นายกฯลุยใต้ สั่งทุกหน่วย ช่วยน้ำท่วม

นายกฯ บินด่วน นราธิวาสให้กำลังใจชาวใต้ หลังน้ำท่วมฉับพลัน 5 จังหวัด ลั่นยังไว้ใจไม่ได้แม้ฝนหาย เล็งปรับระบบเตือนภัยป้องกันเหตุซ้ำซาก ขณะที่ รมต.พรรคร่วมฯกำชับหน่วยงาน-กองทัพช่วยเหลือด่วน  พร้อมมาตรการเยียวยาหลังน้ำลด ปภ.เผยชาวบ้านเดือดร้อนเกือบ 2 หมื่นครัวเรือน นราธิวาสหนักสุด

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 26 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ว่า ช่วงบ่ายตนจะเดินทางไปยังอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีหลายครอบครัวประสบความเดือดร้อนจากภาวะน้ำท่วมฉับพลัน จากร่องความกดอากาศต่ำที่พัดผ่านเข้ามา ตอนนี้รับทราบสถานการณ์ว่าเริ่มจะคลี่คลายลงไปแล้ว ปริมาณน้ำก็สามารถระบายลงทะเลไปได้ แต่ก็ยังมีความเสียหายอยู่ จะได้ถือโอกาสลงไปพบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่และให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ที่ลงไปช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.40 น. นายกฯ เดินทางถึงท่าอากาศยานนราธิวาส โดยมีนายเกรียง กัลป์ตินันท์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย,   ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และหน่วยงานราชการในพื้นที่รอต้อนรับ พร้อมมอบของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และยา อาหารสัตว์พระราชทาน ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้แก่ตัวแทนเกษตรกรในพื้นที่

โดยในพื้นที่ชุมชนเขตเทศบาลตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งอยู่ใกล้กับคลองตันหยงมัส และเป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมบ้านเรือนของประชาชน นายกรัฐมนตรีได้สวมรองเท้าบูตเดินลุยน้ำเพื่อไปพูดคุยกับประชาชนที่ประสบอุทกภัย

จากนั้นนายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ว่า หากย้อนไป 36 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ สถานการณ์เลวร้ายกว่านี้ ซึ่งบริเวณที่สูงและที่ต่ำมีความแตกต่างกัน การไหลของน้ำลงสู่ทะเลที่รับน้ำเป็นไปด้วยดี และสถานการณ์ขณะนี้คลี่คลาย แต่น้ำมีการสะสมบริเวณปลายน้ำ ซึ่งนายเกรียงจะอยู่ดูแลภาพรวมทั้งหมด เนื่องจากขณะนี้น้ำมาเร็ว ซึ่งตามพยากรณ์อากาศถือว่าโชคดี เนื่องจากจะไม่มีฝนแล้ว แต่ก็ไว้ใจไม่ได้ จึงต้องระมัดระวังให้ดี ซึ่งต่อไปจะต้องดูเรื่องระบบเตือนภัยให้ครบวงจร ทำงานเชิงรุกมากขึ้นในการเตือนภัย  ส่วนน้ำท่วมครั้งนี้ถือเป็นน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือว่าเยอะที่สุด

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีโครงการแก้ไขปัญหาในระยะยาว เนื่องจากในพื้นที่อุทกภัยอย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะต้องดูองค์รวมทั้งหมดว่าสามารถแก้ไขได้แค่ไหน และมีโครงการขนาดใหญ่หรือไม่ แน่นอนว่าเรายังไม่อยากให้เกิดปัญหาซ้ำอีกซ้ำแล้วซ้ำซาก และเกิดการสูญเสียชีวิตเกิดขึ้น จึงต้องฝากประชาชน หากมีการเตือนภัย ขอให้เชื่อกันหน่อย ต้องระวังต่อไป เพราะตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ปลอดภัยนัก ขอให้ระมัดระวังให้ดี ฟังการเตือนภัยให้ดี ระหว่างนี้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขจะพยายามช่วยดูแลและเยียวยา และขอขอบคุณหน่วยงานรัฐทุกหน่วยงาน ที่ช่วยสละเวลามา และกองทัพเองก็มาทำครัวเคลื่อนที่ ช่วยบรรเทาไปได้มาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส นายกรัฐมนตรีได้นั่งรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน กจ 4544 นราธิวาส

ด้านความเคลื่อนไหวของหน่วยงานต่างๆ นั้น นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพช่วยประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะเป็นนโยบายของกองทัพ หากมีปัญหาอะไรต้องช่วยประชาชน และได้ตรวจสอบสถานการณ์อยู่ตลอด แม้จังหวัดยะลาจะเกิดสถานการณ์น้ำท่วมหนักสุดในรอบ 30 ปี ก็เชื่อว่ากองทัพจะทำการช่วยเหลือประชาชนได้ดี เพราะมีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นกำลังพล ในการขนย้ายคน สัตว์ สิ่งของ และเครื่องมือ ทั้งเรือและรถ กองทัพมีเครื่องมือพร้อมที่สุด จึงจะระดมกำลังเข้าช่วยเหลือให้เต็มที่

 ล่าสุด ขณะนี้กองทัพภาคที่ 4 ได้ดำเนินการลุยช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับรายงานว่าดำเนินการเป็นไปด้วยดี แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแรงเกินคาด และนอกจากน้ำท่วมแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องการใช้ไฟฟ้า การคมนาคมขนส่ง และโรคภัยไข้เจ็บที่จะซ้ำเติมประชาชนด้วย เพราะฉะนั้นต้องระวังทุกอย่าง และทางกองทัพก็เตรียมการหลังน้ำลดในการการฟื้นฟู ยืนยันกองทัพทุ่มเทช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่

ขณะที่ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายกฯ ได้มอบหมายกระทรวงมหาดไทยติดตามดูแลและช่วยเหลือประชาชน โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้ติดตามการดำเนินตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด

 ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รายงานสถานการณ์ ณ เวลา 06.00 น. ของวันที่ 26 ธ.ค.66 ว่า ผลจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องระหว่างวันที่ 22-26 ธ.ค. ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากใน 5 จังหวัด 24 อำเภอ 384 ตำบล มีประชาชนได้รับผลกระทบ 19,624 ครัวเรือน ดังนี้ 1.จ.สตูล น้ำท่วม 1 อำเภอ  4 ตำบล 14 หมู่บ้าน ครัวเรือนได้รับความเสียหาย 1,222 ครัวเรือน 2.จ.สงขลา 2 อำเภอ 3 ตำบล 11 หมู่บ้าน ครัวเรือนได้รับความเสียหาย 190 ครัวเรือน 3.จ.ยะลา 6 อำเภอ 20 ตำบล 48 หมู่บ้าน ครัวเรือนได้รับความเสียหาย 424 ครัวเรือน 4.จ.ปัตตานี 4 อำเภอ 8 ตำบล 12 หมู่บ้าน ครัวเรือนได้รับความเสียหาย 1,108 ครัวเรือน และ 5.จ.นราธิวาส 11 อำเภอ 57 ตำบล 229 หมู่บ้าน 16,680 ครัวเรือน

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นายวัชระ ยาวอหะซัน สส. รทสช. จ.นราธิวาส  ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลงไปให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ตอนนี้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สาหัส ได้สั่งให้กรมชลประทานล่วงหน้าไปก่อน เพื่อดูสถานการณ์และช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ส่วนจะไปวันไหนต้องดูสถานการณ์

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ได้แจ้งปลัดกระทรวงและผู้บริหารกระทรวง  ทุกกรม กำชับให้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมจังหวัดช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 3  จังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ซึ่งมีความเป็นห่วงประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เด็กเล็ก คนพิการ และคนชรา เนื่องจากเห็นภาพถ่ายแล้วพบว่า สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดนราธิวาสทั้ง 13 อำเภอค่อนข้างรุนแรง

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค มีความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ขอส่งกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัย พร้อมได้สั่งการให้บุคลากรของพรรค สส. อดีต สส. และตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ร่วมกันให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและเต็มที่

ที่ จ.ปัตตานี หลายพื้นที่ของจังหวัดปัตตานี โดยเฉพาะลุ่มน้ำสายบุรี มวลน้ำจากจังหวัดนราธิวาสได้ไหลบ่าลงมาสมทบในแม่น้ำสายบุรีเมื่อคืนวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มวลน้ำจำนวนมากเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมหลายจุด โดยเฉพาะถนนเส้นหมู่บ้านเจาะกือแย ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จมอยู่ใต้น้ำ รวมถึงบ้านเรือน เช่นเดียวกับถนนสายหลัก ปัตตานี-นราธิวาส รวมถึงอำเภอกะพ้อซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากนราธิวาส ท่วมหนักในรอบ 30 ปี เช่นเดียวกับ อ.ยะรัง และ อ.มายอ หลายหมู่บ้านที่ติดกับริมแม่น้ำและเป็นพื้นที่ต่ำก็ประสบปัญหาน้ำท่วม.