นายกฯ มั่นใจเศรษฐกิจปีนี้ดีกว่าปี 66 แม้ไตรมาสแรกจะพลาดเงินดิจิทัล แจ้งข่าวดี "ไทย-จีน" ฟรีวีซ่าถาวร เริ่ม 1 มี.ค.67 ครม.ไฟเขียวลดภาษีไวน์-สุราพื้นบ้าน-สถานบันเทิง หวังดันรายได้ท่องเที่ยวขยับอีก 2.9 พันล้านบาท ดีดแตะ 1.5 ล้านล้านบาท "พีระพันธุ์" จ่อชงเคาะลดค่าไฟฟ้าต่ำกว่า 4.20 บาท “จุลพันธ์” ยันรัฐบาลไม่ก้าวก่ายกฤษฎีกา
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 2 มกราคม เวลา 10.10 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวถึงความคาดหวังการเจริญเติบโตเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกว่า ขึ้นอยู่กับหลายๆ อย่าง ซึ่งเราพยายามทำเต็มที่ อะไรทำได้เราทำก่อน หวังว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อนที่จะเข้ามาบริหารงานคิดว่าจะสามารถปล่อยเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ตออกมาได้ในไตรมาสแรกประมาณ 1 ก.พ. หรือ 1 มี.ค.67 แต่ตอนนี้ไม่ได้ ซึ่งพยายามหาวิธีอื่นมาทดแทน ไม่ว่าจะผ่านการท่องเที่ยว การกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีมาตรการเฉพาะกิจหรือมาตรการเร่งด่วนมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เงินดิจิทัลยังไม่เรียบร้อยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ทำอยู่ทุกเรื่อง อย่างที่ได้แถลงไป เช่น เรื่องการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งจะครบกำหนดหมดในวันที่ 29 ก.พ.2567 วันนี้ถือเป็นข่าวดี กำลังจะยกเว้นวีซ่าถาวร เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2567 สามารถไปกลับได้ทั้ง 2 ประเทศไม่ต้องมีวีซ่าซึ่งกันและกัน ถือเป็นการยกระดับความสำคัญของพาสปอร์ตไทยให้กับนักท่องเที่ยวที่อยากจะเข้ามาท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและจีน ซึ่งมีการชี้แจงไปที่กรมประชาสัมพันธ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าให้มีการประชาสัมพันธ์ว่าขณะนี้เราพร้อมแล้วที่จะเปิดประเทศ และกำชับให้ดูแลนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ประเทศให้ดีด้วย
นอกจากนี้ เรื่องของการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตและภาษีอากรประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษีสุราพื้นบ้านเป็น 0% และมีการให้กรมสรรพสามิตทบทวนเรื่องของกฎหมายต่างๆ ที่จะช่วยในเรื่องของสุราพื้นบ้านด้วย
นายกฯ กล่าวว่า มั่นใจเศรษฐกิจปีนี้ดีกว่าปีที่ผ่านมา หลายๆ มาตรการที่รัฐบาลพยายามจะออกมา ไม่ได้มีจุดไหนจุดเดียว เช่น การยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ การเพิ่มรายได้ลดรายจ่าย การเจรจาสนธิสัญญาการค้า การเจรจาการลงทุน ซึ่งเห็นผลแล้ว ที่เห็นกันอยู่ในแง่ของที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติมาลงทุนเรื่องการทำให้ธุรกิจง่ายขึ้น
ส่วนกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยากให้ทบทวนเรื่องเงินดิจิทัล เพราะตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้นนั้น นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ทราบ ตนดูแต่ 1.5 % ในไตรมาส 3 ไม่ดี เดี๋ยวต้องดูไตรมาส 4 ด้วย อย่าลืมไทยไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไม่จำเป็นต้องติดลบ ถือว่าอยู่ในภาวะที่หนักหนาอยู่เหมือนกัน เพราะดูอย่างประเทศอื่นๆ เพื่อนบ้าน สื่อมวลชนทราบดีอยู่แล้วขยายตัวเท่าไหร่
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เบื้องต้นจะปรับค่าไฟฟ้าในราคาต่ำกว่า 4.20 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการคำนวณ เป็นของขวัญให้กับประชาชน เพราะเคยบอกไว้ว่าจะต้องรอราคาแก๊ส โดยการปรับลดราคาในครั้งนี้จะใช้ระยะเวลาประมาณ 4 เดือน ตั้งแต่เดือน ม.ค.ถึง เม.ย. ตามวงรอบของค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) ซึ่งเป็นรอบบิลต่อจากคราวที่แล้วโดยอัตโนมัติ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีสอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะได้รับคำตอบเมื่อไหร่ ว่าขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังอยู่ในการพิจารณา เราไม่สามารถก้าวก่ายได้
เมื่อถามว่า หากตอบมาอย่างไร ต้องดำเนินการตามนั้นใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นความเห็นทางกฎหมาย
เมื่อถามย้ำว่า ตามระเบียบแล้วไม่ต้องทำตามก็ได้ใช่หรือไม่ รมช.การคลัง กล่าวว่า ตามระเบียบเป็นเช่นนั้น แต่เราคงต้องรับฟังเป็นหลัก และไม่กังวลอะไร ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน ต้องให้เกียรติและให้เวลาเขาพิจารณาอย่างรอบคอบ เมื่อแจ้งว่าจะได้รับคำตอบช่วงต้นเดือน ม.ค. เราต้องรอ ทวงถามไม่ได้
ลดภาษีไวน์-สุราพื้นบ้าน
ที่กระทรวงการคลัง นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.ได้มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศและภาพลักษณ์การเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว หรือเป็นศูนย์กลางด้านร้านอาหารและภัตตาคารที่มีคุณภาพ หลากหลาย นำไปสู่การเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทยทุกระดับ และเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงได้อย่างยั่งยืน
โดยประกอบด้วย 2 มาตรการ ได้แก่ 1.การปรับปรุงอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าสุราและสถานบริการเพื่อเป็นการสนับสนุนมาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและยกระดับอุตสาหกรรมสุราพื้นบ้านสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรไทย โดยมีการปรับปรุงอัตราภาษีสินค้าสุราแช่พื้นบ้าน ไวน์ ไวน์ผลไม้ และสุราแช่ชนิดอื่น ๆ เช่น ปรับปรุงอัตราภาษีสุราแช่พื้นบ้าน (อุ กะแช่ สาโท สุราแช่พื้นบ้านอื่น และสุราแช่ที่ใช้วัตถุดิบเป็นข้าวที่มีแรงแอลกอฮอล์ไม่เกิน 7 ดีกรี) กำหนดอัตราภาษีตามมูลค่า 0% และอัตราภาษีตามปริมาณ 150 บาท ต่อปริมาณหนึ่งลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ลดลงจากอัตราภาษีตามมูลค่าเดิมที่ 10% และอัตราภาษีตามปริมาณ 150 บาทต่อปริมาณหนึ่งลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ส่วนสุราแช่ที่มีสุรากลั่นผสมและมีแอลกอฮอล์เกิน 7 ดีกรี เช่น โซจู คิดอัตราภาษีใหม่ที่ 10% และอัตราภาษีตามปริมาณที่ 255 บาทต่อลิตรต่อ 100 ดีกรีแอลกอฮอล์ ลดลงจากเดิมที่อัตราภาษี 10% และอัตราภาษีตามปริมาณที่ 150 บาทต่อลิตรต่อ 100 ดีกรีแอลกอฮอล์
และปรับปรุงอัตราภาษีไวน์และไวน์ผลไม้ โดยยกเลิกการจัดเก็บภาษีจากการแบ่งชั้นของราคา และกำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีเป็นอัตราเดียว ที่มีความเรียบง่ายและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยไวน์ และสปาร์กลิงไวน์ที่ทำจากองุ่น ทั้งระดับราคาเกิน 1 พันบาท และไม่เกิน 1 พันบาท จะเสียภาษีตามมูลค่า ที่ 5% และอัตราภาษีตามปริมาณที่ 1 พันบาทต่อลิตรต่อ 100 ดีกรีแอลกอฮอล์ ส่วนฟรุตไวน์ หรือสุราแช่ผลไม้ที่มีส่วนผสมขององุ่นหรือไวน์องุ่น ทั้งระดับราคาเกิน 1 พันบาท และไม่เกิน 1 พันบาท จะเสียภาษีใหม่ในอัตรา 0% และอัตราภาษีตามปริมาณเท่ากันที่ 900 บาทต่อลิตรต่อ 100 ดีกรีแอลกอฮอล์
“ในส่วนของโครงสร้างภาษีสุราและเบียร์นั้น ปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว ส่วนการดำเนินการในครั้งนี้เฉพาะกับไวน์และสุราชุมชน เพราะมองว่าหากใช้ราคาที่ถูกต้องเป็นตัวตั้งในการคำนวณ ภาษีที่ลดลงไม่ได้ส่งผลกับภาพรวมการจัดเก็บรายได้ แต่ภาพที่จะได้กลับมาคือภาษีสินค้ากลุ่มดังกล่าวไม่ได้สูง และรัฐบาลมองยาวไปถึงโอกาสในการจัดงาน ไวน์ EXPO ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพที่จะทำได้ หลายครั้งที่มีการเข้ามาประเมินเพื่อจัดงาน แต่ไทยเสียโอกาสไปเพราะถูกมองว่าภาษีไวน์สูงเกินไป จุดสำคัญวันนี้ของไวน์คือราคา” นายลวรณระบุ
ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า ยังมีการปรับปรุงอัตราภาษีสถานบริการซึ่งประกอบกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ จาก 10% ของรายรับของสถานบริการโดยไม่หักค่าใช้จ่าย เป็น 5% ของรายรับของสถานบริการโดยไม่หักค่าใช้จ่ายมาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการระยะสั้น มีกำหนดระยะเวลาประมาณ 1 ปี (สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2567) ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง และส่งเสริมการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐด้วยอีกทางหนึ่ง
เงินท่องเที่ยวพุ่ง 1.5 ล้านล.
นอกจากนี้ กรมศุลกากรได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างภาษีศุลกากรสินค้าไวน์ให้สอดคล้องควบคู่กับการปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิต โดยยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าไวน์ในประเภทพิกัด 22.04 และ 22.05 รวม 21 รายการจากเดิมที่มีอัตราอากร 54% และ 60% โดยคาดว่าการยกเว้นอากรให้กับกลุ่มสินค้าดังกล่าวจะเป็นการขยายฐานการบริโภคและลดการลักลอบหลีกเลี่ยงอากรส่งผลให้จัดเก็บรายได้ภาษีอากร เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นต้น เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย ซึ่งคาดว่าจะทำให้สูญเสียรายได้ประมาณ 451 ล้านบาท
2.การปรับปรุงหลักเกณฑ์การตรวจสินค้าเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของนักท่องเที่ยว (VAT Refundfor Tourists) เพื่อลดปริมาณนักท่องเที่ยวที่ต้องเข้าคิวเพื่อแสดงสินค้าในกระบวนการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งได้มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2566 โดยหลักเกณฑ์ใหม่นี้จะช่วยลดจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องแสดงสินค้าลงจาก 1.2 แสนรายต่อปี เหลือประมาณ 3 หมื่นรายต่อปี หรือลดลงจาก 333 คนต่อวัน ที่ต้องแสดงสินค้าเหลือเพียง 84 คนต่อวัน โดยประมาณหรือลดลงกว่า 75%
“การปรับปรุงโครงสร้างและอัตราภาษีสรรพสามิตและการยกเว้นอากรขาเข้าต่างๆ ข้างต้น จำเป็นต้องตราเป็นกฎกระทรวงและประกาศกระทรวงการคลังตามลำดับ ซึ่งจะได้เร่งดำเนินการให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วภายในเดือน ม.ค. 2567 ซึ่งในภาพรวมมาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายที่กระทรวงการคลังเสนอ จะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นสุทธิประมาณ 401 ล้านบาทต่อปี และจีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.0073% เทียบกับกรณีไม่มีมาตรการ และภาครัฐยังจะสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เพิ่มเติมในอนาคต” ปลัดกระทรวงการคลังระบุ
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า โครงสร้างภาษีไวน์ใหม่นั้น จะทำให้ราคาไวน์ที่เกิน 1 พันบาทถูกลง ส่วนไวน์ราคาไม่เกิน 1 พันบาท จะใกล้เคียงกับของเดิม เช่น ไวน์ขวดละ 1 หมื่น เดิมเสียภาษีประมาณ 1 พันบาท หลังจากนี้จะเสียภาษี 600 บาท เป็นต้น โดยประเมินว่าภาพรวมการจัดเก็บภาษีไวน์ภายหลังจากการปรับโครงสร้างภาษีจะเพิ่มขึ้นราว 900 ล้านบาท โดยทิศทางการจัดเก็บภาษีไวน์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปีที่ผ่านมาจากเก็บได้ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มจากก่อนหน้านี้ที่ 1.8 พันล้านบาท ขณะเดียวกันได้มีการพิจารณาแล้วว่าโครงสร้างภาษีเดิมยังไม่เป็นสากล เพราะมีการเก็บแบบ Price Tier ดังนั้นจึงมีการปรับเพื่อให้เป็นสากลมากขึ้นด้วย
ส่วนการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตกิจการบันเทิงและหย่อนใจนั้น เชื่อว่าจะช่วยทำให้ผู้ประกอบการที่อยู่นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น และจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีสภาพคล่องมากขึ้นด้วย โดยก่อนหน้านี้มีผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบ 1,500 ราย แต่ในช่วงโควิด-19 ลดลงเหลือราว 700 ราย ซึ่งหลังจากมีมาตรการนี้ กรมคาดว่าจะมีผู้ประกอบการเข้ามาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ในปี 2567 มีการประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 34-35 ล้านคน โดยหลังจากมีมาตรการส่งเสริมประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย จะช่วยทำให้รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.9 พันล้านบาท จากเป้าหมายเดิมก่อนมีมาตรการที่ 1.49 ล้านล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายต่อหัวคาดว่าจะเพิ่มเป็น 4.34 หมื่นบาท จากเดิมที่ 4.2 หมื่นบาท ขณะที่การบริโภคแอลกอฮอล์จะเพิ่มขึ้นราว 3% จากสถิติในอดีต.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บิ๊กอ้วนตอกยํ้า แจก‘เงินดิจิทัล’ ‘อนุสรณ์’เตือน
“ภูมิธรรม” ยันรัฐบาลเร่งแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ
อิ๊งค์หาเสียงฟุ้งพท.มาคนจนรวยแน่
"หัวหน้าอิ๊งค์” ลุยนครพนม ช่วย “อนุชิต” ผู้สมัครนายก อบจ.เพื่อไทยหาเสียง
รพ.ตำรวจอึมครึม เวชระเบียนชั้น14
เส้นตายพุธนี้! แพทยสภาสอบหมอช่วย "ทักษิณ" อึมครึม "แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ" ปัดตอบส่งเอกสารหรือยัง
‘จ่าเอ็ม’เครียด อุบ‘ผู้มีบุญคุณ’ ตร.หิ้วฝากขัง!
ตำรวจเค้นสอบ “จ่าเอ็ม” ตลอดคืน ยังให้การไม่เป็นประโยชน์คดียิงอดีต
จับตา!เคาะ‘กาสิโน’ คลังชงเข้าครม.ไฟเขียว/นักวิชาการชี้ผลประโยชน์ทับซ้อน
จับตา “คลัง” เล็งชงเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้า ครม.จันทร์นี้หรือไม่ หลัง
ชีพจรลงเท้า นายกฯ ลุยบึงบอระเพ็ด เร่งแก้น้ำแล้ง น้ำท่วมพรุ่งนี้
นายกฯเร่งแก้น้ำแล้ง น้ำท่วม บ่ายพรุ่งนี้ลงพื้นที่บึงบอระเพ็ด