สภาสูงทิ้งทวน! เตรียมเข้าชื่อ 84 คนยื่นอภิปรายทั่วไปรัฐบาลเศรษฐาแบบไม่ลงมติ “เสรี” ชี้ผลงาน 4 เดือนไร้รูปธรรมจับต้องได้ “สมชาย” ลั่นจัดหนักประเด็นนักโทษเทวดาแน่นอน เพราะสั่นคลอนกระบวนการยุติธรรม “สว.ตัวตึง” ย้ำปัญหาทักษิณจุดติดแล้ว “เทพไท” กาง 4 ขั้นตอนนอนโรงพยาบาลนอกคุกประจานชัดกรมราชทัณฑ์ 2 มาตรฐาน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2567 มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจ เมื่อนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุม กมธ.วันที่ 8 ม.ค. จะพิจารณาให้เป็นข้อยุติถึงการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 หลังจากที่ กมธ.ได้หารือภายในและได้สอบถาม สว.มาแล้วก่อนหน้านี้ และมองว่า สว.ควรทำหน้าที่ขอเปิดอภิปรายให้รัฐบาลชี้แจงในประเด็นปัญหาสำคัญ การทำงานตามนโยบายและการหาเสียงที่พบว่า 4 เดือนที่ผ่านมายังไม่พบการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม
นายเสรีกล่าวต่อว่า ประเด็นที่จะเสนอในญัตติตามที่หารือเบื้องต้น อาทิ ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม พลังงาน กระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งหลังจาก กมธ.การเมืองฯ ได้ข้อสรุปในประเด็นรายละเอียด จะกำหนดวัน ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนปิดสมัยประชุมเดือน เม.ย.นี้ จากนั้นจะให้ สว.เข้าชื่อ 1 ใน 3 หรือประมาณ 84 คนเพื่อยื่นญัตติต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติของมาตรา 153 ไม่ได้กำหนดว่า ครม. ต้องมาตอบเมื่อใด แต่เชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือ
เมื่อถามว่า การเสนอญัตติของ สว.เป็นการทิ้งทวนการทำงานหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า หากเป็นการทำงานเพื่อประโยชน์ในช่วงเวลาที่จำกัด สว. ไม่ใช่ฝ่ายค้านหรือฝ่ายขัดแย้ง ดังนั้นเวทีดังกล่าวเห็นควรมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งทำงานตามที่หาเสียงหรือแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้ปรากฏ เพราะที่ผ่านมายังไม่มีผลงานใดออกมาเป็นรูปธรรม
นายสมชาย แสวงการ สว. ในฐานะที่ปรึกษา กมธ.วิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวในประเด็นนี้ว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ สว.จะเข้าชื่อกันขอเปิดอภิปรายรัฐบาลทั่วไปแบบไม่ลงมติ เพราะผ่านมาแล้ว 4 เดือน แต่รัฐบาลนายเศรษฐายังไม่ได้ทำงานอะไรที่เป็นผลงานรูปธรรม จึงควรที่ สว.จะใช้สิทธิ์ดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญอภิปรายทั่วไปรัฐบาลเพื่อเป็นการให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล
เล็งจัดหนักนักโทษเทวดา
นายสมชายกล่าวว่า ประเด็นที่ สว.จะอภิปรายคาดว่าจะมีหลายเรื่อง แต่เรื่องหลักๆ ก็มีเช่นการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เพราะที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้เสียเวลาไป 4 เดือน แต่รัฐบาลไม่ได้ทำนโยบายดังกล่าวออกมาอย่างที่เคยหาเสียงไว้ รวมทั้งยังมีคณะ กมธ.ศึกษาหลายคณะ ก็จะนำแนวทางการศึกษามาอภิปรายเพื่อเสนอต่อรัฐบาล รวมถึงเรื่องนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษที่ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งกรณีของทักษิณ เป็นปัญหาใหญ่มาก และเป็นเรื่องท้าทายกระบวนการยุติธรรม จะมี สว.ลุกขึ้นอภิปรายแน่นอน เพราะกรณีนายทักษิณ เป็นการทำลายความศรัทธาและความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม เพราะหากประเทศไหนคนไม่มีความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม ประเทศก็จะล่มสลาย ก็จะมี สว.อภิปรายเรื่องทักษิณกันอย่างจริงจัง
“นายทักษิณ เมื่อกลับมาแล้ว อาศัยช่องลอดทางกฎหมาย ไม่ยอมเข้าสู่ระบบของกระบวนการยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ไม่เข้าไปอยู่ในเรือนจำเลย แต่ไปนอน รพ.ตำรวจ ขณะที่นักโทษกว่า 2 แสนคนไม่ได้รับสิทธิ์แบบเดียวกันกับทักษิณ เป็นเรื่องเสียหายมาก สว.จะลุกขึ้นอภิปรายรัฐบาลเรื่องนี้ เพราะหากปล่อยไว้แบบนี้ คนคิดทำทุจริตคอร์รัปชันก็ไม่กลัวอะไรแล้ว เพราะคดีทักษิณเป็นคดีทุจริต ต่อไปใครคิดทุจริต มีอำนาจรัฐในมือ มี สส.ในมือ ก็ไม่ต้องกลัวติดคุกกันแล้ว เรื่องทักษิณต้องอภิปรายกันจริงจังว่ารัฐบาลมีหน้าที่ต้องควบคุมกำกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมเสมอภาค ไม่ใช่อ้างอะไรต่างๆ แต่ฟังไม่ขึ้น จนเสื่อมทั้งระบบ” นายสมชายระบุ
นายสมชายกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ สว.จะมีการอภิปรายกันก็เช่น การดำเนินนโยบาย Soft power รวมถึงเรื่องอื่นๆ เช่น การที่รัฐบาลจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะให้มีการทำประชามติ การแก้ปัญหาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ การบริหารนโยบายต่างประเทศ เป็นต้น
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. กล่าวในเรื่องนี้ว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ เนื่องจากอยู่ต่างจังหวัด มีเพียงการติดต่อมาให้อภิปราย ซึ่งเข้าใจว่าตอนแรกว่าเป็นเรื่องงบประมาณ แต่คงทราบในที่ประชุมวันพรุ่งนี้ และคงมีการหารือกับทั้งนายเสรี และคณะ โดยจากลงพื้นที่เราได้รับการร้องเรียนมากว่าเศรษฐกิจแย่ เศรษฐกิจไม่ดี ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เราได้มีการทำการบ้านไว้แล้ว ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ที่คณะว่าจะมอบหมายให้ใครอภิปราย ตนเองรู้น้อย ก็อยากจะฟังคนอื่นมากกว่า
เมื่อถามถึงข้อกังวลของ สว.บางส่วน ในกรณีการพักรักษาตัวนอกเรือนจำเกิน 120 วันของนายทักษิณ จะอภิปรายเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า แน่นอน กังวลว่ามาตรฐานความยุติธรรมจะล้มเหลว เราอยากให้มีความเสมอภาคกัน กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย จากที่เคยให้สัมภาษณ์ไปว่ากระแสคุณทักษิณจุดติดแล้ว หรือกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มีกระแสข่าวว่าจะกลับมานั้น ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาจริง ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ตามคำสั่งศาล ไม่เช่นนั้นแล้วมันยิ่งกว่าจุดติดอีก จะรุนแรงรวดเร็ว ไม่ดีต่อประเทศชาติ และกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“คุณทักษิณก็ดี พรรคเพื่อไทยก็ดี เขาก็คงต้องคิดพิจารณา แต่ถ้ามาแล้ว มาทำอย่างคุณทักษิณเป็นดับเบิล ผมคิดว่าน่าห่วง” นายกิตติศักดิ์กล่าว
วันชัยให้ลืมเทวดาชั้น 14!
ขณะที่ นายวันชัย สอนศิริ สว. โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “เทวดา 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 ช่องบาดาล” ว่า เลิกพูดเรื่องเทวดาชั้น 14 กันเสียที มันเรื่องนิดเดียวกับการที่เขาโหวตให้พรรคเพื่อไทยโดยให้นายเศรษฐาเป็นนายกฯ ให้อำนาจรัฐกับเขาไป มาจากสัญญาณแห่งความปรองดองสมานฉันท์ การแบ่งสีแบ่งฝ่ายเขาเลิกกันแล้ว จบได้จบกัน ไม่มีเทวดา ไม่มีมนุษย์ ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ
“คนที่ทำการรัฐประหารเป็นรัฏฐาธิปัตย์ใช้อำนาจรัฐได้ทั้งหมด ทั้งนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ เบ็ดเสร็จเด็ดขาด กำกับได้ทุกองค์กร จะจับใครติดคุกติดตะราง ยึดอายัดทรัพย์ก็ทำได้ทั้งนั้น เป็นยิ่งกว่าเทวดา เรียกว่าเหนือ 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 ช่องบาดาล ทั้งบก น้ำ อากาศ เหนือมนุษย์มั้ยล่ะ เอาเปรียบใครมั้ยล่ะ มีใครว่าหรือเปล่า ถ้าจะเทียบกับเทวดาชั้น 14 ห่างกันลิบลับ แค่เศษเสี้ยวธุลียังไม่ได้เลย” นายวันชัยระบุ
ด้านนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธาน กมธ.การตำรวจ กล่าวถึงกรณี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมออกมาให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้ กมธ.ตำรวจจะไปศึกษาดูงานที่ รพ.ตำรวจยังไม่ได้รับเอกสารว่า ขอเรียนต่อพี่น้องประชาชนว่าได้ทำหนังสือไปถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2566 เพื่อขอไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติกับผู้ต้องขังที่ต้องส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ และได้ทำหนังสือไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติผ่านไปถึง รพ.ตำรวจ เพื่อขอศึกษาดูงาน ขั้นตอนตามแนวทางการปฏิบัติกับผู้ต้องขังที่จะส่งตัวมารับการรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ขณะนี้เท่าที่ทราบ ข่าวจากเจ้าหน้าที่ทางกรมราชทัณฑ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้เกษียน หนังสือไปยังผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อให้พิจารณาเรื่องนี้
“ขอเรียนว่าการที่ กมธ.ตำรวจจะไปศึกษาดูงานที่ รพ.ตำรวจ เกี่ยวกับขั้นตอนวิธีการในการรับผู้ต้องขังเข้าไปรับการรักษาตัว เราได้ทำการภายใต้กรอบกฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง และเราได้ทำหน้าที่ กมธ.ตำรวจในประเด็นที่สังคมเคลือบแคลงสงสัย จึงขอเรียนกับพี่น้องประชาชนว่าผมในฐานะประธาน กมธ. มีความตั้งใจที่จะทำงานทุกปัญหาในสังคมที่ประชาชนมีความสงสัยและไม่ได้รับความเป็นธรรม เราจะทำงานในเรื่องนี้อย่างเต็มที่” นายชัยชนะกล่าว
กาง 4 ขั้นตอนนอน รพ.นอกคุก
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กว่า ในฐานะที่เป็นนักโทษ เคยถูกจองจำอยู่ในเรือนจำมาเป็นเวลา 16 เดือน ได้ศึกษาข้อมูลเรียนรู้ข้อเท็จจริง สัมผัสกับชีวิตนักโทษในเรือนจำเป็นจำนวนมาก และมีประสบการณ์ตรงในการขออนุญาตเบิกตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลภายนอก ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 1.ต้องได้รับการวินิจฉัยและมีใบสั่งจากแพทย์ประจำสถานสถานพยาบาลในเรือนจำให้ออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลภายนอกได้ 2.ต้องใส่เครื่องพันธนาการที่ข้อเท้า คือใส่กุญแจข้อเท้าก่อนออกจากเรือนจำ 3.ต้องนั่งรถคุมขังของเรือนจำไปโรงพยาบาลภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่เรือนจำ หรือผู้คุม และ 4.ต้องรักษาตัวในห้องผู้ป่วย เหมือนกับนักโทษทั่วไป หรือผู้ป่วยธรรมดา ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น
นายเทพไทกล่าวว่า วิธีการและขั้นตอน 4 ข้อ นายทักษิณได้ปฏิบัติตามระเบียบหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพักรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งเป็นหอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง ขัดต่อระเบียบการรักษาตัวของนักโทษอย่างชัดเจน เพราะเป็นห้องพิเศษขนาดใหญ่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ทั้งติดแอร์เย็นฉ่ำ ตู้เย็น โทรทัศน์ ชุดรับแขก มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ฯลฯ จะเหมือนกับการถูกคุมขังในเรือนจำได้อย่างไร ถ้าเปรียบเทียบกับสภาพในเรือนจำเหมือนสวรรค์กับนรก ขอยืนยันว่านายทักกษิณได้รับการปฏิบัติและมีสิทธิพิเศษกว่านักโทษทั่วไปแน่นอน ไม่ตรงตามคำชี้แจงของกรมราชทัณฑ์เด็ดขาด สามารถตรวจสอบและพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ว่ามีนักโทษคนใดบ้าง ที่ได้รับการปฏิบัติอย่างคุณทักษิณในตอนนี้ ขอให้ยกมาเป็นตัวอย่างได้เลย
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า คำชี้แจงกรมราชทัณฑ์กรณีทีมงาน พ.ต.อ.ทวีนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปใช้ในเรือน ซึ่งมีความผิดจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ ถือว่าร้ายแรง แต่กรมราชทัณฑ์มีการแถลงอ้างมาตรา 74 แบบข้างๆ คูๆ โดยอ้างว่าสิ่งของต้องห้ามตามมาตรา 72 และมาตรา 73 (เช่นมือถือและอื่นๆ) ไม่หมายความรวมถึงสิ่งของต้องห้ามที่ใช้ในราชการ จึงอนุญาตให้ทีมงานของรัฐมนตรีทวีใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อสื่อสารของทางราชการนำเข้าภายในเรือนจำได้ คำถามคือ ถ้ามาตรา 74 เขียนแบบนี้จริง ทำไมกรมราชทัณฑ์จึงไม่อนุญาตแม้แต่เจ้าหน้าที่เรือนจำ ซึ่งต้องติดต่อราชการตลอดและอันตรายกว่านำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำ เพราะมาตรา 74 จริง ไม่ได้เขียนตามที่กรมราชทัณฑ์แถลง
“กรมราชทัณฑ์ยุคนายทวีพยายามตัดตอนกฎหมาย เอากฎหมายมาไม่ถูก เอาเฉพาะที่ตนเองได้ประโยชน์ มาบิดเบือนประชาชนให้เข้าใจผิด จึงไม่แปลกที่ปัญหานักโทษชายที่บานปลาย จนรัฐบาลอาจพังได้ ก็เพราะพวกท่านตัดตอนกฎหมาย ตีความผิดๆ ระวังหลายคนอาจจะติดคุกเสียเอง แบบนี้นายทวีจะชี้แจงอย่างไร” นพ.วรงค์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตั้งกก.สอบผกก.บางซื่อ ทนายปาเกียวเล็งทิ้งตั้ม
“ดีเอสไอ” เตรียมสรุปสำนวนคดี 18 บอสดิไอคอนเสนออัยการคดีพิเศษภายใน 20 ธ.ค.นี้
นิกรหักเพื่อไทย เตือนส่อผิดกม. ให้กมธ.ตีความ
“นิกร” หักข้อเสนอ “ชูศักดิ์” เลยช่วงเวลาแปลงร่างประชามติเป็นกฎหมายการเงินแล้ว
‘สนธิ’ลั่นการเมืองใกล้สุกงอม!
“อุ๊งอิ๊ง” เมินปม กกต.สอบครอบงำต่อ เด็ก พท.ยันเป็นการดำเนินการตามปกติ
จ่อส่งคดีหมอบุญให้DSI
ตร.สอบปากคำอดีตภรรยา-ลูกสาว “หมอบุญ” เพิ่มเติม
ทักษิณรอดคลุมปี๊บ! ส้มเหลวปักธงอุดรธานี ‘คนคอน’ตบหน้า‘ปชป.’
เลือกตั้ง อบจ. 3 จังหวัด “เพชรบุรี-อุดรธานี-นครศรีธรรมราช” ราบรื่น
‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ
“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป