‘อ้วน’นั่งปธ.งบฯ67 ก.ก.ชูร่างพรบ.เงา

“เศรษฐา” เรียกพรรคร่วมกินข้าวกลางวันถกรับมืออภิปรายงบประมาณปี 2567 สุดพิลึก! ขุนคลังไม่นั่งเป็นประธาน กมธ. แต่โยนให้ “ซูเปอร์แมนอ้วน” รับหน้าที่ “ภูมิธรรม” บอกนายกฯ  ติดงานหลายอย่าง ช่วงต้นปีต้องเดินสายหาตลาด! “รทสช.” เตือนสติฝ่ายค้านอย่าใช้ซ้อมไม่ไว้วางใจ “ก้าวไกล” ข้องใจงบไม่ตรงปกกับนโยบายที่แถลง ปูดเงินท้องถิ่นต่ำกว่ายุคลุงตู่ทั้งที่เป็นรัฐบาลเลือกตั้ง ตีปี๊บให้รอชมร่าง พ.ร.บ.งบเงาในการทำงบประมาณปี 2568 เดือน พ.ค.

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม 2566 ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เชิญพรรคร่วมรัฐบาลร่วมรับประทานอาหารกลางวัน และประชุมเตรียมความพร้อมถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ระหว่างวันที่ 3-5 ม.ค.2567 โดยมีรัฐมนตรีและตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลต่างเข้าร่วมอย่างคึกคัก

จากนั้นเวลา 12.25 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า นายกฯ บอกให้ทุกคนไปพักผ่อนเติมกำลังให้เต็มที่ ปีหน้าจะได้มาเตรียมการให้หนักหน่วง เพราะจะมีเรื่องของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 ตั้งแต่ต้นปี ส่วนเรื่องการแบ่งสัดส่วนกรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณดูจากฐานความเป็นจริง โดยนายกฯ ให้ไปคุยกันในวิปรัฐบาล ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้เราเสนอสัดส่วนโควตา 72 คน ส่วนจะแบ่งกันอย่างไรต้องไปดูกันอีกครั้งให้เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ

นายภูมิธรรมกล่าวว่า สำหรับประธาน กมธ.งบประมาณ นายกฯ ได้มอบหมายตนเองทำหน้าที่ เพราะนายกฯ มีภารกิจทำอะไรหลายอย่าง และตนสามารถประสานกับนายกฯ ได้ นายกฯ จะได้ทำงานอย่างอื่นได้อย่างเต็มที่ ซึ่งช่วงปีแรกคงต้องหาตลาด ตนจึงทำหน้าที่ดังกล่าวและประสานงานกับพรรคอื่นด้วย

นายภูมิธรรมกล่าวถึงการอภิปรายงบประมาณ 2567 ว่าเป็นเรื่องปกติที่ทำต่อเนื่อง ยิ่งเรื่องงบประมาณไม่มีปัญหาอะไร โดยต้องดูวิธีคิดของพรรคร่วมรัฐบาลว่าจัดงบแบบไหน ซึ่งนายกฯ คงชี้แจงให้ทราบถึงวิธีการจัดงบในรัฐบาลนี้ จัดแบบไหนได้ประโยชน์อย่างไร อยากให้ผู้ร่วมอภิปรายฟังนายกฯ อย่างตั้งใจ และดูว่าถ้าทำไปตามกรอบที่นายกฯ พูดไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าไปแบบอื่นก็ต้องมาดูว่าจะใช้เวทีอภิปรายงบประมาณไปในประโยชน์ทางการเมือง แต่ให้ดูเรื่องการรักษาประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า นายกฯ ได้เชิญพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคมารับประทานอาหารกลางวัน และหารือในช่วงที่มีการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 โดยขอให้แต่ละพรรคเตรียมความพร้อมสูงสุด และกำชับว่าต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน

  เมื่อถามว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ได้มีการทักท้วงเรื่องรายชื่อบุคคลที่จะนั่งเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบ 2567 ในสัดส่วน ครม. 18 คน จากทั้งหมด 72 คน มีแต่รายชื่อบุคคลจากพรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุทินกล่าวว่า ได้สอบถามเพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะผู้เสนอเป็นฝั่ง ครม.พรรคเพื่อไทย จึงถามไปว่าเมื่อมีสัดส่วนของพรรค พท.แล้ว สัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นจะเหลือจำนวนเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้เตรียมจัดบุคลากรที่มีความเหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่ เรื่องมีเพียงเท่านี้ไม่มีอะไร

พรรคร่วมพร้อมหนุน

     ถามต่อว่า ที่ประชุม ครม.ได้ให้เหตุผลหรือไม่ ว่าเหตุใดจึงมีเฉพาะรายชื่อบุคคลจากพรรค พท. นายอนุทินตอบว่า เขาเป็นคนจัด และบอกว่าในส่วนของเขามีจำนวนนี้ ส่วนพรรคร่วมจะมีจำนวนเท่าไหร่ก็เสนอเข้ามาเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรนอกจากนี้เลย และนายกฯ ก็บอกว่าแบบนี้ถูกต้องแล้ว จัดให้ตามสัดส่วนที่เหมาะสมชัดเจน ส่วนการประชุม ครม.สัปดาห์หน้า จะมีรายชื่อครบทั้ง 18 คนตามสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่นั้น  เชื่อว่าในการลงมติรับหลักการวาระแรกในวันที่ 5 ม.ค.2567 ก็จะเสนอรายชื่อบุคคลที่จะเป็น กมธ.วิสามัญฯ

เมื่อถามว่า นายภูมิธรรมจะมานั่งเป็นประธานคณะ กมธ.วิสามัญงบฯ ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องให้แกนนำมีบทบาทเรื่องนี้ ทั้งงานรัฐบาลและงานสภา

 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า พรรคได้เวลาอภิปรายงบประมาณมา 30 นาที โดยจะแบ่งสรรปันส่วนกันในพรรค อาจคนละ 10-15 นาที  ซึ่งต้องมาพิจารณากันว่างบประมาณปี 2567 ที่มีเวลาใช้แค่ 5 เดือน สมาชิกแต่ละคนจะอภิปรายอย่างไรบ้าง โดยในส่วนของพรรค ชทพ.ดูแลในด้านพัฒนาสังคม ต้องให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะกระทรวงนี้มีเนื้องานที่เยอะ และเกี่ยวข้องกับประชาชนกลุ่มเปราะบาง คนสูงอายุ และคนพิการ ตอนนี้ให้สมาชิกไปทำการบ้านเพื่อเตรียมตัวอภิปราย 

 “เท่าที่ดูไม่ได้กังวลอะไร เพราะงบประมาณของ พม.ไม่ได้เยอะอะไร ส่วนใหญ่เป็นงบประมาณสนับสนุน และเป็นสวัสดิการให้กับเด็กแรกเกิดและดูแลผู้สูงอายุ” นายวราวุธกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายงบของ พม. 

ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษาของนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) กล่าวว่า นายกฯ ได้ฝากให้แต่ละพรรคกำชับสมาชิกให้เข้าร่วมการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3-5 ม.ค.67 อย่างพร้อมเพรียง โดยให้กำชับสมาชิกของแต่ละพรรคให้อยู่ในห้องประชุมให้มากที่สุด ทั้งนี้ การหารือไม่ได้ลงละเอียดเรื่องงบประมาณ เพียงแต่นายกฯ ขอให้ช่วยกันประชุม ในสิ่งที่แต่ละกระทรวงได้รับมอบหมาย ส่วนของพรรค ชพก.ซึ่งมีอยู่ 3 เสียง ไม่ได้เน้นอะไรเป็นพิเศษ ก็กำชับ สส. เราให้อยู่ครบองค์ประชุม ซึ่งปกติเป็นหน้าที่ของ สส.อยู่แล้ว

ส่วนที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีการประชุม สส.ของพรรคเพื่อหารือเรื่องการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค พร้อมแกนนำพรรคร่วมประชุม

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรค รทสช. แถลงภายหลังว่า พรรคได้แบ่งหมวดหมู่จัดสรรผู้อภิปรายแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มคือ 1.ด้านเศรษฐกิจ 2.ด้านสังคม เด็ก สตรี และผู้มีความหลากหลายทางเพศ 3.อุตสาหกรรมและพลังงาน 4.ด้านการปกครองและท้องถิ่น 5.การท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม รวมถึงวัฒนธรรม และ 6.การศึกษา และสาธารณสุข

รทสช.เตือนอภิปรายอย่าล้ำเส้น

นายอัครเดชกล่าวว่า นายเอกนัฏจะเป็นขุนพลอภิปรายคนแรกให้เห็นในภาพรวมในมุมมองของพรรคที่มีต่อการจัดสรรงบในปีนี้ และมีผู้อภิปรายอีก 8 คนใน 6 หมวดหมู่ และสุดท้ายนายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อจะอภิปรายสรุป โดยพรรคได้รับการจัดสรร 90 นาที จะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศมากที่สุดในการอภิปรายชี้แนะ เพื่อจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ นำงบไปใช้เกิดประโยชน์สูงสุด

เมื่อถามว่า มีการจัดทีมไว้หรือไม่กรณีรัฐมนตรีของพรรคถูกพาดพิง นายอัครเดชกล่าวว่า ไม่ใช่การจัดทีมองครักษ์พิทักษ์ใคร แต่เป็นการพิทักษ์หลักการมากกว่า เพราะการอภิปรายครั้งนี้ เป็นการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่ใช่อภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้นจึงขอฝากไปถึงฝ่ายค้าน ว่าอย่าหลงประเด็นว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้ามีการอภิปรายพาดพิงในส่วนของรัฐมนตรี หรืออดีตรัฐมนตรีที่ผ่านมา ทาง สส.พรรคมีความจำเป็น ต้องลุกขึ้นทักท้วงในที่ประชุม ให้การอภิปรายอยู่ในกรอบการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ

เมื่อถามอีกว่า ฝ่ายค้านมีการมองว่าเป็นการซ้อมย่อยก่อนถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอัครเดชกล่าวว่า ได้ยินมาเหมือนกัน การซักซ้อมสามารถทำได้เป็นเรื่องปกติ แต่การอภิปรายต้องอยู่ในประเด็นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ การอภิปรายรัฐมนตรีควรอยู่ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนในครั้งนี้เป็นการชี้แนะและแนะนำรัฐบาลในการบริหารงบประมาณแผ่นดิน ดังนั้นอย่าหลงประเด็น

ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้านนั้น กลุ่มก้าว Geek ซึ่งเป็นทีมดิจิทัลของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และภาคประชาสังคมกลุ่ม WeVis ได้แปลงเอกสารงบประมาณจากรูปแบบกระดาษหรือไฟล์ PDF จำนวน 13,427 หน้า มาเป็นไฟล์ตาราง Excel เพื่อให้ สส.และประชาชนที่สนใจสามารถนำตัวเลขไปวิเคราะห์ต่อได้ง่าย โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. กล่าวว่า ได้แปลงเอกสารงบประมาณปี 2567 เป็นไฟล์ตาราง Excel เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยสามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้ และกำลังเร่งแปลงเอกสาร พ.ร.บ.งบประมาณ 2 ปีย้อนหลัง คือปี 2565 และ 2566 ที่ผ่านการพิจารณาของสภาไปแล้ว มาเป็นรูปแบบไฟล์ตาราง Excel ด้วย โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ และเผยแพร่สู่ประชาชนได้ภายในสิ้นปีนี้

"กิจกรรมระดมสรรพกำลังเช่นนี้ แม้เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเลย หากสำนักงบประมาณจัดทำไฟล์ตาราง Excel ให้ประชาชนตั้งแต่ต้น ดังนั้นในการจัดทำงบประมาณปีถัดไปจึงขอวิงวอนให้สำนักงบประมาณปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดทำเอกสารงบประมาณ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายร่วมกัน"

ข้องใจงบท้องถิ่นหดหาย!

นายณัฐพงษ์ยังกล่าวถึงการจัดทำงบประมาณปี 2567 ว่า แม้การจัดทำงบประมาณในปีนี้มีความล่าช้ามากว่า 6 เดือน เพราะอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวการจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็คาดหวังว่าจะได้เห็นรูปแบบการจัดทำงบประมาณที่เปลี่ยนแปลงไปจากรัฐบาลเดิม และสอดคล้องกับนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แต่จากการติดตามผ่านคณะ กมธ.กว่า 3 เดือน รวมถึงการอ่านเอกสารยังไม่พบตัวอย่างนโยบายของรัฐบาลที่ถูกบรรจุไว้ในเอกสารงบประมาณอย่างชัดเจนมากนัก เช่น นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ และที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือ งบประมาณปี 2567 เป็นปีแรกในประวัติศาสตร์ที่สัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต่อรายได้สุทธิของรัฐบาลลดลง โดยในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 29.8% ซึ่งไม่เคยลดลง ส่วนมากจะเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่งบปี 2567 เป็นปีแรกที่สัดส่วนนี้ลดลงเหลือเพียง 29.1% จึงเป็นสัญญาณที่น่ากังวลต่อการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ทั้งที่เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

นายณัฐพงษ์ยังกล่าวว่า ขอให้ประชาชนติดตามการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ซึ่งจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 ม.ค. ซึ่งพรรคมีธีมอภิปรายว่าวิกฤตแบบใด? ทำไมจัดงบแบบนี้ นำโดยนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค ก.ก. รวมถึงผู้อภิปรายคนอื่นๆ โดยพรรคจะทำงานหนักข้ามปีใหม่ เพื่อตรวจสอบงบประมาณให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด

"ในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุก พรรคไม่ได้มุ่งตรวจสอบหรือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่ต้องนำเสนอด้วยว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะจัดทำงบประมาณให้สอดคล้องกับนโยบายที่ให้สัญญากับประชาชนไว้อย่างไร โดยช่วงการอภิปรายงบประมาณปี 2568 ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน พ.ค. 2567 พรรคจะนำเสนอตัวอย่างร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเงา เพื่อให้สภาและประชาชนร่วมกันพิจารณาด้วย" นายณัฐพงษ์ระบุ

วันเดียวกัน นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผูแทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาวิชาการสำนักงบประมาณของรัฐสภา เรื่อง ‘วิเคราะห์ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567’ และบรรยายเกี่ยวกับ ‘การเพิ่มขีดความสามารถของรัฐสภา ในกระบวนการงบประมาณ’

‘วันนอร์’ เล็งขอตั้งงบประมาณเอง

โดยนายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า สมาชิกรัฐสภามีหน้าที่ควบคุมงบประมาณของรัฐบาล เหมือนแม่บ้าน ที่คุมงบประมาณประจำบ้าน ถ้าเมียไม่รู้ว่าเอางบไปทำอะไร ก็อาจมีปัญหา หรือนำเงินไปใช้สุรุ่ยสุร่ายไม่ถูกต้องก็ควบคุมไม่ได้  ทั้งนี้ สภาได้มีการแจกเอกสารงบประมาณ 2567 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. จึงอยากเชิญชวนสมาชิกให้มารับไปด้วย หากพิจารณาไม่ทันให้เอาบทวิเคราะห์ของสำนักงบประมาณของรัฐสภาไปดู เพราะบางคนอาจให้ความสำคัญกับงบประมาณน้อย บางคนไม่มารับเอกสารเป็นปี เลยเวลาพิจารณาไปแล้วยังไม่มาเอา ซึ่งมีการติดชื่อ สส.ไว้ด้วย ดังนั้นขอให้กรุณาเอาไป อ่านหรือไม่อ่าน ก็ให้เอาไปด้วย

นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวด้วยว่า ในอนาคตอันไม่นานจะพยายามตั้งงบประมาณของรัฐสภาเอง และให้สำนักงบประมาณของรัฐสภากับหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ร่วมจัดตั้งวิเคราะห์แต่ละหน่วยงานว่าต้องใช้งบใด ไม่ใช่รัฐให้มาได้มาไม่ตรงกับผู้ใช้ และที่สำคัญรัฐสภาฝ่ายนิติบัญญัติเป็นผู้ควบคุมรัฐบาล แต่ถ้าต้องไปขอรัฐบาลจะคุมได้อย่างไร ใครคุมใครกันแน่ คนถือเงินมักใหญ่เสมอ เช่น ในครอบครัวใครถือเงินคนนั้นใหญ่ เช่นเดียวกับหน่วยงานอื่นๆ หรือรัฐสภาในต่างประเทศ ที่เมื่อได้เงินมาถ้าเงินไม่พอต้องบริหารกันเอง ถ้าเงินเหลือไม่ต้องส่งคืนคลัง รัฐสภาอยากให้เป็นหน่วยงานอย่างนั้น

ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวถึงกรณี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ระบุว่าเตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า อยากให้ นพ.พรหมินทร์รอคำตอบที่ชัดเจนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน จะได้เตรียมการทุกอย่างให้แล้วเสร็จ เพราะหากกฤษฎีกามีความเห็นว่าไม่สามารถออกเป็นร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ได้ ก็จะเปลี่ยนแผนได้ทันท่วงที เนื่องจากไทม์ไลน์เดิมก็ถูกเลื่อนมาแล้ว 2 ครั้ง

"เดิมเคยประกาศว่าจะได้ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตเดือน ก.พ. ก็เปลี่ยนเป็นเดือน พ.ค. แต่หากเริ่มต้นในเดือน พ.ค. เท่ากับไม่ครอบคลุมในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลใดๆ เลย ซึ่งอาจต้องยืดเวลาโครงการไปอีก ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลได้เตรียมแผนสำรองไว้บ้างหรือไม่ เท่าที่เราตรวจสอบแล้ว หากไม่สามารถออกร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทได้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 ที่จะเข้าที่ประชุมสภาในอีกไม่กี่วัน ก็คงแก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว"

น.ส.ศิริกัญญายังกล่าวว่า หากร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทผ่าน ประกอบกับรัฐบาลเคยระบุว่า จะพยายามใช้หนี้คืนให้หมดภายใน 4 ปี สิ่งที่จะเกิดขึ้นทันที คือหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอีก 5 แสนล้านบาท ตัวเลขดูอาจไม่เยอะ ไม่ทำให้เกินเพดานหนี้ที่กำหนดไว้ แต่สิ่งที่จะตามมาคือภาระหนี้ที่มาพร้อมกับเงินต้น และดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายคืนในแต่ละปี เฉพาะดอกเบี้ยก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาทต่อปี เพิ่มขึ้นเกิน 10% ส่งผลให้สถาบันที่จัดอันดับความน่าเชื่อถือใช้พิจารณาความเข้มแข็งทางการเงินการคลังของประเทศ หากประเทศใดที่มีภาระดอกเบี้ยสูง ก็อาจสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤตการณ์ทางการคลัง

"ผลที่จะเกิดขึ้นในเศรษฐกิจหลายสำนักออกมาประมาณการณ์ว่า ผลกระทบต่อจีดีพีจะเป็นอย่างไร แต่ไม่มีสำนักไหนที่ประเมินว่าภายหลังที่เศรษฐกิจถูกกระตุ้นด้วยเม็ดเงิน 5 แสนล้านบาทแล้ว จะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้นได้เกิน 1% ดังนั้นการที่รัฐบาลระบุว่าจะพยายามให้จีดีพีเติบโตได้ 5%โดยเฉลี่ยภายใน 4 ปี แค่ในปีแรกที่มีการอัดเม็ดเงินจำนวนมหาศาล และน่าจะเป็นครั้งเดียวใน 4 ปี ยังทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นได้เพียง 3.6-3.8% เท่านั้นเองที่เคยระบุว่าเศรษฐกิจจะโต 5% ภายใน 4 ปีแทบเป็นไปไม่ได้เลย” น.ส.ศิริกัญญากล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.จับตาศึก ‘อบจ.ราชบุรี’

ประธาน กกต.ยันจับตาเลือกตั้ง อบจ.ราชบุรีวันอาทิตย์นี้ เตือนอย่าทำอะไรผิดกฎหมาย “2 ผู้สมัคร” แห่หาเสียงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะเด็กค่าย ปชน.

ไปข้างหน้าเพื่อชาติ! อิ๊งค์วอนเสื้อแดงให้เข้าใจ ราชทัณฑ์ดิ้นโต้เสรีพิศุทธ์

"นายกฯ อิ๊งค์" เผย ครม.นิ่งแล้ว รอตรวจประวัติเสร็จทำงานได้ทันที แจงจับมือ "ประชาธิปัตย์" เพื่อเสถียรภาพรัฐบาล บอกเข้าใจหัวอกคนเสื้อแดง วอนก้าวไปข้างหน้าเพื่อชาติ