเมียนมาเรื่องยาเสพติดและ PM 2.5 ตรงนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจ แม้ปัญหายังมาไม่เยอะ ยังไม่ได้เข้าไฮซีซั่น แต่เราต้องมีการป้องกันไว้ก่อน ให้ต้องขอบคุณทุกฝ่ายให้ความสนใจจริงๆ

                    นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายเศรษฐาสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลปัญหาฝุ่น โดย กทม.ขานรับมอบจุลินทรีย์พิเศษให้กับเกษตรกร และเชิญชวนประชาชนคนกรุงร่วมแคมเปญ รถคันนี้ลดฝุ่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง/ไส้กรอง ลดฝุ่น PM2.5 ซึ่งจากข้อมูลของ กทม. ถึงวันที่ 9 ม.ค. โครงการรถคันนี้ลดฝุ่นมีรถเข้าร่วมโครงการเปลี่ยนไส้กรองแล้ว 41,488 คัน ช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ได้ 2% ซึ่งมีการตั้งเป้าเปลี่ยนไส้กรองรถจำนวน 300,000 คัน เพื่อช่วยลดฝุ่น PM 2.5 จากภาคการจราจรได้ 15%

 “นายกฯ ห่วงใยประชาชนต่อสถานการณ์ PM 2.5 โดยได้กำหนดแนวทางการทำงานให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหามาตรการลดผลกระทบ แก้ไขปัญหา เพื่อดูแลสุขภาพของประชาชน โดยนายกฯ ได้ดำเนินการในทุกช่องทางเพื่อแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงที่ค่าคุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ขอให้ประชาชนระมัดระวัง ปฏิบัติตามคำแนะนำ โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง” นายชัยกล่าว

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ฝุ่นพิษเป็นวิกฤตชาติ เราทุกคนต้องช่วยกัน แก้ปัญหาที่ต้นตอ อย่าปล่อยไว้จนยากที่จะเยียวยา ซึ่งสถิติจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ปี 2565 พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศมากถึง 6 ล้านคน และมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง และในไทยพบมีผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศมากกว่า 70,000 คนแล้ว และถ้าเราปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป โรคมะเร็งปอดจะเป็นโรคที่อันตรายมากที่สุด โดยปัจจุบันมีคนเสียชีวิตจากโรคนี้มากกว่าผู้ประสบอุบัติเหตุเสียอีก เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องวิกฤตของชาติที่ต้องรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด

 “ปัญหามลพิษทางอากาศสามารถแก้ได้ ขอแค่มีความมุ่งมั่น และเอาจริงเอาจัง ยกตัวอย่างประเทศอื่น เมืองอื่นที่มีมลพิษทางอากาศเลวร้ายที่สุดในโลกก็สามารถแก้ได้แบบเบ็ดเสร็จมาแล้ว เช่น ปักกิ่ง ลอนดอน ลอสแอนเจลิส และกรุงโซล ทุกเมืองล้วนเคยมีมลพิษทางอากาศเลวร้ายกว่ากรุงเทพฯ ยังสามารถแก้ปัญหาได้หมด เพราะเขามีความมุ่งมั่น และเอาจริงเอาจัง ไม่ว่าจะเป็นโรงงานที่ปล่อยมลพิษทางอากาศ เขายุติหรือย้ายออกทันที เช่นเดียวกันกับรถยนต์ รถสิบล้อที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์นั้นเขาให้เลิกใช้เลย และริเริ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มีการจำกัดเขตปลอดมลพิษ การนำเทคโนโลยีมาแก้ปัญหา  และรวมไปถึงมีกฎหมายอย่างเข้มงวด” ศ.ดร.สุชัชวีร์ระบุ.