รบ.แกงส้มผลักรวม ‘นิด’โอ่ครบรสปัดแกล้งใคร ปลื้ม‘เซลส์แมนสแตนด์ชิน’

สื่อประจำทำเนียบฯ ตั้งฉายารัฐบาล "แกง​ส้ม​ผลักรวม" สะท้อนภาพฉีก MOU ก้าวไกลตั้งรัฐบาล กลืนน้ำลายมีลุงก็ไม่เป็นไร พร้อมให้ฉายา 5  รัฐมนตรี "เศรษฐา" ได้ "เซลส์แมนสแตนด์ชิน" ระบุเป็นนายกฯ ที่มีเงาคนตระกูลชินวัตรยังปกคลุม "ภูมิธรรม” พอใจฉายา "รองกอง" กระจกสะท้อนการทำงาน “สุทิน” ฉายา “พลิกทินสู่ดาว” มั่นใจอยู่ค้างฟ้าได้ “ชาดา” มาเฟียละเหี่ยใจ "รมว.ยธ." ไม่ติดใจ "ทวี สอดไส้" ส่วนวาทะแห่งปี ‘ผมจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย​’ หลังโซเชียลแซวนายกฯ ทำงานยังไม่ถึง 4 เดือนขอลาพักผ่อน 4 วัน

เมื่อวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค.2566 สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลได้เปิดเผยการตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี  ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ ได้มีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2566 ดังนี้

ฉายารัฐบาล แกง​ส้ม ​"ผลัก" รวม ซึ่ง "แกง" คือคำสแลงที่ใช้แทนความหมายว่า แกล้ง "ส้ม" คือ สีของพรรคก้าวไกล ส่วนคำว่า "ผลักรวม" ล้อมาจากคำว่า "ผักรวม" เมนูแกงส้มยอดนิยมประเภทหนึ่ง เมื่อรวมกันแล้ว นิยามความหมายในทางการเมือง สะท้อนกระแสสังคม มองพรรคก้าวไกลถูกกลั่นแกล้ง MOU ถูกฉีก และถูกผลักออกจากการร่วมรัฐบาล ด้วยเงื่อนไขทางกฎหมาย และข้ออ้างทางการเมือง ส้มจึงหล่นใส่พรรคอันดับรอง กลืนน้ำลายจัดตั้งรัฐบาล "มีลุง" ก็ไม่เป็นไร โดยให้เหตุผลเพื่อความสมานฉันท์ ทำเอาแฟนคลับผู้รักประชาธิปไตยถึงกับหัวใจสลาย ก่อเกิดวาทกรรม "ตระบัดสัตย์" ดังนั้น แกง​ส้ม ​"ผลัก" รวม จึงใช้อธิบายปรากฏการณ์ทางการเมืองของการจัดตั้งรัฐบาลที่ว่า "ชนะเลือกตั้ง แต่แพ้จัดตั้ง" ได้เป็นอย่างดี

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง : เซลส์แมนสแตนด์ "ชิน" ซึ่งนับแต่เศรษฐีที่ชื่อ "เศรษฐา" เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็เดินหน้าทำงานทันที โดยเฉพาะการหารายได้เข้าประเทศ ต้องยอมรับในความมุ่งมั่นตั้งใจ คิดเร็วทำไว เดินสายพกประเทศไทยใส่กระเป๋า ไปโรดโชว์จีบนักลงทุนทั่วโลก ประกาศตัวเป็นเซลส์แมนเต็มรูปแบบ แต่ในทางการเมืองยังถูกมองว่า ไม่ใช่นายกฯ ตัวจริง เงาของคนในตระกูล "ชินวัตร" ยังปกคลุม เปรียบเสมือนตัวแสดงแทน หรือสแตนด์อิน เพราะเคยหลุดปากขณะออกงานพร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวสุดที่รักของนายใหญ่ หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยเช่นกันว่า "นายกฯ คนไหน มีนายกฯ 2 คน” อีกทั้งหลายนโยบายก็ถูกวิจารณ์ว่า ต่อยอดมาจากนโยบายเดิมของรัฐบาลนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นายภูมิธรรม​ เวชย​ชัย​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​พาณิชย์ : รองกอง ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 คนที่นายกรัฐมนตรีต้องเชื่อใจ และปล่อยให้ดูแลทุกอย่าง เมื่อต้องออกไปเดินสายขายของในต่างประเทศ ต้องรับเละทุกงานในมิติการเมือง และถูกโยนให้รับผิดชอบเป็นเจ้าภาพหลักหลายเรื่อง ที่นายกฯ หลายยุคหลายสมัยต้องนั่งหัวโต๊ะ กลับกลายเป็นการประชุมครั้งแรกของรัฐบาลนี้ รองนายกฯ ที่ชื่อ "ภูมิธรรม" ต้องทำหน้าที่แทน นับตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาล การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาประมง กลุ่มพีมูฟ สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ EEC หรือแม้แต่ช่วงวิกฤตนาทีชีวิตแรงงานไทยในอิสราเอล ประชุมนัดแรกก็ยังเป็น "ท่านรอง ภูมิธรรม" ไหนจะงานหลักในกระทรวง ปัญหาของแพง ราคาอ้อย น้ำตาล อีนุงตุงนัง กองสุมอยู่รอบตัว เหมือนลองกอง ผลดก พวงยาว กิ่งใหญ่

นายสุทิน คลังแสง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​กลาโหม​ : พลิกทินสู่ดาว ซึ่งได้ยินแทบไม่เชื่อหู ใครเห็นเป็นต้องขยี้ตา เมื่อพลเมืองเต็มขั้น เคยรับเงินเดือนครู หลงใหลในดนตรีหมอลำ ผันตัวเข้าสู่แวดวงการเมือง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกองทัพ นอกจากนามสกุล "คลังแสง"  ขนาดเจ้าตัวยังไม่เคยนึกฝันว่าชีวิตนี้จะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ด้วยบุคลิกสุภาพ ใจเย็น มืออ่อน และลีลาร้องรำน่าเอ็นดู จึงเข้าได้กับทหารทุกกรมกอง พลิกชีวิตลูกอีสาน สู่ดาวเจิดจรัสเฉิดฉาย ท่ามกลางเหล่าทัพได้อย่างแนบเนียน

พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงยุติธรรม : ทวี สอดไส้ ซึ่งยิ่งกว่านอนมา สำหรับตำแหน่งเจ้ากระทรวงยุติธรรม เต็งหนึ่งชื่อเดียว แบบไร้คู่แข่งมาตั้งแต่ต้น สะท้อนความไว้วางใจจากนายใหญ่แค่ไหน คงไม่ต้องพูดถึง แม้จะไม่โดดเด่นในการบริหารราชการช่วง 3 เดือนแรก แต่กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็น เอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังเดินทางกลับมารับโทษ ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตำรวจ ทำให้ไม่ต้องนอนคุกแม้แต่คืนเดียว เผือกร้อนแค่ไหนคงไม่ต้องถาม มือพองแค่ไหนก็ต้องถือ กว่านายทักษิณจะออกจากคุก ต้องถูกจ้องถล่มอีกมากแค่ไหน คงไม่ต้องเดา

นายชาดา ไทย​เศรษฐ์​ รัฐมนตรี​ช่วยว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ : มาเฟียละเหี่ยใจ​ ซึ่งนักการเมืองชื่อดังแห่งจังหวัดอุทัยธานี ประวัติโลดโผน ภาพจำพัวพันวงการนักเลง ถูกประทับตรามาเฟีย ผู้คนยกสถานะให้เป็นผู้ทรงอิทธิพล แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธมาโดยตลอด พร้อมให้คำจำกัดความตัวเองไว้ว่า “ความดีพอสมควร ความชั่วพอประมาณ สันดานพอคบได้” หน้าที่การงานในตำแหน่งรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญ เป็นโต้โผปราบปราม "ผู้มีอิทธิพล" จนฮือฮากันทั้งประเทศ แต่ยังไม่ทันได้สร้างผลงาน "ลูกเขย" ก็สร้างเรื่องก่อน ถูกเจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) จับกุม ในข้อหาเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการระบบประปาหมู่บ้านแบบบาดาล 2 โครงการ งานนี้เก้าอี้รัฐมนตรีร้อนระอุ เปิดแถลงข่าวภายใน 24 ชั่วโมง สั่ง "ลูกเขย" ยื่นใบลาออกทันที ไม่ต้องรอสอบสวน ลั่นเป็นลูกเขยชาดา สปิริตต้องมากกว่าคนอื่น

นายกฯ เข้าใจฉายาเป็นสีสัน

สำหรับวาทะแห่งปี ‘ผมจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย​’ ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประกาศเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 หลังพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยขอทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย เป็นรัฐบาลที่จะทุ่มเท ทำงานหนัก รับฟังเสียงของประชาชน นำความสามัคคีกลับคืนสู่คนในชาติ แต่ทำงานยังไม่ถึง 4 เดือน กลับขอลาพักผ่อนกับครอบครัวเป็นเวลา 4 วัน จนชาวโซเชียลอดแซวไม่ได้ หากถามนักข่าวหลายคนที่คุ้นเคย และตามติดภารกิจนายเศรษฐา ต่างรู้ซึ้งเป็นอย่างดีถึงคำว่า "ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย" แทบทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ตามนายกฯ 3 เดือนเหมือน 3 ปี ให้สัมภาษณ์ทุกที่ที่มีโอกาส ถึงไม่เห็นหน้าก็มาทางโซเชียล ค่ำคืนไม่พักไม่ผ่อน โพสต์ประเด็นร้อนทันใจ "ภูเก็ตก็แค่ปากซอย" นักข่าวพิสูจน์แล้ว นายกฯ ทำได้จริง พร้อมสะท้อนปัญหาหลักของนายกฯ ที่มักบอกว่าเป็นคนพูดตรง คือ การสื่อสาร หลายครั้งนำภัยมาสู่ตน เมื่อขึ้นศักราชใหม่แล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร คงต้องรอติดตามกันต่อไป

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงฉายารัฐบาลแกงส้ม “ผลัก” รวม อย่างยิ้มแย้มอารมณ์ดีว่า “ได้เห็นฉายาที่สื่อมวลชนตั้งให้แล้ว ก็ไม่มีอะไรครับ และเข้าใจว่าทุกปีจะมีการตั้งฉายากัน”

ส่วนฉายาเซลส์แมนสแตนด์ “ชิน” นั้น เศรษฐากล่าวว่า ก็เข้าใจในทุกๆ ปีก็มีการตั้งฉายา ซึ่งเป็นเรื่องของสีสัน ฉายาของนายกฯ ที่ตั้งเป็นเซลส์แมนสแตนด์ชิน คำว่าเซลส์แมน ตนก็ทราบอยู่แล้ว เพราะประกาศตัวอยู่แล้ว ส่วนสแตนด์ “ชิน” เป็นคำควบกล้ำระหว่างภาษาไทยกับภาษาอังกฤษหรือเปล่า ซึ่งสื่อต้องอธิบายให้ฟัง ตนจึงจะตอบได้ ตนเองก็เข้าใจหลวมๆ ขอให้ถามได้เลย ไม่เป็นไรจะได้ตอบได้ถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า คำว่าสแตนด์ “ชิน”  ในคำบรรยายหมายความว่าอาจจะเป็นเงาของ น.ส.แพทองธาร ที่รอการขึ้นมาเป็นนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า อ๋อ โอเค แต่วันนี้ตนก็เป็นนายกฯ อยู่ และทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และพยายามตั้งใจเอาให้ครบ 4 ปีให้ได้ แต่สำคัญมากกว่านั้น ไม่ใช่อยู่ไปให้ครบ 4 ปีแล้วชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนไม่ได้ดีขึ้น ส่วนสแตนด์ “ชิน” คือคอยสำหรับให้ครอบครัวไหนเข้ามา อันนี้พี่น้องประชาชนเป็นคนตัดสินมากกว่า ตรงนี้ก็ต้องคอยการเลือกตั้งครั้งต่อไป ก็เข้าใจไม่ได้คิดอะไร

ถามว่ามองอย่างไรกับฉายารัฐบาลแกงส้ม “ผลัก” รวม นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ค่อยเข้าใจคำว่าผลักสักเท่าไหร่ แต่หลักแกงส้มเป็นแกงที่มีรสชาติดี และตนก็รู้ว่าเรารวมกันหลายพรรคอยู่แล้ว และรสชาติแกงส้มก็มีทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ใช่ไหม ตนคิดว่ารัฐมนตรีทุกคนก็ครบเครื่อง พร้อมที่จะทำงานให้กับพี่น้องประชาชน ตนมองเป็นลักษณะนั้นมากกว่า

ย้ำว่า คำว่า “แกง” หมายถึงการแกล้ง ที่เป็นการพรรคก้าวไกลในช่วงต้นๆ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ทราบ แต่พรรคเพื่อไทยเราก็โหวตให้ในตอนนั้น แต่ไม่สามารถรวบรวมเสียงได้ และเราก็ไม่สามารถคอยได้ 9-10 เดือนตามที่เขาบอก ก็ต้องทำหน้าที่กันไป ประเทศคอยไม่ได้ ไม่ได้แกล้งแน่นอน และยืนยันตามที่ตนพูดมาตลอดตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่ง ก็บอกอยู่แล้วว่าพร้อมสนับสนุนตรงนั้นหากสามารถทำได้

เมื่อถามว่า 314 เสียงแปลว่าจะไม่มีการปรับพรรคไหนมาหรือปรับออกใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่วันนี้เรามีความสุขอยู่แล้วตรงนี้ และเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกท่านจากทุกพรรคได้ทำงานอย่างเต็มที่ และตนก็ตระหนักดี พี่น้องสื่อมวลชนได้ให้ข้อคิดตลอดเวลา มีปัญหาตรงไหน ต้องแก้ไขตรงไหน และต้องปรับปรุงอย่างไร ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นให้รัฐมนตรีทุกคนทุกพรรคช่วยกันทำงานอยู่แล้ว

"ผมเชื่อว่า ณ วันนี้ 314 เสียงเรายังทำงานกันได้ดีอยู่ มีเรื่องหรือมีปัญหาอะไรเราก็คุยกันอย่างตรงไปตรงมาโดยเอาผลงานเป็นที่ตั้ง วันนี้เราโอเคอยู่แล้วตรงนี้" นายกฯ กล่าว

ถามว่า ถ้าได้มาเพิ่มอีก 25 เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ จะทำให้ดีขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ในแง่ของตัวเลขก็อาจจะดีขึ้น แต่ในแง่ของการที่จะมาเกลี่ยมาแบ่งกระทรวงกันใหม่มันก็ลำบากขึ้น มันไม่มีอะไรดีหมดหรอก ขอให้ยึดคำที่ตนพูดไว้ วันนี้ 314 เสียงพอแล้ว และรัฐมนตรีทุกท่านทำงานกันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ผลงานก็เริ่มทยอยออกมาแล้ว

ภูมิธรรมชี้สื่อสะท้อนทำงาน

ขณะที่นายภูมิธรรมกล่าวขอบคุณสื่อที่ตั้งฉายา “รองกอง” โดยระบุว่า รองนายกฯ ทุกคนได้รับความไว้วางใจจากนายกฯ อยู่ที่ว่าเป็นงานด้านใด ซึ่งในคณะรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคแกนนำมีเสียงมากที่สุด ก็ได้แบ่งงานตามสัดส่วน ซึ่งในการแบ่งงานนายกฯบอกว่าให้ลองทำไปก่อน แล้วคิดว่ามีส่วนไหนที่จะเหมาะสมมากที่สุด ทั้งนี้ก่อนที่ฉายาจะออกมา ก็มีโอกาสแบ่งงานให้ทุกส่วนด้วย

"ขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้กำลังใจให้การทำงาน สื่อเป็นกระจกสะท้อนที่เห็นและบอกว่ารู้สึกอย่างไร รัฐมนตรีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในการตั้งฉายา หน้าที่อย่างเดียวคือต้องไปตรวจสอบตัวเอง  เช่นผมเป็นรองกอง ก็ต้องไปนั่งคิดว่าเรากองอะไรไว้บ้าง ความหมายคืออะไร เป็นกระจกสะท้อนปรับปรุงให้ตัวเองทำงานได้ดีขึ้น อันไหนที่ตรงก็รับไปจัดการ อันไหนไม่ตรงก็เป็นข้อพึงสังวร ว่าอย่างน้อยก็ยังมีบางส่วนที่มองเราแบบนี้" นายภูมิธรรมกล่าว

ถามถึงฉายารัฐบาลแกงส้ม “ผลัก” รวม นายภูมิธรรมกล่าวว่า จริงๆ แกงส้มผักรวมอร่อย และตนก็ชอบทาน ซึ่งนายภูมิธรรมเข้าใจตัวสะกดผิดจึงบอกว่ายิ่งเอาผักหลายชนิดมารวมกันยิ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ก่อนยอมรับว่าเป็นเสียงสะท้อนได้ตรงส่วนหนึ่ง เพราะเราเป็นรัฐบาลผสม พร้อมยังบอกว่าแกงส้มผักรวมอาจติดระดับมิชลินได้

ผู้สื่อข่าวพยายามสื่อสารว่าฉายาที่ตั้งนั้นคำว่าผลัก ไม่ใช่คำว่าผัก ก่อนอธิบายเพิ่มเติมถึงความหมายคือการผลักให้พรรคก้าวไกลออกจากการจัดตั้งรัฐบาล แล้วพรรคเพื่อไทยและพรรคขั้วรัฐบาลเดิมก็มาอยู่รวมกัน ซึ่งนายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่สำคัญที่พวกเรามาทำงานร่วมกัน ผ่านสภาพปัญหาที่เป็นวิกฤตของประเทศมาด้วยกัน และเราช่วยให้ผลักดันตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ทำงานด้วยกันแบบไม่มีปัญหา

"วันนี้ยืนยันตามที่นายกฯ บอกว่า 314 เสียง มีความมั่นคง ไม่มีวอกแวก มีแต่จะช่วยกันทำงานให้หนักขึ้น เพราะนายกฯ ขยัน สื่อมวลชนเองก็ไม่ได้พักต้องวิ่งตามนายกฯ ส่วนรัฐมนตรีก็ต้องทำงานให้เต็มที่ ซึ่งไม่มีผลัก มีแต่ผักรวมกัน" นายภูมิธรรมกล่าว

ด้านนายสุทินกล่าวถึงฉายา “พลิกทิน สู่ดาว” ว่า ตั้งอะไรให้ก็ดีทั้งนั้น  เพราะเคารพในวิจารณญาณของสื่ออยู่แล้ว ขอบคุณสื่อ ตั้งอย่างไรก็รับ

ถามว่า การตั้งว่า “พลิกทิน สู่ดาว” แล้วจะทำงานอย่างไรให้เป็นไปตามฉายา นายสุทินตอบว่า ก็ต้องทำให้ไปสู่ดาวจริงๆ หวังว่าปีหน้าปีต่อไปจะไม่ใช่ดาวดับ จะต้องทำงานให้เป็นดาวเด่น เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้เป็นดาวค้างฟ้า นายสุทินตอบว่า “ผมมั่นใจทำได้ แต่ตอนนี้ยังไม่หลงว่าเป็นดาว เอาเป็นว่าไม่เป็นรัฐมนตรีที่แย่กว่าคนก่อนๆ เอาแค่นั้น เอามาตรฐานไม่ตกจากคนก่อนๆ”

เมื่อถามว่า จะสร้างภาพจำการเป็นรัฐมนตรีกลาโหมพลเรือนอย่างไร นายสุทินกล่าวว่า คิดว่าตอนนี้ก็น่าจะจำแล้ว เท่าที่สัมผัสได้มีอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไประหว่างรัฐมนตรีที่เป็นพลเรือนกับรัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็นพลเรือนบรรยากาศเปลี่ยน ถ้าเราทำให้ประชาธิปไตยเดินหน้าได้ ทำให้บรรยากาศมีการพัฒนาบ้านเมืองได้ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จแล้ว

ส่วนนายชาดา ได้ครวญเพลงหัวใจละเหี่ย ของไข่ มาลีฮวนน่า หลังสื่อถามถึงความเห็นฉายา "มาเฟีย ละเหี่ยใจ"  พร้อมร้องเพลงดังกล่าวในท่อนที่ว่า บางครั้งหัวใจละเหี่ย เหนื่อยท้อแท้นั่งเศร้าคนเดียว หนทางยาวไกลๆ

"เป็นเรื่องธรรมดา และเป็นเรื่องที่ทำกันทุกปี ทุกรัฐบาลก็ทำ เป็นเรื่องการหยอกล้อกันธรรมดา ไม่ถือสาอะไรครับ ถือว่าสนุกสนานดี แต่บังเอิญผมไม่ใช่น้าไข่ แต่ชอบเพลงนี้หัวใจละเหี่ย” นายชาดากล่าว

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี​กล่าวถึงฉายา ​"ทวี สอดไส้" ว่า เป็นมุมมองที่ต้องเคารพสื่อ ซึ่งตนเป็นคนสาธารณะ ก็แล้วแต่มุมมอง ซึ่งสังคมต้องดูที่ผลงานมากกว่า ส่วนตัวก็ไม่ได้ติดใจฉายานี้

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงฉายารัฐบาลแกงส้ม "ผลัก" รวม ว่าถ้าจะมองในลักษณะการทำงานอย่างเร็วก็ไม่แปลก แต่หากเป็นการตำหนิเรื่องที่เกิด คิดว่าการทำงานในระยะกลาง สั้น และยาว จะเป็นคำตอบ คิดว่าการตั้งฉายาอาจเป็นการพูดเพื่อหวังผล และเป็นธรรมดาของสื่อมวลชนที่พยายามจะตั้งอะไรเพื่อให้เป็นประเด็นได้ต่อเนื่อง แต่มั่นใจว่าสื่อมวลชนมีวิจารณญาณที่ดี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.จับตาศึก ‘อบจ.ราชบุรี’

ประธาน กกต.ยันจับตาเลือกตั้ง อบจ.ราชบุรีวันอาทิตย์นี้ เตือนอย่าทำอะไรผิดกฎหมาย “2 ผู้สมัคร” แห่หาเสียงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะเด็กค่าย ปชน.

ไปข้างหน้าเพื่อชาติ! อิ๊งค์วอนเสื้อแดงให้เข้าใจ ราชทัณฑ์ดิ้นโต้เสรีพิศุทธ์

"นายกฯ อิ๊งค์" เผย ครม.นิ่งแล้ว รอตรวจประวัติเสร็จทำงานได้ทันที แจงจับมือ "ประชาธิปัตย์" เพื่อเสถียรภาพรัฐบาล บอกเข้าใจหัวอกคนเสื้อแดง วอนก้าวไปข้างหน้าเพื่อชาติ