ไฟเขียว!ทัวร์ชั้น14

รมว.ยุติธรรมมั่นใจนายกฯ เซ็นแบ่งงานใหม่ ไม่เกี่ยวปมร้อน "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" เชื่อ "พีระพันธุ์"  คงไม่ทำอะไรนอกเหนือหลักนิติธรรม เผยผู้ตรวจการฯ ขึ้นไปตรวจชั้น 14 รพ.ตำรวจมาแล้ว "เทพไท" เห็นใจ "อานนท์"  เขียน จม.ถึงลูกฉลองปีใหม่ในเรือนจำ แต่ "นักโทษเทวดา" อยู่ห้องสวีทชั้น 14 เห็นเคาต์ดาวน์เซ็นทรัลเวิลด์ "ชัยธวัช" คาดอะไรก็เกิดขึ้นได้ ทั้งเปลี่ยนตัว "นายกฯ"-ปรับ ครม.ให้ "อุ๊งอิ๊ง" นั่ง รมต.  เหน็บนายกฯ เวลาไม่พอใจชอบโวยวายควรมาเป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ “สว.วันชัย”ฟันธงปี 67 ปีมังกรทองของรัฐบาลเศรษฐา "สุวัจน์" หนุนตั้ง กมธ.ถกแนวทางทำนิรโทษกรรมลดความขัดแย้งในสังคม

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการเซ็นคำสั่งเปลี่ยนแปลงการทำงานของรองนายกรัฐมนตรีใหม่ โดยให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค   เข้ามากำกับดูแลกระทรวงยุติธรรมแทนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ว่าทั้งนายสมศักดิ์และนายพีระพันธุ์เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก่อนหน้าได้คุยกับนายสมศักดิ์ บอกว่างานที่กำกับดูแลของนายภูมิธรรมมีเยอะ และงานที่แบ่งให้นายสมศักดิ์ไปดูแลก็เยอะขึ้นไปด้วย ขณะเดียวกันนายพีระพันธุ์ก็เคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ส่วนนโยบายของกระทรวงยุติธรรม การทำงานก็มีนโยบายหลักของรัฐบาลอยู่แล้ว ส่วนนโยบายส่วนตัวจะต้องทำงานปกป้องคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยจากปัญหาอาชญากรรม และต้องเปลี่ยนการทำงานให้ความยุติธรรมไปหาประชาชน ไม่ใช่ให้ประชาชนไปหาความยุติธรรม และประเด็นสำคัญคือ ต้องยกระดับความยุติธรรมให้เข้มแข็งเป็นที่ยอมรับของต่างชาติ ซึ่งวันที่ 5 มกราคม นายกรัฐมนตรีไปพูดเรื่องหลักนิติธรรมที่กระทรวงยุติธรรม

ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าว จะเป็นการเอื้อให้นายทักษิณ ชินวัตร รวมถึงเตรียมความพร้อมปูทางให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับประเทศไทยนั้น พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า นายพีระพันธุ์คงไม่ทำอะไรที่นอกเหนือ เพราะแม้แต่กระทรวงยุติธรรมเองเราก็ยึดหลักการปฏิบัติทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนพระราชบัญญัติยุติธรรมที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ปี 2560 ไม่ใช่พระราชบัญญัติที่รัฐบาลนี้ตั้ง โดยในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์เขียนไว้ท้ายชัดเจน  เจตนารมณ์ของกฎหมายเนื่องจากกฎหมายเดิมขัดต่อหลักการสากล เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะ ไม่สามารถตามพฤตินิสัยคนที่เข้าไปในเรือนจำ เขาไม่ใช่ถูกตัดขาดจากสังคมซึ่งพฤตินิสัยคือการนำคนที่จะไม่ไปกระทำผิดซ้ำเหตุที่ไม่สามารถปฏิบัติตามพฤตินิสัยได้ เนื่องจากราชทัณฑ์มีที่ควบคุมหรือที่คุมขังอื่น มีแค่เรือนจำ จึงได้เขียนกฎหมายนี้ให้มีมาตรา 33, 34   เมื่อกฎหมายเกิดขึ้น และมีเจตนารมณ์การไม่ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ ถือว่าไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม จึงได้มีการออกกฎกระทรวงและระเบียบจนออกประกาศขึ้นมา

"ยืนยันว่าไม่ได้ออกมาเพื่อคนใดคนหนึ่ง แต่ที่คุมขังอื่นก็เป็นเรือนจำชนิดหนึ่ง ที่มีหลักการสำคัญคือต้องไม่ให้หนีและไม่ไปก่อเหตุร้าย ซึ่งนายพีระพันธุ์ จะทำนอกกฎเกณฑ์ไปจากนี้คงไม่ได้ และกรณีของนายทักษิณก็มีระเบียบและกฎเกณฑ์อยู่ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนคดีไหนที่อยู่ระหว่างตัดสินหรืออยู่ระหว่างสอบสวน ก็ให้ศาลพิจารณา โดยไม่ต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำ แต่ต้องมีสถานที่อื่น ส่วนในตัวของราชทัณฑ์เพื่อให้พัฒนาพฤตินิสัย เช่น คนแก่ คนป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ เด็กที่มีลูกก็จะมีที่คุมขังอื่น ซึ่งระเบียบนี้คณะกรรมการของราชทัณฑ์ 3 คนในจำนวนเกือบ 20 คน มีรัฐมนตรียุติธรรม ปลัดกระทรวง และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นอกเหนือไปจากนั้นก็จะมีตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ขณะเดียวกัน ก็จะนำเอาความคิดเห็นของหลายฝ่ายไปพิจารณากฎเกณฑ์การคุมขังนายทักษิณนอกเรือนจำด้วย"

เปิดกว้างเยี่ยมนักโทษ

ส่วนอาการของนายทักษิณล่าสุดเป็นอย่างไรนั้น รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า  อธิบดีกรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้ส่งความเห็นมา เพราะกรณีที่ไปรักษาตัวนอกเรือนจำเกินกว่า 120 วัน ให้ขอความเห็นชอบจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โดยมีความเห็นแพทย์ผู้ตรวจและหลักฐานอื่น ส่วนวันที่อยู่นอกเรือนจำจะเกินไปกี่วันนั้น ก็มีกฎหมายกำหนดอยู่ แต่ส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรเกินหนึ่งสัปดาห์ หรือจะบวกลบ 1-2 วัน ซึ่งจะต้องรอความเห็นก่อน ตนก็ไม่เคยไปเยี่ยมนายทักษิณ แต่มีวันที่ไปตอบกระทู้สดของสภา ได้เจอกับแพทย์ที่รักษานายทักษิณ ก็ยืนยันมาว่านายทักษิณป่วยจริง ส่วนในวันที่ 12 ม.ค. ที่กรรมาธิการการตำรวจจะขึ้นไปตรวจที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจนั้น กรมราชทัณฑ์เปิดกว้างอยู่แล้ว และก่อนหน้านี้ก็มีหลายคณะเข้าไปดูมาแล้ว โดยผู้ตรวจการแผ่นดินได้ขึ้นตรวจสอบที่ชั้น 14 มาเมื่อเมื่อต้นเดือนธันวาคม

"ผมได้ให้นโยบายกับกรมราชทัณฑ์ไปว่า ต่อไปนี้ควรจะเปิดเรือนจำหรือเปิดคุกให้คนที่สงสัยได้เข้าไปดู แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ ซึ่งต้องทำบ้านเมืองนี้ให้มีหลักนิติธรรม ซึ่งหลักนิติธรรมไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งเห็นว่ากฎหมายและรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด มีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด กฎหมายใดจะแย้งรัฐธรรมนูญไม่ได้ ซึ่งในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ก็ชัดเจนอยู่แล้ว จะเอาเรื่องส่วนตัวและอารมณ์ของคนใดคนหนึ่งมาใหญ่กว่ากฎหมายไม่ได้ ไม่งั้นก็จะไม่ใช่หลักนิติธรรม ใช้ปากใหญ่กว่ากฎหมาย หรือใช้ความรู้สึกใหญ่กว่า แต่ถ้ากฎหมายอันไหนยังไม่สมบูรณ์จะแก้ไขก็ต้องไปแก้กันในสภา"

เมื่อถามย้ำว่า กรรมาธิการการตำรวจสามารถขึ้นไปชั้น 14 ได้ใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้นายสมศักดิ์เคยระบุว่าไม่สามารถขึ้นไปได้ หากขึ้นไปก็จะถูกฟ้อง พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ระบบการเยี่ยมมีอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ขึ้นไปมาแล้ว เพราะเรื่องนี้ทุกคนมาตรวจสอบ ส่วนรายละเอียดต้องดู คณะกรรมการฯ ดูว่ามีความเห็นอย่างไร ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นองค์กรอิสระถือเป็นอำนาจที่จะเข้าตรวจสอบได้

"ผมไม่หนักใจในประเด็นของนายทักษิณ และเห็นว่าจะเป็นประเด็นเผือกร้อน เพราะถ้าคนไม่เชื่อ เขาก็ไม่เชื่อ แล้ววันนี้เราต้องก้าวผ่านความอคติ และผมก็เปิดกว้างอยู่แล้ว สิ่งที่จะทำให้เห็นคือ ต้องมีงานที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน" พ.ต.อ.ทวีกล่าว

นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ความพยายามจุดกระแสเรื่องการได้สิทธิพิเศษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พักรักษาอาการป่วยอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ มาเป็นเงื่อนไขล้มรัฐบาลนั้น เชื่อว่าไม่มีผลอะไร ยืนยันว่านายทักษิณป่วยจริง การได้สิทธิรักษาพยาบาลต่างๆ ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนการจะได้สิทธิพักโทษเมื่อไร ให้เป็นไปตามเงื่อนไขกฎหมาย ไม่มีการแทรกแซง เวลานี้ประชาชนต่างจังหวัดไม่ได้สนใจหรือให้ความสำคัญประเด็นนายทักษิณ มีแต่พูดถึงปัญหาปากท้องเป็นส่วนใหญ่ ไม่สามารถนำมาจุดประเด็นความขัดแย้งได้อีกแล้ว

ส่วนที่ สว.บางคนระบุนายเศรษฐาจะอยู่เป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกแค่ปีเดียวนั้น นายครูมานิตย์กล่าวว่า เป็นการสร้างวาทกรรมเดิมๆ จากฝ่ายตรงข้ามที่มีอคติ ใช้วิธีจุดกระแสบั่นทอนจิตใจนายเศรษฐา ยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่มีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีแน่ นายเศรษฐาทำงานเต็มที่ แอ็กทีฟตลอดเวลา ช่วยกันทำงานด้วยดีกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่มีเค้าลางเปลี่ยนนายกฯ ใดๆ ทั้งสิ้น

เทียบ 'อานนท์-นักโทษเทวดา'

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า   เห็นใจอานนท์ นำภา วันนี้ 31 ธันวาคม 2566 เป็นวันสิ้นปี จะมีการเคาต์ดาวน์ นับถอยหลังขึ้นปีใหม่ ทำให้ผมรู้สึกนึกถึงบรรยากาศตอนเป็นนักโทษที่ถูกจองจำอยู่ในกรงขังของเรือนจำร่วมกับเพื่อนนักโทษหลายคน ยิ่งได้เห็นจดหมายจากเรือนจำ ของคุณอานนท์ นำภา ที่เขียนถึงลูกบอก ปีนี้พ่อต้องฉลองปีใหม่ในเรือนจำ รู้สึกหดหู่ใจและเห็นใจในชะตากรรมชีวิต เพราะเราต่างก็เป็นนักโทษเหมือนกัน สำหรับในคืนวันเคาต์ดาวน์ขึ้นปีใหม่ในเรือนจำ นักโทษโดยทั่วไปไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น หรือมีอะไรเป็นพิเศษ ต้องเข้าห้องขังในเวลา 15.30 น. เหมือนเดิมทุกวัน ได้แต่นอนฟังเสียงการจุดประทัดและจุดพลุฉลองปีใหม่ด้วยความเศร้าใจ

"แตกต่างกับกรณีของคุณทักษิณ ซึ่งเป็นนักโทษวีวีไอพี หรือนักโทษเทวดา กำลังพักอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เป็นห้องรอยัลสวีทของผู้ป่วยพิเศษระดับสูง สามารถมองเห็นวิวได้อย่างสวยงาม และอยู่ใกล้สถานที่จัดงานเคาต์ดาวน์หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ คงได้เห็นการจุดพลุหลากสี ฉลองปีใหม่ด้วยความสุขสบายใจ"

นายเทพไทระบุว่า ถ้าหากจะเปรียบเทียบสภาพแห่งคดีของคุณทักษิณกับคุณอานนท์ นำภา มันต่างกันอย่างลิบลับ คดีของคุณทักษิณ คือคดีโกงชาติ โกงแผ่นดิน ทุจริตต่อหน้าที่ มีผลประโยชน์ทับซ้อน ในขณะที่คดีของคุณอานนท์ นำภา เป็นคดีเกี่ยวกับความคิดทางการเมือง มีความเห็นต่างทางการเมือง แต่กลับไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนกับคุณทักษิณ ถ้าสังคมไทยยังมีการเลือกปฏิบัติ ปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน ไม่สามารถแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ รัฐบาลชุดนี้ที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน ก็เปล่าประโยชน์ สำหรับคำประกาศว่า จะแก้ปัญหาระบบเส้นสาย ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมายาวนานให้หมดไป

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในช่วงกลางปี 2567 หรือในช่วงที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ครบวาระ จะมีเหตุการณ์ทางการเมืองเป็นเหตุให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ ด้วยเห็นว่าในขณะนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง มีเรื่องร้องเรียนที่ถูกร้องในองค์กรอิสระ ซึ่งหากมีการชี้มูลว่ามีความผิด ก็จะกระทบต่อตำแหน่งบริหารของนายกรัฐมนตรี โดยแนะให้จับตาบทบาทของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ หากมีการปรับคณะรัฐมนตรีจะมีการปรับให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มารับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่

"เช่นเรื่องที่ร้องไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจ (ผบ.ตร.) ที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิด พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ ถ้าเกิด ป.ป.ช.พิจารณาว่ามีความผิด หรือพิจารณาว่ามีมูล ก็มีปัญหาแล้วแน่นอน และอาจจะมีอีกหลายเรื่องตามมา เท่าที่มีการร้องไปแล้ว เช่น เรื่องกรณีแสนสิริ ที่คุณเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไปยื่นไว้ และขณะนี้ไม่แน่ใจว่ามีกี่เรื่องที่ถูกร้องอยู่ และในอนาคตอาจมีการถูกร้องจากพรรคฝ่ายค้านด้วยเช่นกันในเรื่องอื่น" นายชัยธวัชกล่าว

ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังอวยพรเนื่องในวันปีใหม่ต่อนายเศรษฐาว่า อยากเห็นทุกคนรวมถึงนายกรัฐมนตรีมีความสุข หวังเห็นประเทศไทยมีสังคมที่ดีขึ้นในอนาคต และอยากให้นายกฯ ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ ด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากที่ผ่านมาแม้นายกฯ จะรู้สึกว่าตัวเองทำงานหนักทุกวัน แต่ฝ่ายค้านคิดว่าการบริหารงานที่ดีจะต้องทำงานในเชิงรุก ลงรายละเอียดมากกว่านี้ เช่น เรื่องค่าแรง พอนายกฯ ทราบว่าไตรภาคีมีมติค่าแรงขั้นต่ำขึ้น นายกฯ ก็โวยวายไม่พอใจ ทั้งที่หากเป็นนโยบายสำคัญของนายกฯ หรือของรัฐบาลจะต้องมีการทำงานเชิงรุกก่อนหน้านี้ ในการคุยกับคณะกรรมการไตรภาคี ภาคเอกชน ภาคแรงงาน ถึงนโยบายปรับค่าแรง ตามสูตรควรมีการปรับหรือไม่ ไม่ใช่มารอฟังตัวเลขไม่พอใจก็โวยวาย แบบนั้นควรมาเป็นผู้นำฝ่ายค้านไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรี

นายวันชัย สอนศิริ สว. โพสต์ข้อความระบุว่า “ปีมังกรทองของรัฐบาลเศรษฐา” มีทั้งหมอดู นักวิเคราะห์วิจารณ์ว่าปีหน้ามังกรจะพ่นไฟรัฐบาลจะมีปัญหาสารพัด ทั้งนายกฯ เศรษฐาก็จะอยู่ไม่ได้ จะมีการชุมนุมประท้วงมีเหตุเภทภัยต่างๆ ในทำนองว่ารัฐบาลจะไปไม่รอด พรรคร่วมจะแตกแยก หมอดูบางคนเลยเถิดไปถึงขั้นว่าจะมีปฏิวัติรัฐประหาร ตนว่าทั้งหมอดูและนักวิจารณ์เขาไม่รู้ลึก มองดวงดาวแบบไม่เข้าใจการเมือง ไม่รู้รัฐธรรมนูญไม่รู้การเมือง ใช้ชุดข้อมูลเดิม หรือบางคนก็อคติและก็ผิดมาทั้งหมดตั้งแต่เลือกนายกฯ เศรษฐาแล้ว

ปีมังกรทองของรัฐบาล

นายวันชัยทำนายว่า เรื่องคุณทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 ที่ว่าจะมีเรื่องวุ่นวาย จะมีการชุมนุมประท้วง เป็นปัญหากับรัฐบาลนั้น ดูจากดวงดาวและการเมือง เรื่องนี้ไม่มีอะไรรุนแรง แม้จะมีก็ไม่อาจที่จะทำอะไรกับดวงที่แข็งของรัฐบาลได้ และจะว่าไปแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ คุณทักษิณก็จะได้พักโทษตามกฎเกณฑ์แล้ว จะชุมนุมหรือไม่ชุมนุม อีกเดือนกว่าๆ ก็จบแล้ว และทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจบไปด้วย คนเขาเบื่อความขัดแย้ง รัฐบาลนี้จะไม่มีคลื่นลมใดที่จะมาปะทะ จะไปได้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อผลงานออกมาตามนโยบายที่ประกาศ เศรษฐกิจและการทำมาหากินดีขึ้น ประชาชนก็จะไชโยโห่ร้องสนับสนุน ซึ่งเพื่อไทยเขาเคยทำมาแล้ว และคงจะทำต่อไป แก้ไขบทเรียนต่างๆ ให้ดีขึ้น อาจจะเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ก็คงจะปีที่ 3 หรือปีที่ 4 ของรัฐบาลเพื่อเตรียมตัวให้ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต่อไปในสมัยหน้า ผมเห็นว่าปีหน้าเป็นปีมังกรทองของรัฐบาลและประชาชน

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงการที่พรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคต่างเปิดผลงาน เหมือนเป็นการชิงความได้เปรียบทางการเมือง แข่งกันเองหรือไม่ ว่าไม่ได้เป็นการชิงดีชิงเด่นกันทางการเมือง แต่ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี สำหรับการแข่งกันทำงาน แข่งกันแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนมากกว่า ซึ่งท้ายที่สุดแล้วประชาชนและประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุดถือว่าทุกพรรคการเมืองได้ทำตามสัญญาและทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ที่ผ่านมาการเมืองอาจจะมีการใส่ร้ายป้ายสีโจมตีดิสเครดิตกันอยู่ แต่การเมืองยุคใหม่ต้องแข่งกันทำงาน แข่งกันแก้ปัญหา และแข่งกันช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุด

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการนิรโทษกรรมว่าเป็นความขัดแย้งทางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2549 หรือมากกว่า 16-17 ปี ความขัดแย้งทางการเมืองนำไปสู่วิกฤต ขาดความต่อเนื่องของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และขาดความเชื่อมั่น ถ้าเราสามารถที่จะยุติความขัดแย้งได้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดวิกฤตและเป็นการรวมพลังของคนในชาติ รวมพลังความรัก ความสามัคคีและประสบการณ์ ส่วนขอบเขตหรือวิธีการของการนิรโทษฯ จะทำอย่างไรเพื่อไม่นำไปสู่ความขัดแย้งใหม่จะต้องเป็นวิธีการที่ทุกฝ่ายยอมรับ และเห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาโดย ส.ส.น่าจะเป็นองค์กรที่ชอบธรรมในการเริ่มต้นกระบวนการต่างๆ

"อาจจะเป็นการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ หรือคณะกรรมการ มีองค์ประกอบทุกพรรคการเมืองทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อาจจะมีตัวแทนนักวิชาการ มาวิเคราะห์ให้ตกผลึกว่าการนิรโทษฯ หรือไม่ควรจะนิรโทษฯ แบบใด และนิรโทษฯ ส่วนไหน แล้วได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายแล้วจึงเริ่มต้นกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนจะนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำความผิดมาตรา 112 และคดีทุจริตหรือไม่นั้น ควรเป็นเรื่องของคณะกรรมการไปคุยในรายละเอียดเพื่อให้ทุกฝ่ายรับได้" นายสุวัจน์ กล่าว 

นายสุวัจน์กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ในฝ่ายการเมืองเห็นพ้องต้องกันว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย มีความถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์โลกและสถานการณ์เศรษฐกิจที่ต้องได้รับการแก้ไข และเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศ แต่จะแก้บางมาตรา หรือแก้ทั้งฉบับต้องไปอิงให้ถูกต้องตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ชพก.รับได้ที่ ส.ส.ร.จะมาจากการเลือกตั้งส่วนหนึ่ง และมาจากการแต่งตั้งส่วนหนึ่ง เพราะต้องมีความชอบธรรมที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และต้องได้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีความชำนาญและมีประสบการณ์มาช่วยกันร่าง เป็นองค์ประกอบสองส่วน เช่น มาจากการเลือกตั้งส่วนใหญ่ และอีกกว่า 20 คนมาจากการแต่งตั้งที่เลือกจากสาขาวิชาชีพทำให้องค์ประกอบของการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกต้องเหมาะสมในทุกมิติ เช่นเดียวกับ สส.ที่มาจากการเลือกตั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง